พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,595 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ทุจริตลักทรัพย์ของกลาง แม้ไม่มีหน้าที่ดูแลโดยตรงแต่ได้รับคำสั่งให้ดูแลทรัพย์สิน
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่สายตรวจเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจยึดเลื่อยยนต์ เป็นของกลางและมอบให้นายดาบตำรวจ ส. เป็นผู้เก็บรักษาไว้แล้ว จำเลยที่ 1 หาได้มีหน้าที่จัดการหรือรักษาเลื่อยยนต์ ของกลางโดยตรงไม่ แม้จำเลยที่ 1จะเป็นผู้นำเลื่อยยนต์ ดังกล่าวไปขาย ก็ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 จำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติหน้าที่เวรยามและสายตรวจซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาสิ่งของต่าง ๆ ในบริเวณสถานีตำรวจ ถือว่าจำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งโดยชอบให้ดูแลรักษาทรัพย์ของกลางที่สถานีตำรวจด้วย การที่จำเลยที่ 1 อาศัยโอกาสดังกล่าวลักเลื่อยยนต์ ของกลางซึ่งอยู่ในความดูแลตามหน้าที่ไปขายเพื่อประโยชน์ส่วนตัว จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำทรัพย์สินของผู้อื่นไปเพื่อเรียกหนี้ ไม่ถือเป็นการลักทรัพย์ หากมีเจตนาให้ชำระหนี้เท่านั้น
จำเลยเอาตู้เย็นของผู้เสียหายไปเพื่อให้ผู้เสียหายและภริยาผู้เสียหายไปติดต่อชำระหนี้ที่ค้างต่อกัน จึงไม่เป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นกรณีไม่ต้องด้วย ป.อ. มาตรา 334จำเลยจึงไม่มีความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำทรัพย์สินของผู้อื่นไปเพื่อเรียกร้องหนี้ ไม่ถือเป็นการลักทรัพย์ หากมีเจตนาให้ชำระหนี้
ภริยาผู้เสียหายเป็นหนี้จำเลย จำเลยจึงตามไปที่บ้านผู้เสียหายและเอาตู้เย็นของผู้เสียหายไปเพื่อให้ผู้เสียหายและภริยาผู้เสียหายไปติดต่อชำระหนี้ที่ค้างต่อกัน การกระทำของจำเลยจึงมิได้เป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริตหรือเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5722/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์และการปลอมแปลงเอกสารเพื่อเอื้อประโยชน์ในการลักทรัพย์เป็นความผิดต่อเนื่อง
การที่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ร่วม ได้ร่วมกันปลอมเอกสารใบรับสินค้าอันเป็นเอกสารสิทธิของบริษัท ก. แล้วปลอมลายมือชื่อบุคคลในร้าน ฟ. ลงในช่องผู้รับสินค้าเพื่อแสดงเป็นหลักฐานว่าร้าน ฟ. ได้รับสินค้าดังกล่าวแล้ว นำเอกสารที่ปลอมขึ้นไปแสดงต่อโจทก์ร่วมซึ่งเป็นนายจ้างเพื่อให้หลงเชื่อว่าร้าน ฟ.ได้รับสินค้าที่ทางโจทก์ร่วมรับขนส่งจากบริษัท ก. ไว้แล้วการกระทำของจำเลยทั้งสองล้วนแต่เป็นวิธีการเพื่อผลในการเอาทรัพย์สินไป ดังนั้น แม้การปลอมเอกสารกับการใช้หรืออ้างเอกสารปลอมต่างเป็นความผิดสำเร็จก็ตาม แต่ก็เป็นความผิดหลายบทต่อเนื่องโดยมุ่งเจตนาในความสำเร็จของความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดหลายบท ต้องลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5722/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์ต่อเนื่องจากการปลอมเอกสารเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สิน ศาลพิจารณาเป็นความผิดต่อเนื่อง
การที่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ร่วม ได้ร่วมกันปลอมเอกสารใบรับสินค้าอันเป็นเอกสารสิทธิของบริษัท ก. แล้วปลอมลายมือชื่อบุคคลในร้าน ฟ. ลงในช่องผู้รับสินค้าเพื่อแสดงเป็นหลักฐานว่าร้าน ฟ. ได้รับสินค้าดังกล่าวแล้ว นำเอกสารที่ปลอมขึ้นไปแสดงต่อโจทก์ร่วมซึ่งเป็นนายจ้างเพื่อให้หลงเชื่อว่าร้าน ฟ.ได้รับสินค้าที่ทางโจทก์ร่วมรับขนส่งจากบริษัท ก. ไว้แล้วการกระทำของจำเลยทั้งสองล้วนแต่เป็นวิธีการเพื่อผลในการเอาทรัพย์สินไป ดังนั้น แม้การปลอมเอกสารกับการใช้หรืออ้างเอกสารปลอมต่างเป็นความผิดสำเร็จก็ตาม แต่ก็เป็นความผิดหลายบทต่อเนื่องโดยมุ่งเจตนาในความสำเร็จของความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดหลายบท ต้องลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5702/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฐานรับของโจรและการพิพากษาให้ชดใช้ค่าไถ่ทรัพย์สินที่ถูกลัก
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำความผิดของจำเลยที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษในฐานรับของโจรว่า จำเลยได้ครอบครองและนำเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายไปจำนำที่โรงรับจำนำโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ ดังนั้น ที่ศาลล่างเชื่อว่าจำเลยนำเอาเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายไปจำนำโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด และลงโทษจำเลยฐานรับของโจร จึงมิใช่เป็นการนำข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้องหรือที่โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษมาลงโทษจำเลย การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้รับของโจรโดยช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียและรับไว้ซึ่งเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายนั้นเป็นการบรรยายความเห็นของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานรับของโจรเพราะเหตุใด มิใช่เป็นการบรรยายในส่วนของการกระทำของจำเลยที่ประสงค์จะให้นำไปพิจารณาว่า เป็นความผิดหรือไม่ ดังนั้นแม้โจทก์จะไม่บรรยายว่าการจำนำเป็นการช่วยจำหน่าย ก็ไม่ถือว่าโจทก์บรรยายฟ้องไม่ ครบองค์ประกอบของความผิด โจทก์ขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เครื่องรับโทรทัศน์สีแก่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 แต่ค่าไถ่ที่ผู้เสียหายเสียไป มิใช่ทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดฐานรับของโจรของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเพราะมิใช่เป็นการคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามคำขอของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5158/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ แม้ไม่มีเจตนาซื้อขายหรือฝากเลี้ยง ก็ถือเป็นความผิดฐานรับของโจรได้
พฤติการณ์ที่จำเลยรับเป็ดของกลางจำนวนมากถึง 1,000 ตัวไว้จาก ป. โดยไม่มีข้อตกลงในการซื้อขายหรือฝากเลี้ยงกันในลักษณะใดนั้น ถือได้ว่าเป็นการรับไว้โดยประการใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า รับเป็ดของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เป็นการฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก.
จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า รับเป็ดของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เป็นการฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5158/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ โดยไม่มีข้อตกลงซื้อขาย ถือเป็นความผิดฐานรับของโจร
พฤติการณ์ที่จำเลยรับเป็ดของกลางจำนวนมากถึง 1,000 ตัวไว้จาก ป. โดยไม่มีข้อตกลงในการซื้อขายหรือฝากเลี้ยงกันในลักษณะใดนั้น ถือได้ว่าเป็นการรับไว้โดยประการใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า รับเป็ดของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เป็นการฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5087/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการลักทรัพย์: ภรรยาชักชวนมารดาผู้เสียหาย หน่วงเวลาเอื้อประโยชน์สามี
จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 ในวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองไปซักผ้าที่บ่อน้ำหน้าบ้านของโจทก์ร่วมด้วยกัน แต่จำเลยที่ 1แยกตัวไปก่อน แล้วจำเลยที่ 2 ได้เข้าไปชวน ส. มารดาของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่เฝ้าบ้านให้ออกไปเก็บใบพลู ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ให้เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของโจทก์ร่วมได้โดยสะดวกและหลังจากมีเสียงสุนัขเห่าซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมแล้ว ส. จะกลับ จำเลยที่ 2 ก็ได้ชวนคุยต่ออันถือได้ว่าเป็นการหน่วงเวลาไว้เพื่อให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ซึ่งกำลังเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านโจทก์ร่วมกระทำผิดได้ต่อไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ทั้งก่อนและขณะเข้าไปลักทรัพย์ของโจทก์ร่วม อันเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5087/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการลักทรัพย์: ภรรยาชวนแม่เหยื่อออกไปจากบ้าน เพื่อให้สามีลักทรัพย์ได้สะดวก
จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 ในวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองไปซักผ้าที่บ่อน้ำหน้าบ้านของโจทก์ร่วมด้วยกัน แต่จำเลยที่ 1แยกตัวไปก่อน แล้วจำเลยที่ 2 ได้เข้าไปชวน ส. มารดาของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่เฝ้าบ้านให้ออกไปเก็บใบพลู ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1 ให้เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของโจทก์ร่วมได้โดยสะดวกและหลังจากมีเสียงสุนัขเห่าซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมแล้ว ส. จะกลับ จำเลยที่ 2 ก็ได้ชวนคุยต่ออันถือได้ว่าเป็นการหน่วงเวลาไว้เพื่อให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ซึ่งกำลังเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านโจทก์ร่วมกระทำผิดได้ต่อไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ทั้งก่อนและขณะเข้าไปลักทรัพย์ของโจทก์ร่วม อันเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86.