พบผลลัพธ์ทั้งหมด 558 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยประเด็นนอกคำฟ้อง: สิทธิในที่ดินจากการครอบครอง vs. ใบเหยียบย่ำ
โจทก์ฟ้องว่า ได้รับใบเหยียบย่ำในที่พิพาท จำเลยบุกรุกแย่งถางป่า จึงขอให้ขับไล่จำเลย จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า
จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมา 20 ปีแล้ว ดังนี้ประเด็นข้อโต้เถียงกัน คงมีเพียงว่า ที่พิพาทซึ่งโจทก์ได้รับใบเหยียบย่ำมานี้จำเลยได้ครอบครองอยู่ก่อน ใบเหยียบย่ำของโจทก์ทับที่ๆ จำเลยครอบครองจริง หรือไม่เท่านั้น ส่วนข้อที่ว่าใบเหยียบย่ำของโจทก์ถูกอำเภอเพิกถอนหรือไม่ ถ้าเพิกถอนจะเป็นการชอบหรือไม่ อย่างไรนั้น ไม่มีประเด็นโต้เถียงกัน ฉะนั้นการที่ศาลไปวินิจฉัยว่า ใบเหยียบย่ำ
ของโจทก์ถูกเพิกถอนเสียแล้ว สิทธิตามใบเหยียบย่ำของโจทก์ย่อมหมดไป จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น./
จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมา 20 ปีแล้ว ดังนี้ประเด็นข้อโต้เถียงกัน คงมีเพียงว่า ที่พิพาทซึ่งโจทก์ได้รับใบเหยียบย่ำมานี้จำเลยได้ครอบครองอยู่ก่อน ใบเหยียบย่ำของโจทก์ทับที่ๆ จำเลยครอบครองจริง หรือไม่เท่านั้น ส่วนข้อที่ว่าใบเหยียบย่ำของโจทก์ถูกอำเภอเพิกถอนหรือไม่ ถ้าเพิกถอนจะเป็นการชอบหรือไม่ อย่างไรนั้น ไม่มีประเด็นโต้เถียงกัน ฉะนั้นการที่ศาลไปวินิจฉัยว่า ใบเหยียบย่ำ
ของโจทก์ถูกเพิกถอนเสียแล้ว สิทธิตามใบเหยียบย่ำของโจทก์ย่อมหมดไป จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น vs. ภาระจำยอม: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยทางจำเป็นได้ แม้ฟ้องอ้างภาระจำยอม เหตุผลไม่เกินคำฟ้อง
ฟ้องให้จำเลยเปิดทางอ้างว่าเป็นทางภารจำยอมซึ่งได้มาทางนิติกรรมและเป็นทางจำเป็นด้วย เพราะที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมศาลชั้นต้นให้จำเลยเปิดภารจำยอมศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่ใช่ทางภารจำยอมก็พิพากษาให้เปิดทางในฐานเป็นทางจำเป็นได้ ไม่นอกคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานร่วมและการวินิจฉัยข้อพิพาทเมื่อพยานเบิกความไม่ตรงตามข้อตกลง
โจทก์จำเลยตกลงสืบพยานร่วมปากเดียว ถ้าพยานมีความว่าในการกู้ยืมได้ระบุที่พิพาทเป็นประกันเงินกู้ โจทก์ยอมแพ้ ถ้าไม่ได้ระบุที่รายพิพาทเป็นประกันเงินกู้แล้ว จำเลยยอมแพ้ พยานเบิกความว่าในการกู้เงินได้ระบุที่สวนของจำเลยประกันเงินกู้ ดังนี้ จำเลยจะมีที่ดินแปลงเดียวหรืออย่างไรไม่ทราบชัด เห็นได้ว่าพยานไม่ได้เบิกความว่า ได้ระบุที่พิพาทเป็นประกัน ฉะนั้นจะชี้ขาดให้ฝ่ายใดชนะคดีเพราะคำพยานร่วมไม่ได้ศาลต้องวินิจฉัยตามท้องสำนวนเท่าที่มีอยู่ว่า คู่กรณีฝ่ายใดควรชนะคดี
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท จำเลยให้การว่าโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยทางอาศัย จำเลยยอมเป็นฝ่ายนำสืบพยานก่อน เมื่อพยานร่วมเบิกความไม่สมจำเลย จำเลยก็ต้องแพ้คดี
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท จำเลยให้การว่าโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยทางอาศัย จำเลยยอมเป็นฝ่ายนำสืบพยานก่อน เมื่อพยานร่วมเบิกความไม่สมจำเลย จำเลยก็ต้องแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฎีกา: ฎีกาได้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโดยอ้างว่าโจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญาเช่าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาพิพากษาใหม่ ดังนี้ คู่ความจะฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้เท่านั้น
ผู้พิพากษาผู้พิจารณาในศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่า 'ขอรับรองว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้มีเหตุสมควรจะอ้างประกอบฎีกาได้' ดังนี้ คำบันทึกเช่นนี้มีความหมายไปในทางอื่น มิใช่รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ผู้พิพากษาผู้พิจารณาในศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่า 'ขอรับรองว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้มีเหตุสมควรจะอ้างประกอบฎีกาได้' ดังนี้ คำบันทึกเช่นนี้มีความหมายไปในทางอื่น มิใช่รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อไม่มีอำนาจฟ้องต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ตามกฎหมาย หากมิได้ยกขึ้น ศาลไม่ต้องวินิจฉัยเอง
โจทก์ฟ้องคดีโดยว่าเป็นหญิงหม้าย จำเลยมิได้ให้การหรือดำเนินการตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 56 โดยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยเป็นหญิงมีสามี ฉะนั้นคดีจึงไม่มีประเด็นในข้อนี้ แม้จะมีพยานเบิกความถึง ก็เป็นเรื่องนอกประเด็นไม่เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะพึงรับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีใหม่เมื่อคดีก่อนยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นสำคัญ ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่านาโจทก์แล้วไม่ชำระค่าเช่า จึงขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเช่า ให้เลิกการเช่าและให้จำเลยออกจากที่ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่ของจำเลย ศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จะฟ้องเรียกค่าเช่าไม่ได้ ส่วนคำขอข้ออื่น โจทก์ไม่ได้ขอให้ศาลแสดงว่าที่รายนี้เป็นของโจทก์ ปัญหาว่า นารายนี้เป็นของใคร จึงไม่มีประเด็นถึง
โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีใหม่ขอให้ศาลแสดงว่า ที่รายนี้เป็นของโจทก์และให้ขับไล่จำเลย ๆคงต่อสู้เช่นคดีเดิม ดังนี้ตามมูลคดีมีประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือมิใช่ ซึ่งประเด็นข้อนี้ตามสำนวนคดีก่อน ศาลยังมิได้วินิจฉัยเลย โจทก์ย่อมฟ้องคดีใหม่ดังกล่าวได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีใหม่ขอให้ศาลแสดงว่า ที่รายนี้เป็นของโจทก์และให้ขับไล่จำเลย ๆคงต่อสู้เช่นคดีเดิม ดังนี้ตามมูลคดีมีประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือมิใช่ ซึ่งประเด็นข้อนี้ตามสำนวนคดีก่อน ศาลยังมิได้วินิจฉัยเลย โจทก์ย่อมฟ้องคดีใหม่ดังกล่าวได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยเรื่องตัวแทนในคดีแพ่ง แม้คดีอาญายกฟ้อง
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
ในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้กระทำผิด จึงให้ยกฟ้องแต่วินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยเคยเชิดผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนทำให้ผู้เสียหายเข้าใจผิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายเสมือนผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนของจำเลยพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ฟังว่าผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนนี้เป็นการวินิจฉัยคดีเฉพาะในส่วนแพ่งโดยตรงซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีอาญาแต่อย่างใด ศาลสูงจึงไม่จำเป็นจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาในเรื่องตัวแทนนี้ด้วย
ในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้กระทำผิด จึงให้ยกฟ้องแต่วินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยเคยเชิดผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนทำให้ผู้เสียหายเข้าใจผิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายเสมือนผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนของจำเลยพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ฟังว่าผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนนี้เป็นการวินิจฉัยคดีเฉพาะในส่วนแพ่งโดยตรงซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีอาญาแต่อย่างใด ศาลสูงจึงไม่จำเป็นจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาในเรื่องตัวแทนนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: แม้จำเลยไม่โต้แย้งทันที ศาลสูงยังยกขึ้นวินิจฉัยเรื่องอำนาจศาลได้
ฟ้องขอให้โอนที่ดินให้ตามสัญญาจะซื้อขายนั้น เป็นคดีมีทุนทรัพย์ (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 12/2493 และฎีกาที่1065/2493)
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวง จำเลยต่อสู้ว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินอำนาจศาลแขวง แต่เมื่อศาลแขวงสั่งว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง แล้วพิจารณาคดีต่อไปนั้น แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ในทันที และมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จนศาลพิพากษาแล้ว จึงมาอุทธรณ์เรื่องอำนาจศาลอีก ดังนี้ก็ตาม ก็เป็นเรื่องอำนาจศาลเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน. ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) และเมื่อเห็นว่าคดีเกินอำนาจศาลแขวง ศาลสูงก็ย่อมมีอำนาจให้ยกคำพิพากษาศาลแขวงแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวง จำเลยต่อสู้ว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินอำนาจศาลแขวง แต่เมื่อศาลแขวงสั่งว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง แล้วพิจารณาคดีต่อไปนั้น แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ในทันที และมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จนศาลพิพากษาแล้ว จึงมาอุทธรณ์เรื่องอำนาจศาลอีก ดังนี้ก็ตาม ก็เป็นเรื่องอำนาจศาลเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน. ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) และเมื่อเห็นว่าคดีเกินอำนาจศาลแขวง ศาลสูงก็ย่อมมีอำนาจให้ยกคำพิพากษาศาลแขวงแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยกรรมสิทธิ์ในที่ดินก่อนพิจารณาประเด็นบุกรุก: ศาลต้องชี้ขาดกรรมสิทธิ์ก่อน หากกรรมสิทธิ์ไม่ชัดเจน ประเด็นบุกรุกจึงไม่สามารถวินิจฉัยได้
โจทก์ฟ้องว่าที่วิวาทเป็นของโจทก์ จำเลยบุกรุกขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องสอดและจำเลยมิได้บุกรุก ผู้ร้องสอดร้องสอดเข้ามา ก็ให้การยืนยันว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่พิพาท ดังนี้ ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีจึงมีเป็นประการแรกว่า ที่พิพาทเป็นของใคร ถ้าฟังว่าเป็นของโจทก์จึงจะมีประเด็นต่อไปว่า จำเลยบุกรุกหรือเปล่า ถ้าฟังว่าที่เป็นของผู้ร้องสอดข้อบุกรุกก็ตกไป ฉะนั้นศาลจะชี้ขาดแต่เพียงว่าจำเลยไม่ได้บุกรุกแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียโดยไม่ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือมิใช่ซึ่งเป็นข้ออ้างสำคัญที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีนี้นั้นจึงมิได้เป็นการตัดสินคดีตามข้อหาในฟ้องของโจทก์ทุกข้อเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142,246
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 72/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความและการรับสภาพหนี้: ศาลต้องพิจารณาพฤติการณ์ก่อนวินิจฉัยขาดอายุความ
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าได้รับซื้อที่นามีโฉนดซึ่งยังไม่ได้โอนกันแต่โจทก์ได้ครอบครองมากว่า 20 ปีแล้วได้มอบให้จำเลยไปประกาศรับมฤดก-ผู้ขายเพื่อโอนให้โจทก์แล้วกลับไม่โอนให้ จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาจะซื้อขายขาดอายุความ ดังนี้ศาลไม่ควรวินิจฉัยว่าคดีขาดอายุความ โดยไม่สืบพะยานให้สิ้นกระแสร์ความเพราะพฤติการณ์อาจเป็นการรับสภาพหนี้ได้