คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลชั้นต้น

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 926 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4309/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอทุเลาการบังคับคดีและการงดบังคับคดีระหว่างการพิจารณาคดีใหม่และอุทธรณ์
เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นจะสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างการไต่สวนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 292 (2) ก็ได้ และเมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการบังคับคดีแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้ก็ต่อเมื่อศาลชั้นต้นได้ส่งคำสั่งให้ดำเนินคดีต่อไปให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 294 แล้ว
จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ และมีคำขอท้ายอุทธรณ์ให้ศาลงดการบังคับคดีและแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ การยื่นอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับ และ ป.วิ.พ. มาตรา 231 บัญญัติว่าการขอทุเลาการบังคับให้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ที่จำเลยมีคำขอมาในอุทธรณ์จึงไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้มีคำร้องขอทุเลาการบังคับที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงชอบแล้ว
ปัญหาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปในราคาที่ต่ำเกินไป ทำให้จำเลยเสียหายนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างในศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4201/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีก่อนชำระค่าธรรมเนียมศาลเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบ
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมาจนกระทั่งสั่งจำหน่ายคดีเนื่องจากถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง โดยที่โจทก์ยังมิได้ชำระค่าธรรมเนียมศาลนั้น เป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบและไม่มีผลผูกพันคู่ความ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งจำหน่ายคดี หาใช่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น จึงไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ ตามทุนทรัพย์ที่ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4039/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลายื่นฎีกาและการพิจารณาคำสั่งศาลชั้นต้นที่เกี่ยวข้องกับฎีกา
การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดระยะเวลายื่นฎีกาให้แก่โจทก์ภายหลังจากพ้นกำหนดระยะเวลาที่อาจยื่นฎีกาได้แล้วนั้นเป็นเรื่องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา การขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา เป็นอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาและมีคำสั่งไปตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 23 ประกอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 15 และไม่ว่าโจทก์จะยื่นฎีกามาด้วยหรือไม่ก็ตามก็ไม่จำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องพิจารณาไปถึงเนื้อหาแห่งคำฟ้องฎีกานั้นด้วย เพราะยังมิใช่ขั้นตอนจะมีคำสั่งรับหรือไม่รับฎีกาคำสั่งของศาลชั้นต้นในกรณีเช่นนี้จึงมิใช่คำสั่งในเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการที่จะรับหรือไม่รับฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์ดังกล่าว จึงมิใช่กรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 223 โจทก์ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193วรรคแรก มิใช่อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 224 วรรคแรกที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์และพิพากษายกอุทธรณ์เสียนั้นไม่ชอบ แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาที่ว่ามีเหตุอันควรขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้โจทก์หรือไม่ไปเลยโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ โจทก์มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษานั้นให้โจทก์ฟังตาม ป.วิ.อ. มาตรา 216 วรรคแรก ซึ่งโจทก์ก็ได้ยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดไว้แล้ว หากโจทก์ประสงค์จะแก้ไขหรือเพิ่มเติมฎีกาของโจทก์นอกเหนือจากที่ฎีกาไว้เดิม โจทก์ก็ชอบที่จะร้องขอภายในกำหนดระยะเวลาที่ให้ยื่นฎีกา จะมายื่นฎีกาใหม่หลังจากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวหาได้ไม่ เมื่อโจทก์เพิ่งยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดระยะเวลายื่นฎีกาให้แก่โจทก์ ซึ่งเท่ากับขอขยายระยะเวลาฎีกาภายหลังจากระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามกฎหมายสิ้นไปแล้วโดยไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุสุดวิสัยอย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้โจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2534)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3939/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลและผลกระทบต่อการรับคำฟ้อง: การสั่งรับฟ้องก่อนเสียค่าขึ้นศาลเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ
ในคดีที่โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้องในเวลายื่นคำฟ้องนั้น หากศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องของโจทก์และกำหนดระยะเวลาให้โจทก์แถลงเกี่ยวกับกรณีที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้อีกฝ่ายไม่ได้ทั้ง ๆ ที่โจทก์ยังมิได้เสียค่าขึ้นศาล และศาลยังมิได้กำหนดระยะเวลาให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาล คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งรับฟ้องโจทก์ตลอดจนกระบวนพิจารณาต่อจากนั้นจนถึงคำสั่งจำหน่ายคดีย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย
อุทธรณ์ที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามตาราง 1 ท้าย ป.วิ.พ. ข้อ (2)(ก) กำหนดให้เรียกค่าขึ้นศาลเรื่องละ 200 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3673/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบ: ข้อโต้แย้งเรื่องการยึดของกลางต้องยกขึ้นในศาลชั้นต้นก่อน
จำเลยฎีกาว่า การที่เจ้าพนักงานตำรวจผู้ค้นและยึดสิ่งของมิได้ปฏิบัติตาม ป.วิ.อ. มาตรา 101 และมาตรา 103 กล่าวคือ มิได้ห่อสิ่งของหรือบรรจุหีบห่อแล้วตีตราไว้ หรือไม่ทำเครื่องหมายสิ่งของที่ยึดได้หรือไม่ได้บันทึกรายละเอียดแห่งการค้น เพียงแต่ระบุว่าพบสิ่งของดังกล่าวจากบ้านจำเลย สิ่งของที่เป็นของกลางดังกล่าวจะใช้ยันจำเลยได้หรือไม่ ปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และจำเลยเพียงแต่สงสัยว่าจะใช้ยันจำเลยได้หรือไม่เท่านั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างอิงให้ชัดแจ้งว่าจะใช้ยันจำเลยไม่ได้เพราะเหตุใด ถือไม่ได้ว่าเป็นฎีกาที่โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนี้ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีอายุความ 10 ปี และถือเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้นแล้ว
แม้สัญญาจะใช้ชื่อว่า สัญญารับสภาพหนี้ แต่ข้อความในสัญญาว่าจำเลยยอมรับว่าได้สั่งจ่ายเช็คจำนวน 800,000 บาท และยอมรับว่ามีหนี้ดังกล่าวอยู่กับโจทก์ตามมูลหนี้ดังกล่าวจริง กับยอมชำระให้โจทก์ 400,000 บาท โดยผ่อนชำระเป็นงวดจนกว่าจะชำระเสร็จ หนี้จำนวนที่เหลือตกลงให้โจทก์เรียกร้องเอาจากบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เสรีสากลธนกิจ จำกัด เห็นได้ชัดว่าเป็นการที่โจทก์จำเลยทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทที่มีขึ้นตามมูลหนี้ตั๋วเงินนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850หาใช่เป็นการรับสภาพหนี้โดยกำหนดเวลาและเงื่อนไขให้จำเลยชำระหนี้และมีอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 168 โจทก์บรรยายถึงมูลหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความมาในฟ้องของโจทก์โดยชัดเจนแล้ว ถือได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งรับอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์และการพิจารณาเจตนาชำระหนี้ค่าฤชาธรรมเนียม
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยว่าอุทธรณ์ภายในกำหนดรับอุทธรณ์นั้นไม่ชอบ กรณีดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลอุทธรณ์สั่งและการที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้โดยไม่ได้กำหนดให้จำเลยวางเงินหรือหาประกันมาวางศาลใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและหนี้คำพิพากษาถือไม่ได้ว่าจำเลยเจตนาฝ่าฝืนไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษามาวางศาล หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2293/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุโจทก์ไม่ได้ยกเหตุผลโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพียงกล่าวอ้างไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลชั้นต้น
ฎีกาของโจทก์มิได้ยกเหตุผลขึ้นโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบในข้อไหน อย่างไร คงกล่าวอ้างเพียงว่าโจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้วเท้าความถึงการพิจารณาในศาลชั้นต้นนับแต่โจทก์ยื่นคำฟ้องจนกระทั่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้อง และว่าคำสั่งศาลชั้นต้นไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งกลับคำสั่งศาลชั้นต้นว่าศาลชั้นต้นมีอำนาจพิจารณาคดีนี้ และให้รับฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายโดยชัดแจ้งในฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2181/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อไม่มีอุทธรณ์/ฎีกา กรณีข้อผิดพลาดเรื่องดอกเบี้ย
เมื่อคดีถึงที่สุดโดยไม่มีการอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น อำนาจในการแก้ไขข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลงในคำพิพากษาจึงอยู่แก่ศาลชั้นต้นที่มีคำพิพากษานั้น และไม่ใช่กรณีที่ต้องอุทธรณ์หรือฎีกาคำพิพากษาศาลชั้นต้น ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 หาได้จำกัดเฉพาะที่เกิดจากการขีดเขียนหรือถ้อยคำเท่านั้นไม่ เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้แล้วว่าจำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยจำนวน 239,195.80 บาทแก่โจทก์ด้วย แต่เมื่อพิพากษามิได้นำดอกเบี้ยจำนวนดังกล่าวมารวมคำนวณเป็นยอดหนี้ที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ จึงเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยในคำพิพากษาที่แก้ไขได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 เพราะไม่เป็นการกลับหรือแก้คำวินิจฉัยในคำพิพากษาเดิม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบ: จำเลยยกข้อเท็จจริงใหม่ในฎีกาที่ไม่เคยโต้แย้งในศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง มิได้โต้เถียงว่าผู้ใดเป็นผู้เสียหาย ปัญหาเรื่องผู้ใดจะเป็นผู้เสียหายจึงยุติไปแล้ว ที่จำเลยฎีกามาเพียงประการเดียวว่า ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบในเรื่องผู้เสียหายแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในฟ้องนั้น เป็นการยกข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้โต้เถียงไว้ในศาลชั้นต้นขึ้นมาอ้าง อันเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 249 ประกอบด้วยป.วิ.อ.มาตรา 15 ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 93