คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หมิ่นประมาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 856 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อ แม้จะไม่มีเจตนาให้เป็นข่าวใหญ่โตก็ต้องรับผิดชอบ และการแก้ไขข่าวช่วยบรรเทาความเสียหายได้
การที่จำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เป็นข้อความฝ่าฝืนต่อความจริงเป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงเกียรติคุณ ของโจทก์ และต่อมาหนังสือพิมพ์ก็ได้ตีพิมพ์ข้อความดังกล่าวออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 423 จำเลยจะอ้างว่า ไม่มีเจตนาจะให้หนังสือพิมพ์ลงเป็นข่าวใหญ่โต แต่ต้องการให้ลงพิมพ์ในคอลัมน์ตอบสารพันปัญหานั้น ไม่เป็นข้อที่จะทำให้จำเลยพ้นความรับผิด
เมื่อปรากฏว่า หนังสือพิมพ์ได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ในวันถัดจากการลงข่าวเผยแพร่ว่า เรื่องราวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โจทก์เป็นคนดี ซื่อสัตย์และรักความยุติธรรมไม่เคยมีประพฤติเสียหายดังข่าวที่จำเลยกล่าวหาเป็นการบรรเทาความเสียหายไปส่วนหนึ่งแล้ว ศาลย่อมจะกำหนดจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยจะต้องใช้แก่โจทก์ให้ลดลงได้ตามที่เห็นสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: ความรับผิดของผู้ให้สัมภาษณ์และผลกระทบต่อค่าสินไหมทดแทน
การที่จำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เป็นข้อความฝ่าฝืนต่อความจริงเป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์ และต่อมาหนังสือพิมพ์ก็ได้ตีพิมพ์ข้อความดังกล่าวออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 จำเลยจะอ้างว่า ไม่มีเจตนาจะให้หนังสือพิมพ์ลงเป็นข่าวใหญ่โต แต่ต้องการให้ลงพิมพ์ในคอลัมน์ตอบสารพันปัญหานั้น ไม่เป็นข้อที่จะทำให้จำเลยพ้นความรับผิด
เมื่อปรากฏว่า หนังสือพิมพ์ได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ในวันถัดจากการลงข่าวเผยแพร่ว่า เรื่องราวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โจทก์เป็นคนดีซื่อสัตย์และรักความยุติธรรมไม่เคยมีความประพฤติเสียหายดังข่าวที่จำเลยกล่าวหาเป็นการบรรเทาความเสียหายไปส่วนหนึ่งแล้ว ศาลย่อมจะกำหนดจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยจะต้องใช้แก่โจทก์ให้ลดลงได้ตามที่เห็นสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การติชมเจ้าพนักงานด้วยความสุจริตและเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
บุตรจำเลยถูกตำรวจจับข้อหาขับรถจักรยานยนต์ไม่มีใบขับขี่ไม่เสียภาษีขับรถเป็นที่น่าหวาดเสียว และรถถูกยึดไปไว้ที่สถานีตำรวจ จำเลยไปติดต่อกับโจทก์ซึ่งเป็นสารวัตรจราจร เพื่อขอรับรถคืน โจทก์เป็นเจ้าพนักงานที่จะต้องปฏิบัติการตามหน้าที่เกี่ยวกับคดีที่บุตรจำเลยต้องหา แทนที่จะพูดให้จำเลยเข้าใจ กลับพูดแรงไป การที่จำเลยส่งข้อความไปลงหนังสือพิมพ์ถึงอธิบดีกรมตำรวจซึ่งเป็นเป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์ มีใจความเป็นการแสดงความเสียใจน้อยใจของจำเลย และขอร้องให้ผู้ใหญ่ในกรมตำรวจสอดส่องตักเตือนตำรวจให้พูดจาแนะนำประชาชนในสิ่งที่ประชาชนไม่รู้อย่างสุภาพ เพื่อให้ตำรวจเข้ากับประชาชนได้ จึงเป็นการติชมโจทก์ด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ และจำเลยลงข้อความนั้นโดยสุจริตตามเรื่องที่เกิดแก่จำเลย กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทและฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทโดยกล่าวถึงกลุ่มบุคคล: การขาดเจตนาเฉพาะเจาะจงทำให้โจทก์ขาดคุณสมบัติเป็นผู้เสียหาย
จำเลยกล่าวถ้อยคำถึงราษฎร 2 อำเภอ ที่อพยพมาอยู่รวมกันในหมู่บ้านซึ่งมีจำนวนประมาณ 4,000 คน ว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ดังนี้ คนธรรมดาสามัญย่อมไม่เข้าใจว่าเป็นการกล่าวพาดพิงหรือใส่ความบุคคลใด เพียงแต่โจทก์ทั้งสองเป็นบุคคลที่รวมอยู่ในจำนวนคนเหล่านั้น จะว่าจำเลยใส่ความโจทก์ทั้งสองโดยตรงหาได้ไม่ โจทก์ทั้งสองจึงมิใช่เป็นผู้เสียหาย อันจะมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทมารดาโดยบุตร และการเพิกถอนการยกที่ดินเนื่องจากประพฤติเนรคุณ
หมิ่นประมาทตามมาตรา 531 (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หาจำต้องถึงกับเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาททางอาญาไม่ เพียงแต่ได้ความว่า กระทำการโดยเจตนาหมิ่นก็ถือว่าประพฤติเนรคุณแล้ว การที่จำเลยด่าโจทก์ซึ่งเป็นมารดาของจำเลยด้วยถ้อยคำว่า "อีโคตรพ่อ อีโคตรแม่มึง อีหน้าด้าน อีหน้าหมา อีไม่มีศีลธรรม" และด้วยถ้อยคำหยาบอื่น ๆ อีกในทำนองว่าโจทก์เป็นคนโกงหักหลังได้แม้กระทั่งลูกของตน เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์ผู้เป็นมารดา ขาดการเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตร จึงนับว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตามมาตรา 531 (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทมารดาและการประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
หมิ่นประมาทตามมาตรา 531(2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หาจำต้องถึงกับเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาททางอาญาไม่ เพียงแต่ได้ความว่ากระทำการโดยเจตนาดูหมิ่นก็ถือว่าประพฤติเนรคุณแล้ว การที่จำเลยด่าโจทก์ซึ่งเป็นมารดาของจำเลยด้วยถ้อยคำว่า 'อีโคตรพ่อ อีโคตรแม่มึง อีหน้าด้านอีหน้าหมา อีไม่มีศีลธรรม' และด้วยถ้อยคำหยาบอื่นๆ อีกในทำนองว่าโจทก์เป็นคนโกงหักหลังได้แม้กระทั่งลูกของตนเป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์ผู้เป็นมารดา ขาดการเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตร จึงนับว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตามมาตรา 531(2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทด้วยการกล่าวอ้างเหตุการณ์ในอดีต แม้มีการโต้แย้งอื่นอยู่ ก็ถือเป็นความผิด
ฝ่ายจำเลยและฝ่ายโจทก์ร่วมมีข้อโต้แย้งกันเรื่องแนวเขตรั้วที่จำเลยจะสร้างขึ้นใหม่ ขณะเจรจายังไม่ตกลงกันจำเลยได้กล่าวถ้อยคำต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจผู้มาทำการไกล่เกลี่ยว่าที่ต้องสร้างรั้วใหม่ เพราะไอ้คนนี้ (หมายถึงโจทก์ร่วม) มันเข้าไปข่มขืนคนในบ้านฉัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่วงเลยมาเป็นเวลานาน 2 ปีเศษแล้ว ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 329

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาทจากการเปิดเผยข้อมูลเก่า แม้มีข้อโต้แย้งอื่น แต่การกล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตทำให้เสียชื่อเสียง
ฝ่ายจำเลยและฝ่ายโจทก์ร่วมมีข้อโต้แย้งกันเรื่องแนวเขตรั้วที่จำเลยจะสร้างขึ้นใหม่ ขณะเจรจายังไม่ตกลงกันจำเลยได้กล่าวถ้อยคำต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจผู้มาทำการไกล่เกลี่ยว่าที่ต้องสร้างรั้วใหม่ เพราะไอ้คนนี้ (หมายถึงโจทก์ร่วม) มันเข้าไปข่มขืนคนในบ้านฉัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่วงเลยมาเป็นเวลานาน 2 ปีเศษแล้วดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 329

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ต่อบทความหมิ่นประมาท การตีความเจตนา และขอบเขตความรับผิดตาม พ.ร.บ.การพิมพ์
พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคแรก บัญญัติว่า "เมื่อมีความผิดนอกจากที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัตินี้เกิดขึ้นด้วยการโฆษณาสิ่งพิมพ์ นอกจากหนังสือพิมพ์ ผู้ประพันธ์ ซึ่งตั้งใจให้โฆษณาบทประพันธ์นั้นต้องรับผิดเป็นตัวการ ถ้าผู้ประพันธ์ไม่ต้องรับผิดหรือไม่ได้ตัวผู้ประพันธ์ ก็ให้ลงโทษแก่ผู้พิมพ์เป็นตัวการ" วรรค 2 บัญญัติว่า "ในกรณีแห่งหนังสือพิมพ์ ผู้ประพันธ์ และบรรณาธิการ ต้องรับผิดเป็นตัวการ และถ้าไม่ได้ตัวผู้ประพันธ์ ก็ให้เอาโทษแก่ผู้พิมพ์เป็นตัวการด้วย" เมื่อจำเลยซึ่งเป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์และผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ ซึ่งลงบทความตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยจึงต้องรับผิดเป็นตัวการตามวรรค 2
พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 เป็นกฎหมายพิเศษ ในมาตรา 4 ได้บัญญัติให้บรรณาธิการเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำ ตรวจแก้ คัดเลือก หรือควบคุมบทประพันธ์ หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์ ทั้งนี้เพื่อมิให้มีการพิมพ์บทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์อันเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย หากบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นที่พิมพ์ในหนังสือพิมพ์เป็นความผิดตามมาตรา 48 จึงบัญญัติให้บรรณาธิการต้องรับผิดเป็นตัวการ ดังนั้น จำเลยจะได้สมคบร่วมรู้กับ ส.หรือไม่ จึงไม่ใช่ข้อแก้ตัว เพราะถ้าจำเลยสมคบร่วมรู้กับ ส. ในการลงบทความ จำเลยก็เป็นตัวการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ถ้าจะให้จำเลยสมคบร่วมรู้กับ ส.แล้ว จึงจะเป็นความผิด ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 จะบัญญัติมาตรา 48 ขึ้นมา และที่ไม่ได้บัญญัติโทษไว้ก็เพราะความผิดที่เกิดขึ้นมีบทกำหนดโทษอยู่แล้ว ดังเช่นคดีนี้ บทความของ ส.ซึ่งจำเลยลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ตามที่โจทก์ฟ้อง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำเลยต้องรับผิดเป็นตัวการตาม พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรค 2 และต้องได้รับโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
การวินิจฉัยว่าบทความของ ส.ตามฟ้องจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท และดูหมิ่นพระมหากษัตริย์และพระราชินีหรือไม่นั้น เป็นการวินิจฉัยลักษณะของการกระทำว่าผิดกฎหมายหรือไม่ มิใช่วินิจฉัยผลแห่งการกระทำ จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลพิจารณาบทความแล้ววินิจฉัยได้เอง หรือจะเอาพยานโจทก์จำเลยมาประกอบวินิจฉัยด้วยก็ได้ จึงไม่ผิดกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ต่อบทความหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ตาม พ.ร.บ.การพิมพ์
พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 48 วรรคแรกบัญญัติว่า"เมื่อมีความผิดนอกจากที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัตินี้เกิดขึ้นด้วยการโฆษณาสิ่งพิมพ์ นอกจากหนังสือพิมพ์ผู้ประพันธ์ ซึ่งตั้งใจให้โฆษณาบทประพันธ์นั้นต้องรับผิดเป็นตัวการ ถ้าผู้ประพันธ์ไม่ต้องรับผิดหรือไม่ได้ตัวผู้ประพันธ์ก็ให้ลงโทษแก่ผู้พิมพ์เป็นตัวการ" วรรค 2 บัญญัติว่า "ในกรณีแห่งหนังสือพิมพ์ ผู้ประพันธ์และบรรณาธิการต้องรับผิดเป็นตัวการ และถ้าไม่ได้ตัวผู้ประพันธ์ ก็ให้เอาโทษแก่ผู้พิมพ์เป็นตัวการด้วย" เมื่อจำเลยซึ่งเป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ และผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ ซึ่งลงบทความตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยจึงต้องรับผิดเป็นตัวการตามวรรค 2
พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 เป็นกฎหมายพิเศษ ในมาตรา 4 ได้บัญญัติให้บรรณาธิการเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำตรวจแก้ คัดเลือก หรือควบคุมบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์ทั้งนี้เพื่อมิให้มีการพิมพ์บทประพันธ์หรือสิ่งอื่นในหนังสือพิมพ์อันเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย หากบทประพันธ์หรือสิ่งอื่นที่พิมพ์ในหนังสือพิมพ์เป็นความผิดตามมาตรา 48จึงบัญญัติให้บรรณาธิการต้องรับผิดเป็นตัวการ ดังนั้นจำเลยจะได้สมคบร่วมรู้กับ ส. หรือไม่ จึงไม่ใช่ข้อแก้ตัวเพราะถ้าจำเลยสมคบร่วมรู้กับ ส. ในการลงบทความ จำเลยก็เป็นตัวการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ถ้าจะให้จำเลยสมคบร่วมรู้กับ ส.แล้วจึงจะเป็นความผิด ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 จะบัญญัติมาตรา 48 ขึ้นมาและที่ไม่ได้บัญญัติโทษไว้ก็เพราะความผิดที่เกิดขึ้นมีบทกำหนดโทษอยู่แล้วดังเช่นคดีนี้บทความของ ส. ซึ่งจำเลยลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ตามที่โจทก์ฟ้อง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำเลยต้องรับผิดเป็นตัวการตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 48 วรรค 2 และต้องได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
การวินิจฉัยว่าบทความของ ส. ตามฟ้องจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นพระมหากษัตริย์และพระราชินีหรือไม่นั้นเป็นการวินิจฉัยลักษณะของการกระทำว่าผิดกฎหมายหรือไม่มิใช่วินิจฉัยผลแห่งการกระทำ จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลพิจารณาบทความแล้ววินิจฉัยได้เอง หรือจะเอาพยานโจทก์จำเลยมาประกอบวินิจฉัยด้วยก็ได้ จึงไม่ผิดกฎหมาย
of 86