พบผลลัพธ์ทั้งหมด 546 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จต้องระบุรายละเอียดความเท็จและผลกระทบต่อผู้อื่น จึงจะทำให้ฟ้องสมบูรณ์
บรรยายฟ้องความผิดฐานแจ้งความเท็จ ต้องได้ความว่า ความข้อไหนเป็นเท็จอย่างไร ทำไมอาจทำให้ผู้อื่นหรือสาธารณชนเสียหายได้ จึงจะเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและบุกรุก: จำเลยเข้าครอบครองโดยสุจริตและเจตนาไม่ทุจริต จึงไม่มีความผิด
ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จโดยปลอมลายมือชื่อโจทก์ในใบแจ้งย้ายว่า จำเลยย้ายเข้ามาอยู่ในห้องเลขที่ 91 โดยเป็นความเท็จ เมื่อปรากฏว่า จำเลยได้เข้ามาอยู่ในห้องนั้นจริง และชี้ไม่ได้ว่าลายเซ็นของดจทก์ปลอม จำเลยก็ไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จ
จำเลยเข้าไปอยู่ในห้องพิพาทโดยเชื่อโดยสุจริตว่า จำเลยมีสิทธิครอบครองห้องพิพาท จำเลยไม่มีผิดฐานบุกรุก
จำเลยเข้าไปอยู่ในห้องพิพาทโดยเชื่อโดยสุจริตว่า จำเลยมีสิทธิครอบครองห้องพิพาท จำเลยไม่มีผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและบุกรุก: การกระทำโดยสุจริตและการพิสูจน์ความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จโดยปลอมลายมือชื่อโจทก์ในใบแจ้งย้ายว่า จำเลยย้ายเข้ามาอยู่ในห้องเลขที่ 91 โดยเป็นความเท็จ เมื่อปรากฏว่า จำเลยได้เข้ามาอยู่ในห้องนั้นจริง และชี้ไม่ได้ว่าลายเซ็นของโจทก์ปลอม จำเลยก็ไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จ
จำเลยเข้าไปอยู่ในห้องพิพาทโดยเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองห้องพิพาท จำเลยไม่มีผิดฐานบุกรุก
จำเลยเข้าไปอยู่ในห้องพิพาทโดยเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองห้องพิพาท จำเลยไม่มีผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จเรื่องหนี้สินและการทำลายทรัพย์สิน อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นได้
แจ้งความเท็จอันไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดอาญา เป็นความผิดตามกฏหมายลักษณะอาญามาตรา 118 วรรคต้น ถ้าเป็นเรื่องแจ้งความเท็จเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญาต้องโทษตามวรรคที่แก้ไขเพิ่มเติม โดย พ.ร.บ.แก้ไข พ.ศ.2477 (ฉะบับที่ 3)
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์ซื้อเชื่อร่มของจำเลยไป ไม่ยอมใช้ราคาและฉีกร่มนั้นขาดเสียหาย. ส่วนความจริงจำเลยยินยอมให้ร่มแก่โจทก์เพื่อทดแทนร่มที่จำเลยทำของโจทก์เสียหายดังนี้ ถ้าเป็นความจริงดังฟ้องก็ถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายและเป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 118 วรรคต้น.
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์ซื้อเชื่อร่มของจำเลยไป ไม่ยอมใช้ราคาและฉีกร่มนั้นขาดเสียหาย. ส่วนความจริงจำเลยยินยอมให้ร่มแก่โจทก์เพื่อทดแทนร่มที่จำเลยทำของโจทก์เสียหายดังนี้ ถ้าเป็นความจริงดังฟ้องก็ถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายและเป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 118 วรรคต้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จเรื่องซื้อขายร่มและค่าเสียหาย อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นได้
แจ้งความเท็จอันไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดอาญาเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 วรรคต้น ถ้าเป็นเรื่องแจ้งความเท็จเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญาต้องโทษตามวรรคที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไข พ.ศ.2477(ฉบับที่ 3)
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์ซื้อเชื่อร่มของจำเลยไปไม่ยอมใช้ราคาและฉีกร่มนั้นขาดเสียหาย ส่วนความจริงจำเลยยินยอมให้ร่มแก่โจทก์เพื่อทดแทนร่มที่จำเลยทำของโจทก์เสียหายดังนี้ ถ้าเป็นความจริงดังฟ้อง ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายและเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 วรรคต้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์ซื้อเชื่อร่มของจำเลยไปไม่ยอมใช้ราคาและฉีกร่มนั้นขาดเสียหาย ส่วนความจริงจำเลยยินยอมให้ร่มแก่โจทก์เพื่อทดแทนร่มที่จำเลยทำของโจทก์เสียหายดังนี้ ถ้าเป็นความจริงดังฟ้อง ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายและเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 วรรคต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวน แม้เป็นคำให้การในฐานะผู้เสียหาย ก็ถือเป็นการแจ้งความเท็จได้
การให้การหรือให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวนในฐานะผู้เสียหายนั้น อยู่ในลักษณะที่เรียกว่าเป็นการแจ้งความต่อเจ้าพนักงานเหมือนกัน ถ้าเป็นเท็จก็ผิดตาม ก.ม.อาญา ม. 118
ฟ้องว่าจำเลยแจ้งความเท็จ ในวันที่ 15 ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยนำความไปแจ้งในวันที่ 13 ส่วนวันที่ 15 เจ้าพนักงานเรียกตัวไปสอบสวน จำเลยให้ถ้อยคำเท็จอย่างเดียวกัน ถ้อยคำในวันที่ 13 ดังนี้ ลงโทษได้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยแจ้งความเท็จ ในวันที่ 15 ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยนำความไปแจ้งในวันที่ 13 ส่วนวันที่ 15 เจ้าพนักงานเรียกตัวไปสอบสวน จำเลยให้ถ้อยคำเท็จอย่างเดียวกัน ถ้อยคำในวันที่ 13 ดังนี้ ลงโทษได้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวน แม้เป็นคำให้การก็ถือเป็นการแจ้งความได้
การให้การหรือให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวนในฐานะผู้เสียหายนั้นอยู่ในลักษณะที่เรียกว่าเป็นการแจ้งความต่อเจ้าพนักงานเหมือนกัน ถ้าเป็นเท็จก็ผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118
ฟ้องว่าจำเลยแจ้งความเท็จในวันที่ 15 ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยนำความไปแจ้งในวันที่ 13 ส่วนวันที่ 15 เจ้าพนักงานเรียกตัวไปสอบสวน จำเลยให้ถ้อยคำเท็จอย่างเดียวกับถ้อยคำในวันที่ 13ดังนี้ ลงโทษได้ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยแจ้งความเท็จในวันที่ 15 ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยนำความไปแจ้งในวันที่ 13 ส่วนวันที่ 15 เจ้าพนักงานเรียกตัวไปสอบสวน จำเลยให้ถ้อยคำเท็จอย่างเดียวกับถ้อยคำในวันที่ 13ดังนี้ ลงโทษได้ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822-823/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนคดีแจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จในหลายท้องที่: พนักงานสอบสวนมีอำนาจจับและสอบสวนได้หากยังไม่ทราบท้องที่เกิดเหตุ
เมื่อยังไม่ทราบแน่ว่าจำเลยได้ทำผิดฐานแจ้งความเท็จที่กิ่งอำเภอหนองแซง หรือเบิกความเท็จในท้องที่อำเภอเมืองสระบุรี พนักงานสอบสวนกิ่งอำเภอหนองแซงมีอำนาจจับจำเลยไปสอบสวนได้และการที่พนักงานสอบสวนกิ่งอำเภอหนองแซงแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบว่าจำเลยต้องหาฐานแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ ก็เป็นการถูกต้องด้วยข้อเท็จจริงที่ดำเนินมา เพราะเป็นการไม่แน่ว่ากระทำผิดอาญาได้กระทำในท้องที่ใดในระหว่างหลายท้องที่ตาม มาตรา 19(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781-783/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ: คำให้การที่ขัดแย้งกันชั้นสอบสวนและศาล ถือเป็นความเท็จได้
จำเลยเบิกความเป็นพะยานต่อศาลว่าไม่เห็นคนร้ายแตกต่างกับที่ให้การไว้ชั้นสอบสวนว่าเห็น เมื่อจำเลยถูกฟ้องฐานแจ้งความเท็จ จำเลยให้การสู้คดีว่าได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ไม่เห็นคนร้ายแต่พนักงานสอบสวนจดเอาเองว่าเห็น ไม่ได้อ่านให้จำเลยฟังจำเลยไม่ได้เถียงว่าคำให้การชั้นสอบสวนที่ว่าเห็นนั้นเป็นความจริง ดังนี้ต้องฟังข้อเท็จจริงว่าคำให้การชั้นสอบสวนที่ว่าเห็นนั้นเป็นความเท็จ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781-783/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ: การให้การขัดแย้งกันชั้นสอบสวนและศาล ย่อมฟังได้ว่าคำให้การเดิมเป็นเท็จ
จำเลยเบิกความเป็นพยานต่อศาลว่าไม่เห็นคนร้ายแตกต่างกับที่ให้การไว้ชั้นสอบสวนว่าเห็น เมื่อจำเลยถูกฟ้องฐานแจ้งความเท็จ จำเลยให้การสู้คดีว่าได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ไม่เห็นคนร้ายแต่พนักงานสอบสวนจดเอาเองว่าเห็น ไม่ได้อ่านให้จำเลยฟัง จำเลยไม่ได้เถียงว่าคำให้การชั้นสอบสวนที่ว่าเห็นนั้นเป็นความจริง ดังนี้ ต้องฟังข้อเท็จจริงว่าคำให้การชั้นสอบสวนที่ว่าเห็นนั้นเป็นความเท็จ