พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4172/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยให้การรับหนี้จำนวนหนึ่ง แม้โจทก์นำสืบจำนวนหนี้ไม่ชัดเจน ศาลตัดสินตามที่จำเลยรับ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ยืมเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยให้การรับว่าได้กู้ยืมเงินตามที่โจทก์ฟ้องจริง แต่ได้ชำระหนี้ให้โจทก์ไปแล้วบางส่วน ยังคงค้างชำระต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินจำนวนหนึ่งเท่านั้น ดังนี้แม้โจทก์นำสืบไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยคงเป็นหนี้โจทก์อยู่เพียงไร แต่เมื่อจำเลยให้การรับเช่นนี้ จำเลยก็ต้องรับผิดชดใช้หนี้ตามจำนวนเงินที่จำเลยให้การรับดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยฎีกาในข้อที่นอกเหนือไปจากที่ได้ให้การและนำสืบต่อสู้ ทั้งเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยฎีกาในข้อที่นอกเหนือไปจากที่ได้ให้การและนำสืบต่อสู้ ทั้งเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4120/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การของจำเลยที่ไม่ชัดเจน ถือเป็นการไม่ปฏิเสธข้ออ้างโจทก์ อำนาจฟ้องจึงสมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้ ว.เป็นผู้ฟ้องคดีตามเอกสารหมายเลข 1 ท้ายฟ้อง จำเลยให้การต่อสู้ว่า ว. จะได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีจากโจทก์จริงหรือไม่จำเลยไม่ทราบไม่ขอรับรอง ดังนี้คำให้การของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นคำให้การที่ไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสองถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การปฏิเสธ คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยในเรื่องอำนาจฟ้อง ต้องถือว่าโจทก์มอบอำนาจให้ว. ฟ้องคดีตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมายเลข 1ท้ายฟ้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3981/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาของโจทก์และการแถลงไม่ติดใจสืบพยานของจำเลย ทำให้ศาลต้องพิพากษาคดี
ในวันนัดสืบพยานซึ่งโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน เมื่อโจทก์ไม่นำพยานมาสืบในวันนัด โดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้อง ถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาซึ่งศาลอาจสั่งจำหน่ายคดีเสียก็ได้ เมื่อจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน แม้มิได้แถลงให้ชัดแจ้งว่าจำเลยตั้งใจจะให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป แต่กรณีโจทก์ขาดนัดพิจารณาและจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลไม่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดต่อไปอีก และกระบวนพิจารณาเป็นอันสิ้นสุด ดังนี้ คำแถลงของจำเลยดังกล่าวจึงถือได้ว่าจำเลยตั้งใจให้ศาลทำการพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3981/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาของโจทก์และการแถลงไม่ติดใจสืบพยานของจำเลย ถือเป็นการตั้งใจให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดี
ในวันนัดสืบพยานซึ่งโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน เมื่อโจทก์ไม่นำพยานมาสืบในวันนัด โดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้อง ถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาซึ่งศาลอาจสั่งจำหน่ายคดีเสียก็ได้ เมื่อจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน แม้มิได้แถลงให้ชัดแจ้งว่าจำเลยตั้งใจจะให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป แต่กรณีโจทก์ขาดนัดพิจารณาและจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลไม่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดต่อไปอีก และกระบวนพิจารณาเป็นอันสิ้นสุด ดังนี้ คำแถลงของจำเลยดังกล่าวจึงถือได้ว่าจำเลยตั้งใจให้ศาลทำการพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจดำเนินคดีหลังถูกพิทักษ์ทรัพย์: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีต่อหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้มีอำนาจ
ระหว่างที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายในศาลชั้นต้น ล.ได้ฟ้องโจทก์ขอให้เป็นบุคคลล้มละลายและศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์เด็ดขาดในคดีดังกล่าวดังนี้นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์เด็ดขาดเป็นต้นไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจเข้าว่าคดีแทนโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาหรือว่าคดีที่ตนเป็นโจทก์อีกต่อไป แต่โจทก์กลับดำเนินกระบวนพิจารณาและว่าคดีที่ตนเป็นโจทก์ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตลอดมาจนกระทั่งเสร็จสิ้นในชั้นอุทธรณ์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอเข้าว่าคดีแทนโจทก์ในชั้นฎีกากรณีถือได้ว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22,25 ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาและว่าคดีหลังถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3924/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความร้องทุกข์คดีเช็ค และการดำเนินการฟ้องคดีโดยโจทก์เอง
ข้อความในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีระบุว่า โจทก์มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ในชั้นนี้โจทก์ขอรับเช็คกลับคืนไปเพื่อดำเนินการตามกฎหมายอีกส่วนหนึ่งต่อไปแสดงว่าโจทก์ได้แจ้งความกล่าวหาโดยมีเจตนาจะให้จำเลยได้รับโทษส่วนข้อความตอนท้ายหมายความว่า นอกจากโจทก์จะมอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินการกับจำเลยแล้ว โจทก์ยังประสงค์จะดำเนินคดีอาญากับจำเลยโดยเป็นโจทก์ฟ้องคดีเองอีกส่วนหนึ่งด้วยการที่โจทก์ขอรับเช็คกลับคืนไปจึงไม่มีผลกระทบต่อการแจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด ข้อความในรายงานดังกล่าวจึงเป็นคำร้องทุกข์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2(7) โจทก์แจ้งความร้องทุกข์ในเวลาไม่เกิน 3 เดือน นับแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค และนำคดีมาฟ้องภายในกำหนด 5 ปีคดีไม่ขาดอายุความตาม ป.อ. มาตรา 96.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3677/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดถือที่ดินแทนผู้อื่นและการมีสิทธิครอบครองดีกว่า
โจทก์บุกรุกเข้าครอบครองที่ดินพิพาทในเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้วจ้าง จำเลยที่ 1 ปลูกข้าวโพด มีจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นบริวารช่วยเหลือจำเลยที่ 1 การยึดถือที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการยึดถือแทนโจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้ครอบครองมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลยโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ปัญหาอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ฎีกาศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3677/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: โจทก์จ้างจำเลยทำกินในที่ดินตนเอง แม้ที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวน โจทก์มีสิทธิเหนือกว่า
โจทก์บุกรุกเข้าครอบครองที่ดินพิพาทในเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้วจ้างจำเลยที่ 1 ปลูกข้าวโพด มีจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นบริวารช่วยเหลือจำเลยที่ 1 การยึดถือที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการยึดถือแทนโจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้ครอบครองมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ปัญหาอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบของโจทก์ในคดีอาญา: การพิสูจน์ความผิดและข้อเท็จจริงสนับสนุน
ในการพิจารณาคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิด การที่โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนที่จำเลยที่ 1 ใช้ขู่ชิงทรัพย์ผู้เสียหายมาเป็นของกลางและไม่มีพยานหลักฐานอื่นที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวไม่มีหมายเลขทะเบียน คงได้ความจากจำเลยที่ 1 ตอบคำถามค้านของโจทก์แต่เพียงว่าไม่เคยได้รับอนุญาตจากราชการให้มีและพกพาอาวุธปืนเท่านั้นดังนี้จึงลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตไม่ได้ สำหรับความผิดฐานขับรถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบอนุญาต คงได้ความจากคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ตอบคำถามค้านของโจทก์เท่านั้นว่าจำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ ถือไม่ได้ว่า โจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงลงโทษจำเลยที่ 2 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3374/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องร้องเรียกเงินจากเช็คปลอม: โจทก์มีส่วนรู้เห็นการปลอมแปลงเช็ค ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีกระแสรายวันเป็นผู้จัดหรือรู้เห็นในการจัดให้มีการทำปลอมเช็คพิพาท โดยใช้วิธีการลอกทาบแบบลายมือชื่อโจทก์ แล้วให้ผู้อื่นนำเช็คพิพาทมาเบิกเงินในบัญชีกระแสรายวันของโจทก์จากธนาคารจำเลยนั้น ถือได้ว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โดยการนำเช็คพิพาทปลอมมาเรียกร้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คโดยอ้างว่าลายมือชื่อปลอม โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง