พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,971 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786-788/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต และความรับผิดของพนักงานที่ปฏิบัติตามคำสั่ง
จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 12 พฤษภาคม 2491 โจทก์ยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2491 จึงยังอยู่ในกำหนดที่โจทก์จะยื่นฎีกาได้
การฆ่าสุกรก่อน วันที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ต้องมีความผิดตาม พ.ร.บ.อากรฆ่าสัตว์ 2488 มาตรา 12. ไม่ใช่มาตรา 11
ว.จำเลยเป็นพนักงานเทศบาลประจำโรงฆ่าสัตว์ของเทศบาล ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับออกใบอนุญาตให้ฆ่าสัตว์แต่อย่างใด ว.จำเลยได้แก้วันที่ในใบอนุญาต โดย จ.จำเลยเทศมนตรีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสั่งให้แก้ ดังนี้ ถือได้ว่า ว.จำเลยได้ทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ซึ่งตนอยู่ในบังคับบัญชา โดยเชื่อว่าเป็นการชอบและมีเหตุผลอันสมควร ไม่ควรรับอาญา ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 52 (2).
การฆ่าสุกรก่อน วันที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ต้องมีความผิดตาม พ.ร.บ.อากรฆ่าสัตว์ 2488 มาตรา 12. ไม่ใช่มาตรา 11
ว.จำเลยเป็นพนักงานเทศบาลประจำโรงฆ่าสัตว์ของเทศบาล ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับออกใบอนุญาตให้ฆ่าสัตว์แต่อย่างใด ว.จำเลยได้แก้วันที่ในใบอนุญาต โดย จ.จำเลยเทศมนตรีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสั่งให้แก้ ดังนี้ ถือได้ว่า ว.จำเลยได้ทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ซึ่งตนอยู่ในบังคับบัญชา โดยเชื่อว่าเป็นการชอบและมีเหตุผลอันสมควร ไม่ควรรับอาญา ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 52 (2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786-788/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดพ.ร.บ.อากรฆ่าสัตว์และการยกเว้นความรับผิดตามมาตรา 52(2) กรณีปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา
จำเลยฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 12 พฤษภาคม 2491 โจทก์ยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2491 จึงยังอยู่ในกำหนดที่โจทก์จะยื่นฎีกาได้
การฆ่าสุกรก่อน วันที่ระบุไว้ในใบอนุญาตต้องมีความผิดตาม พระราชบัญญัติอากรฆ่าสัตว์ 2488 มาตรา 12 ไม่ใช่มาตรา11
ว. จำเลยเป็นพนักงานเทศบาลประจำโรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับออกใบอนุญาตให้ฆ่าสัตว์แต่อย่างใด ว. จำเลยได้แก้วันที่ในใบอนุญาต โดย จ.จำเลยเทศมนตรีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสั่งให้แก้ดังนี้ ถือได้ว่า ว. จำเลยได้ทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งตนอยู่ในบังคับบัญชาโดยเชื่อว่าเป็นการชอบและมีเหตุผลอันสมควรไม่ควรรับอาญาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 52(2)
การฆ่าสุกรก่อน วันที่ระบุไว้ในใบอนุญาตต้องมีความผิดตาม พระราชบัญญัติอากรฆ่าสัตว์ 2488 มาตรา 12 ไม่ใช่มาตรา11
ว. จำเลยเป็นพนักงานเทศบาลประจำโรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับออกใบอนุญาตให้ฆ่าสัตว์แต่อย่างใด ว. จำเลยได้แก้วันที่ในใบอนุญาต โดย จ.จำเลยเทศมนตรีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสั่งให้แก้ดังนี้ ถือได้ว่า ว. จำเลยได้ทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งตนอยู่ในบังคับบัญชาโดยเชื่อว่าเป็นการชอบและมีเหตุผลอันสมควรไม่ควรรับอาญาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 52(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกขายสินค้าเกินราคาไม่เป็นความผิด หากไม่มีการขายจริง และประกาศควบคุมราคาห้ามเฉพาะการขาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบอกขายข้าวสารเกินราคา เป็นการฝ่าฝืนประกาศข้าหลวงประจำจังหวัด แต่ประกาศที่โจทก์อ้างเป็นแต่ห้ามการขายเกินราคา มิได้ห้ามการบอกขาย และการบอกขายยังไม่เป็นการกระทำถึงขั้นพยายามขาย คดีไม่มีทางลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมทรัพย์สินของสัตรู การจัดการทรัพย์สินแทนสัตรูตามกฎหมาย และความรับผิดตามสัญญาเช่า
การที่คณะกรรมการพิจารณากักคุมตัวจัดกิจการ หรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติเข้าดำเนินการยึดหรือจำหน่ายทรัพย์สินในห้างหุ้นส่วนจำกัดบริษัทฮัมบูร์กไทยนั้น จึงเป็นการเข้าควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติแล้ว
ความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ เป็นเรื่องควบคุมจัดกิจการและทรัพย์สินตามอำนาจในพระราชบัญญัติ ซึ่งจะต้องกระทำเป็นการเริ่มต้น ด้วยการเข้าดำเนินกิจการและเข้าครอบครองทรัพย์สินแทนสัตรูต่อสหประชาชาติ คณะกรรมการจะต้องจัดการและรับผิด เสมือนเป็นกิจการของตนเอง.
ความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ เป็นเรื่องควบคุมจัดกิจการและทรัพย์สินตามอำนาจในพระราชบัญญัติ ซึ่งจะต้องกระทำเป็นการเริ่มต้น ด้วยการเข้าดำเนินกิจการและเข้าครอบครองทรัพย์สินแทนสัตรูต่อสหประชาชาติ คณะกรรมการจะต้องจัดการและรับผิด เสมือนเป็นกิจการของตนเอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายน้ำตาล: กรรมสิทธิโอนเมื่อใด? ความรับผิดของผู้ขายเมื่อส่งมอบไม่ครบ
โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อน้ำตาลจากจำเลย 310 หาบ ซึ่งมีจำนวนแน่นอนอยู่ณที่ซื้อขายและบรรจุกระสอบไว้เต็มทั้ง 310 กระสอบ กระสอบหนึ่งหนัก 60 ก.ก.คือหนึ่งหาบ และน้ำตาลนี้เก็บอยู่เป็นส่วนสัดโดยฉะเพาะในการซื้อขายไม่ต้อง ชั่ง ตวง วัดอีก เมื่อโจทก์ได้ชำระราคาเสร็จสิ้นแล้ว แต่ได้มอบให้จำเลยรักษาไว้ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิในน้ำตาลได้โอนไปยังผู้ซื้อตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 458 แล้ว เมื่อทางราชการบังคับซื้อไป จำเลยก็ไม่ต้องรับผิด.
โจทก์ทำสัญญาซื้อน้ำตาลจากจำเลย 1740 หาบ โดยไม่มีน้ำตาลอยู่ณที่ซื้อขาย เป็นน้ำตาลที่จำเลยซื้อจากผู้อื่น แยกเก็บไว้ณที่ต่าง ๆ โจทก์ยังไม่ได้ตรวจดูและยังไม่ได้ชำระค่าน้ำตาล ให้แก่จำเลยทั้งหมดเป็นแต่วางมัดจำไว้ กำหนดเงื่อนไขว่า ผู้ขายจะต้องนำน้ำตาลไปส่งผู้ซื้อถึงท่าเรือที่ผู้ซื้อนำเรือไปรับ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาด น้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบให้โจทก์เต็มตามสัญญา เมื่อจำเลยส่งไม่ได้ครบจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ แม้น้ำตาลจะขาดหายไปเพราะการละลายไหลตามธรรมชาติของน้ำตาลที่เก็บไว้นานก็ดี จำเลยก็ต้องรับผิด เพราะการขาดหายนั้นได้เป็นไปในขณะที่น้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่.
โจทก์ทำสัญญาซื้อน้ำตาลจากจำเลย 1740 หาบ โดยไม่มีน้ำตาลอยู่ณที่ซื้อขาย เป็นน้ำตาลที่จำเลยซื้อจากผู้อื่น แยกเก็บไว้ณที่ต่าง ๆ โจทก์ยังไม่ได้ตรวจดูและยังไม่ได้ชำระค่าน้ำตาล ให้แก่จำเลยทั้งหมดเป็นแต่วางมัดจำไว้ กำหนดเงื่อนไขว่า ผู้ขายจะต้องนำน้ำตาลไปส่งผู้ซื้อถึงท่าเรือที่ผู้ซื้อนำเรือไปรับ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาด น้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบให้โจทก์เต็มตามสัญญา เมื่อจำเลยส่งไม่ได้ครบจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ แม้น้ำตาลจะขาดหายไปเพราะการละลายไหลตามธรรมชาติของน้ำตาลที่เก็บไว้นานก็ดี จำเลยก็ต้องรับผิด เพราะการขาดหายนั้นได้เป็นไปในขณะที่น้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายน้ำตาล: ความรับผิดของผู้ขายเมื่อส่งมอบไม่ครบถ้วน และผลของการบังคับซื้อโดยราชการ
โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อน้ำตาลจากจำเลย 310 หาบ ซึ่งมีจำนวนแน่นอนอยู่ ณที่ซื้อขายและบรรจุกระสอบไว้เต็มทั้ง 310 กระสอบ กระสอบหนึ่งหนัก 60 กิโลกรัม คือหนึ่งหาบ และน้ำตาลนี้เก็บอยู่เป็นส่วนสัดโดยเฉพาะในการซื้อขายไม่ต้อง ชั่ง ตวงวัดอีก เมื่อโจทก์ได้ชำระราคาเสร็จสิ้นแล้ว แต่ได้มอบให้จำเลยรักษาไว้ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดกรรมสิทธิ์ในน้ำตาลได้โอนไปยังผู้ซื้อตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 458 แล้ว เมื่อทางราชการบังคับซื้อไป จำเลยก็ไม่ต้องรับผิด
โจทก์ทำสัญญาซื้อน้ำตาลจากจำเลย 1740 หาบ โดยไม่มีน้ำตาลอยู่ณที่ซื้อขาย เป็นน้ำตาลที่จำเลยซื้อจากผู้อื่น แยกเก็บไว้ณที่ต่างๆ โจทก์ยังไม่ได้ตรวจดูและยังไม่ได้ชำระค่าน้ำตาล ให้แก่จำเลยทั้งหมดเป็นแต่วางมัดจำไว้ กำหนดเงื่อนไขว่า ผู้ขายจะต้องนำน้ำตาลไปส่งผู้ซื้อถึงท่าเรือที่ผู้ซื้อนำเรือไปรับ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาดน้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบให้โจทก์เต็มตามสัญญา เมื่อจำเลยส่งไม่ได้ครบจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์แม้น้ำตาลจะขาดหายไปเพราะการละลายไหลตามธรรมชาติของน้ำตาลที่เก็บไว้นานก็ดี จำเลยก็ต้องรับผิด เพราะการขาดหายนั้นได้เป็นไปในขณะที่น้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่
โจทก์ทำสัญญาซื้อน้ำตาลจากจำเลย 1740 หาบ โดยไม่มีน้ำตาลอยู่ณที่ซื้อขาย เป็นน้ำตาลที่จำเลยซื้อจากผู้อื่น แยกเก็บไว้ณที่ต่างๆ โจทก์ยังไม่ได้ตรวจดูและยังไม่ได้ชำระค่าน้ำตาล ให้แก่จำเลยทั้งหมดเป็นแต่วางมัดจำไว้ กำหนดเงื่อนไขว่า ผู้ขายจะต้องนำน้ำตาลไปส่งผู้ซื้อถึงท่าเรือที่ผู้ซื้อนำเรือไปรับ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการซื้อขายเด็ดขาดน้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบให้โจทก์เต็มตามสัญญา เมื่อจำเลยส่งไม่ได้ครบจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์แม้น้ำตาลจะขาดหายไปเพราะการละลายไหลตามธรรมชาติของน้ำตาลที่เก็บไว้นานก็ดี จำเลยก็ต้องรับผิด เพราะการขาดหายนั้นได้เป็นไปในขณะที่น้ำตาลยังเป็นของจำเลยอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 683/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่จดทะเบียนสมรส: หากทั้งสองฝ่ายไม่ดำเนินการ โจทก์จะเรียกค่าสินสอดคืนไม่ได้
โจทก์ได้ทำพิธีแต่งงานกับบุตรีจำเลย แล้วโจทก์ไม่นำพาต่อการจดทะเบียนสมรส โจทก์จะมาฟ้องเรียกค่าสินสอดคืนไม่ได้ (อ้างฎีกา 269/2488)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ทราบประกาศของเจ้าพนักงานเป็นเหตุให้ไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย
ประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บเครื่องยนตร์ฉุดระหัส ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา กับส่งกรมโฆษณาการโฆษณาทางวิทยุและทางหนังสือพิมพ์ แต่ไม่ปรากฎว่าได้ส่งประกาศนั้นไปทางอำเภอหรือกำนันผู้ใหญ่บ้านเพื่อแจ้งให้ราษฎรทราบ ซึ่งเป็นการสมควรจะกระทำ จำเลยเป็นผู้อยู่ห่างไกล ดังนี้ เชื่อได้ว่าจำเลยมิได้ทราบข้อความแห่งคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ การที่จำเลยมิได้บัญญัติตามประกาศ จึงไม่เป็นการขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน หรือฝ่าฝืนประกาศ อันจะเป็นผิดตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนย้ายข้าวภายในจังหวัดและการแจ้งประกาศทางกฎหมาย จำเลยไม่ต้องรับผิด
ฟ้องโจทก์หาว่า จำเลยตั้งใจขนย้ายข้าวภายในเขตจังหวัดเดียวกัน โดยขนย้ายไปทางทะเลนั้น ดังนี้การกระทำของจำเลย ไม่เป็นผิดตามมาตรา 10,13 พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งเอาผิดแก่ผู้ขนย้ายข้าวออกนอกเขต ซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนดคดีก็ไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
คดีหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวทางทะเล อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรมการจังหวัด ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น เมื่อพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มิได้แสดงว่า จำเลยได้ทราบหรือควรได้ทราบประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว คดีก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คดีหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวทางทะเล อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรมการจังหวัด ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น เมื่อพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มิได้แสดงว่า จำเลยได้ทราบหรือควรได้ทราบประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว คดีก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมกิจการและทรัพย์สินของสัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลยมีหน้าที่จัดการและรับผิดเสมือนเป็นของตนเอง
การที่คณะกรรมการพิจารณากักคุมตัวจัดกิจการ หรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสตรูต่อสหประชาชาติเข้าดำเนินการยึดหรือจำหน่ายทรัพย์สินในห้างบางกอกดิสเพนซารี่อันเป็นของห้าง บี.กริมแอนด์โก นั้น จึงเป็นการเข้าควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติแล้ว
ความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ เป็นเรื่องควบคุมจัดกิจการและทรัพย์สินตามอำนาจในพระราชบัญญัติ ซึ่งจะต้องกระทำเป็นการเริ่มต้น ด้วยการเข้าดำเนินกิจการ และเข้าครอบครองทรัพย์สินแทนสัตรูต่อสหประชาชาติ คณะกรรมการจะต้องจัดการและรับผิด เสมือนเป็นกิจการของตนเอง.
ความในมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ เป็นเรื่องควบคุมจัดกิจการและทรัพย์สินตามอำนาจในพระราชบัญญัติ ซึ่งจะต้องกระทำเป็นการเริ่มต้น ด้วยการเข้าดำเนินกิจการ และเข้าครอบครองทรัพย์สินแทนสัตรูต่อสหประชาชาติ คณะกรรมการจะต้องจัดการและรับผิด เสมือนเป็นกิจการของตนเอง.