คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กฎหมายแพ่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 59 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยทบต้นในสัญญากู้: ข้อตกลงขัดต่อกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 655 เป็นโมฆะ
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป โดยเอาที่ดินจำนองเป็นประกันหนี้ตกลงให้ดอกเบี้ยร้อยละ 75 สตางค์ต่อเดือน ส่งดอกเบี้ยทุกๆ เดือน ถ้าผู้กู้ผิดนัดไม่ส่งดอกเบี้ย ผู้กู้ยอมให้ดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้าเป็นต้นเงิน อันผู้กู้จะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันดังนี้ เป็นการให้คิดดอกเบี้ยกันได้ทันทีที่ผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยเดือนที่ค้าง ข้อความที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยทบต้นตามสัญญากู้โดยการจำนองรายนี้ จึงฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 และเป็นโมฆะ(อ้างฎีกาที่ 543/2510) โจทก์จึงเรียกดอกเบี้ยทบต้นจากจำเลยไม่ได้คงคิดดอกเบี้ยได้อย่างธรรมดาในอัตราร้อยละ 75 สตางค์ต่อเดือน และเมื่อได้ตกลงกันชัดแจ้งเช่นนี้ จะถือว่าคู่สัญญามิได้มีเจตนาให้คิดดอกเบี้ยทบต้นในทันทีที่ผิดนัด และข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยทบต้น ไม่เป็นโมฆะหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยทบต้นในสัญญากู้: ข้อตกลงขัดต่อกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 655 เป็นโมฆะ
จำเลยกู้เงินโจทก์ไป. โดยเอาที่ดินจำนองเป็นประกันหนี้ตกลงให้ดอกเบี้ยร้อยละ 75 สตางค์ต่อเดือน ส่งดอกเบี้ยทุกๆ เดือน ถ้าผู้กู้ผิดนัดไม่ส่งดอกเบี้ย ผู้กู้ยอมให้ดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้าเป็นต้นเงิน อันผู้กู้จะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันดังนี้ เป็นการให้คิดดอกเบี้ยกันได้ทันทีที่ผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยเดือนที่ค้าง ข้อความที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยทบต้นตามสัญญากู้โดยการจำนองรายนี้ จึงฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 และเป็นโมฆะ(อ้างฎีกาที่ 543/2510) โจทก์จึงเรียกดอกเบี้ยทบต้นจากจำเลยไม่ได้ คงคิดดอกเบี้ยได้อย่างธรรมดาในอัตราร้อยละ 75 สตางค์ต่อเดือนและเมื่อได้ตกลงกันชัดแจ้งเช่นนี้ จะถือว่าคู่สัญญามิได้มีเจตนาให้คิดดอกเบี้ยทบต้นในทันทีที่ผิดนัด และข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยทบต้น ไม่เป็นโมฆะหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการใช้น้ำลำเหมือง การใช้สิทธิโดยก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
ลำเหมืองพิพาทผ่านที่นาของจำเลยไปสู่ที่นาของโจทก์โจทก์ใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาทในการทำนามาเป็นเวลา 10 ปีเศษแล้วจำเลยก็ยอมรับว่าโจทก์ได้ใช้น้ำในลำเหมืองที่ผ่านที่นาของจำเลยเพราะตามปกติน้ำฝนมีไม่พอในการทำนา แสดงว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าถ้าจำเลยกลบลำเหมืองในที่นาของจำเลยเสีย ผลเสียหายย่อมเกิดขึ้นแก่การทำนาของโจทก์อย่างแน่นอน ฉะนั้น การที่จำเลยกลบลำเหมืองพิพาทตอนที่ผ่านที่นาจำเลย เพื่อมิให้โจทก์ได้ใช้น้ำในลำเหมืองนั้นในการทำนาต่อไป จึงเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยเปิดลำเหมืองพิพาทเพื่อ โจทก์จะได้ใช้น้ำจากลำเหมืองในการทำนาตามสภาพเดิมต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3419/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุมัติเงินยืมต้องเป็นไปตามอำนาจของผู้ว่าฯ การยืมเพื่อใช้ราชการมิใช่การยืมตามกฎหมายแพ่ง
ข้อเท็จจริงได้ความว่า อำนาจอนุมัติเงินยืมเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ผู้เดียว จำเลยที่ 2 ผู้เป็นปลัดจังหวัดจะสั่งอนุมัติได้ต่อเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และตามระเบียบราชการผู้ขอยืมเงินจะต้องขอไปใช้ในทางราชการผู้มีอำนาจอนุมัติจึงจะอนุมัติให้ยืมได้ ดังนี้ เมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเสมียนตรานำเงินยืมไปใช้นอกเหนือหน้าที่ราชการและจำเลยที่ 2 ทำนอกเหนือหน้าที่ราชการแต่อย่างใดจึงต้องฟังว่าการที่จำเลยที่ 1 ได้ขอยืมเงินทดรองราชการ และจำเลยที่ 2 อนุมัติไปตามฟ้อง เป็นการยืมไปใช้ในราชการในกรณีเช่นนี้ จำเลยที่ 1 หาได้อยู่ในฐานะผู้ยืมตามกฎหมายไม่(อ้างฎีกาที่ 1107/2499) การที่โจทก์กล่าวฟ้องว่าจำเลยที่ 1ยืมเงินทดรองราชการไปแล้วไม่ส่งใช้เงินยืมหรือไม่ส่งใบสำคัญหักล้างเงินยืม และจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติราชการของจำเลยที่ 1 เป็นผู้อนุมัติเงินยืม จึงเป็นเรื่องที่กล่าวหาว่าจำเลย ทั้งสองไม่ปฏิบัติตามระเบียบราชการนั้นเอง หาได้กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำละเมิดต่อโจทก์แต่ประการใดไม่ จึงไม่มีทางที่จะบังคับให้จำเลยรับผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารรับเงินของตัวแทน ไม่ใช่ใบรับตามประมวลรัษฎากร ใช้เป็นหลักฐานการใช้เงินได้ตามกฎหมายแพ่ง
เอกสารที่มีข้อความว่า "วันนี้ ข้าพเจ้านายสำราญ พานิชย์ตัวแทนของนายยักโมฮัลซิงห์ ได้รับชำระหนี้จากนายชัยยุทธวงษ์เมธาลูกหนี้ของนายยักโมฮัลซิงห์ตามสัญญากู้ลงวันที่ 1 มกราคม 2506 เป็นเงิน 14,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยครบถ้วนแล้ว และข้าพเจ้าจะได้นำเงินทั้งหมดนี้ไปชำระให้นายยักโมฮัลซิงห์ เจ้าหนี้ต่อไป จึงได้ลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน" นั้น เป็นหลักฐานแสดงถึงฐานะของนายสำราญตัวแทนโจทก์ในอันที่จะรับชำระหนี้จากลูกหนี้เป็นหลักฐานแสดงว่าตัวแทนได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้แทนตัวการแล้วและเป็นหลักฐานแสดงว่าตัวแทนจะเอาเงินดังกล่าวไปส่งแก่ตัวการต่อไป เช่นนี้ ไม่เป็นใบรับตามประมวลรัษฎากร แต่เป็นหลักฐานการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยจากการยืมข้าวเปลือก - ผลประโยชน์ตอบแทนไม่ใช่ดอกเบี้ยตามกฎหมาย - ประกาศห้ามตกข้าวถูกยกเลิก
การยืมข้าวเปลือกซึ่งตกลงให้ดอกเบี้ยเป็นข้าวเปลือกในอัตรา 1 ถังต่อข้าวเปลือกที่ยืม 2 ถังนั้นมิใช่ดอกเบี้ยตามความหมายของกฎหมาย เพราะผลประโชน์ที่เรียกเป็นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นได้จากหนี้เงินเท่านั้น เมื่อตกลงจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนในการยืมข้าวเปลือกกันไว้อย่างไร (แม้คำนวณแล้วผลประโยชน์ตอบแทนจะสูงเกินกว่าร้อยละห้าสิบต่อปี) ผู้ยืมจะต้องชำระให้ตามข้อตกลงนั้น
ประกาศห้ามมิให้ตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ. 1239 ได้ถูกยกเลิกไปแล้วโดย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งได้รวบรวมข้อบัญญัติต่าง ๆ ในทางแพ่งทั้งหมดขึ้นใช้บังคับ(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1981/2511

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1737/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารหลักฐานการชำระหนี้ต้องถูกต้องตามกฎหมายภาษีอากรและกฎหมายแพ่ง จึงใช้เป็นพยานหลักฐานได้
เอกสารใดมีลักษณะเป็นใบรับตามประมวลรัษฎากรแล้วจะต้องปิดอากรแสตมป์ มิฉะนั้นใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้
จำเลยอ้างว่าชำระเงินกู้ให้โจทก์แล้วตามเอกสารที่ส่งศาลแต่เอกสารดังกล่าวมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้องตาม กฎหมาย จึงรับฟังเป็นพยานไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สถานะสินเดิมและผลของการไม่นำสืบพยานตามกฎหมายแพ่ง
โจทก์ฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นสินเดิม จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทจะเป็นสินเดิมของโจทก์หรือไม่จำเลยไม่ทราบ เช่นนี้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ โจทก์ต้องนำสืบว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นสินเดิมของโจทก์ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 538/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ไม่ร่วมกระทำผิด: นับตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญาให้นับอายุความทางอาญาที่ยาวกว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคสอง นั้นหมายความเฉพาะการเรียกร้องจากตัวผู้กระทำผิดหรือผู้ร่วมในการกระทำผิดโดยเฉพาะมิได้หมายถึงผู้อื่น ที่มิได้ร่วมในการกระทำผิด (อ้างฎีกาที่ 383/2497)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าโดยความยินยอมของคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสต่างประเทศ และการใช้หนังสือหย่าตามกฎหมายแพ่ง
สามีภริยายื่นคำร้องต่อกรมการอำเภอ มีข้อความกล่าวไว้ชัดแจ้งว่าทั้งสองฝ่ายตกลงหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยา กัน ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย มีพยานลงลายมือชื่อสองคน ดังนี้ ก็ถือได้ว่า หนังสือคำร้องนั้นเป็นหนังสือหย่าอย่าง บริบูรณ์ ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1498.
ชายไทยทำการสมรสกับหญิงต่างด้าว ณต่างประเทศได้จดทะเบียน ณ ต่างประเทศ โดยมิได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนัก วานฑูตหรือกงศุลไทย ตามมาตรา 1450 วรรคท้าย นั้น การสมรสดังว่านี้ เป็นการสมรสที่มิได้จดทะเบียนตาม ป.ม. แพ่งฯ ฉะนั้นการหย่าจึงไม่ต้องจดทะเบียนตาม ป.ม.แพ่งฯ ก็ใช้ได้./
of 6