พบผลลัพธ์ทั้งหมด 50 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เครื่องหมายการค้าต้องมีความแตกต่างอย่างชัดเจนเพื่อป้องกันการหลงผิดของผู้บริโภค แม้ความแตกต่างนั้นจะปรากฏในหลายองค์ประกอบ
กล่องยาของโจทก์ใช้สีชมภู แต่กล่องยาของจำเลยใช้สีน้ำเงิน อ่อน และสีเหลืองซึ่งไม่เป็นข้อสำคัญ เพราะโจทก์ได้จดทะเบียนไว้ไม่จำกัดสีที่จะใช้ ต่อไปชื่อยาโจทก์ใช้อักษรโรมันล้อมทุกด้านของกล่องว่า ASPRO เป็นตัวอักษรสีขาวบนพื้นสีม่วง ส่วนชื่อยาบนกล่อง ของจำเลยใช้คำว่า THAIPRO เป็นตัวอักษรโรมันด้านหนึ่งและเป็นตัวอักษรไทยว่า ไทยโปร อีกด้านหนึ่งเป็นตัวอักษรสีขาวบนพื้นสีดำ ต่อไปในด้านข้างของกล่อง โจทก์ใช้ชื่อยา ASPRO ตัวอักษรสีขาวบนพื้นม่วง แล้วมีตัวอักษรจีนตัวเล็ก ๆ กำกับทั้งสองด้าน ส่วนกล่อง ของจำเลยด้านข้างหนึ่งมีตัวอักษรอาหรับเต็มข้าง ด้านอีกข้างหนึ่งมีตัวอักษรอาหรับเต็มข้างทั้งสองข้างไม่มีชื่อไทยโปรเป็นตัวอักษรโรมันหรืออักษรไทย ด้านสกัดบนและล่างของกล่องทั้งของโจทก์และจำเลยมีตัวอักษรไทยเหมือนกัน ด้านบนบอกวิธีรับประทาน ด้านล่างบอกว่ายาสามัญประจำบ้านบนลิ้นกล่องมีตัวอักษรโรมันเล็ก ๆ เหมือนกันของโจทก์ นอกชื่อบริษัทผู้ผลิตของจำเลยบอกว่าสารเคมีมาจากประเทศเยอรมัน ขนาดกล่องของโจทก์ใหญ่กว่า ของจำเลยเล็กน้อย ดังนี้ถือว่า ลักษณะเครื่องหมายการค้าบนกล่องยาจำเลยไม่คล้ายกับของโจทก์จนนับได้ว่า เป็นการลวงสาธารณะชน
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2503)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในที่ดินโดยมิได้จดทะเบียนและการคุ้มครองผู้ซื้อโดยสุจริต
แม้จะฟังเป็นความจริงดังจำเลยอ้างว่าบิดาได้ยกที่พิพาทมีโฉนดให้จำเลย จำเลยเข้าครอบครองติดต่อกันมา 19 ปี ก็ดี แต่เมื่อจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสิทธิที่ได้มานั้นก็ย่อมจะมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้และจำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้รับโอนมาด้วยการซื้อโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่
โจทก์ขอแก้ฟ้องเฉพาะเลขที่ของโฉนด และจำนวนเนื้อที่ดินเพื่อให้ถูกต้องกับความจริงเป็นการแก้เพียงเล็กน้อยและขอแก้ก่อนมีการชี้สองสถาน ทั้งมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบเพราะจำเลยก็ยังคงมีข้อต่อสู้เช่นเมื่อก่อนแก้ เช่นนี้ศาลย่อมอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้
การที่ศาลต้องรอการพิจารณามานานโดยจำเลยขอให้รอฟังผลของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินและสั่งจำหน่ายคดีเสียชั่วคราวกับสั่งว่าหากปรากฏผลประการใดก็ให้คู่ความแถลงให้ศาลทราบเพื่อดำเนินการต่อไปนั้น มีผลเป็นคำสั่งให้รอคดีไว้ชั่วคราว หาใช่จำหน่ายคดีออกจากสารบบความเสียทีเดียวไม่ต่อมาเมื่อโจทก์ร้องขอให้พิจารณาต่อไปศาลก็นัดพิจารณาใหม่ได้โดยมิต้องมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวนั้นการพิจารณาของศาลต่อจากนั้นย่อมไม่เสียไป
โจทก์ขอแก้ฟ้องเฉพาะเลขที่ของโฉนด และจำนวนเนื้อที่ดินเพื่อให้ถูกต้องกับความจริงเป็นการแก้เพียงเล็กน้อยและขอแก้ก่อนมีการชี้สองสถาน ทั้งมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบเพราะจำเลยก็ยังคงมีข้อต่อสู้เช่นเมื่อก่อนแก้ เช่นนี้ศาลย่อมอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้
การที่ศาลต้องรอการพิจารณามานานโดยจำเลยขอให้รอฟังผลของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินและสั่งจำหน่ายคดีเสียชั่วคราวกับสั่งว่าหากปรากฏผลประการใดก็ให้คู่ความแถลงให้ศาลทราบเพื่อดำเนินการต่อไปนั้น มีผลเป็นคำสั่งให้รอคดีไว้ชั่วคราว หาใช่จำหน่ายคดีออกจากสารบบความเสียทีเดียวไม่ต่อมาเมื่อโจทก์ร้องขอให้พิจารณาต่อไปศาลก็นัดพิจารณาใหม่ได้โดยมิต้องมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวนั้นการพิจารณาของศาลต่อจากนั้นย่อมไม่เสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเคหะเพื่ออยู่อาศัยและค้าขาย การพิจารณาเพื่อคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
แม้ในสัญญาเช่าลงว่าเช่าตึกพิพาทเพื่อค้าขายยา ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิในอันที่จะนำสืบถึงพฤติการณ์ตามความจริงว่าเช่าเพื่อทำการค้าหรือเพื่ออยู่อาศัย อันจะนำไปสู่ประเด็นข้อวินิจฉันว่าเป็น "เคหะ" หรือไม่
จำเลยเช่าตึกพิพาทของโจทก์และใช้ตึกพิพาทอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าขายยาในตึกของพระคลังฯซึ่งอยู่ติดต่อกัน เช่นนี้ จะถือว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อทำการค้าเพราะเหตุว่าอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าหาได้ไม่ มิฉะนั้นแล้วการที่ผู้ใดเช่าตึกอยู่แห่งหนึ่ง แล้วไปทำการค้าอีกแห่งหนึ่ง ก็จะเป็นการเช่าเพื่อทำการค้าไปหมด
การที่ต่อมาภายหลังจำเลยได้เปิดร้านดัดผมในห้องพิพาทชั้นล่างเฉพาะซีกคูหาเดียวและไม่สุดตลอดคูหาด้วย คือใช้เนื้อที่เพียง 1 ใน 4 ของตึกชั้นล่าง และในการนี้จำเลยก็ได้ขออนุญาตจากโจทก์แล้วว่าเพื่อช่วยค่าครองชีพทางหนึ่ง กับได้ขอให้โจทก์แยกใบเสร็จค่าเช่าห้องพิพาทเดือนละ 100 บาท เป็น 40 บาท ฉบับหนึ่ง คือ สำหรับค่าเช่าตรงที่เป็นร้านดัดผม และ 60 บาทอีกฉบับหนึ่ง เหตุที่แยกดังนี้เนื่องจากการตั้งร้านดัดผมจำเลยเข้าหุ้นกับคนอื่น ทั้งนี้เพื่อสดวกแก่การคิดเงิน ระหว่างหุ้นส่วนตามพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ จะฟังว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อการค้ายังไม่ได้ ต้องถือว่าตึกพิพาทเป็น "เคหะ" อันได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
จำเลยเช่าตึกพิพาทของโจทก์และใช้ตึกพิพาทอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าขายยาในตึกของพระคลังฯซึ่งอยู่ติดต่อกัน เช่นนี้ จะถือว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อทำการค้าเพราะเหตุว่าอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าหาได้ไม่ มิฉะนั้นแล้วการที่ผู้ใดเช่าตึกอยู่แห่งหนึ่ง แล้วไปทำการค้าอีกแห่งหนึ่ง ก็จะเป็นการเช่าเพื่อทำการค้าไปหมด
การที่ต่อมาภายหลังจำเลยได้เปิดร้านดัดผมในห้องพิพาทชั้นล่างเฉพาะซีกคูหาเดียวและไม่สุดตลอดคูหาด้วย คือใช้เนื้อที่เพียง 1 ใน 4 ของตึกชั้นล่าง และในการนี้จำเลยก็ได้ขออนุญาตจากโจทก์แล้วว่าเพื่อช่วยค่าครองชีพทางหนึ่ง กับได้ขอให้โจทก์แยกใบเสร็จค่าเช่าห้องพิพาทเดือนละ 100 บาท เป็น 40 บาท ฉบับหนึ่ง คือ สำหรับค่าเช่าตรงที่เป็นร้านดัดผม และ 60 บาทอีกฉบับหนึ่ง เหตุที่แยกดังนี้เนื่องจากการตั้งร้านดัดผมจำเลยเข้าหุ้นกับคนอื่น ทั้งนี้เพื่อสดวกแก่การคิดเงิน ระหว่างหุ้นส่วนตามพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ จะฟังว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อการค้ายังไม่ได้ ต้องถือว่าตึกพิพาทเป็น "เคหะ" อันได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเครื่องหมายการค้า: การคุ้มครองเฉพาะสินค้าที่จดทะเบียน และกรณีสินค้าต่างจำพวก
โจทก์จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าประเภทผ้าฝ้าย (จำพวก 24)ไม่มีสิทธิคุ้มครอง ไม่ให้จำเลยใช้เครื่องหมายคล้ายกันสำหรับสินค้าประเภทไหมเทียม (จำพวก 50) กรณีไม่ใช่แย่งกันเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า เพราะเป็นสินค้าคนละประเภท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจฟ้องคดี, การคุ้มครองค่าเช่าสำหรับห้องที่ใช้ประกอบการค้า, และการรับฟังพยานภาพถ่าย
ได้ความว่าโจทก์ใช้แบบฟอร์มศาล(9 ทวิ) ใบมอบฉันทะเขียนเป็นใบมอบอำนาจให้ฟ้องความโดยเขียนระบุข้อความไว้ชัดเจนในเอกสารที่เขียนเป็นใบมอบอำนาจว่าให้ผู้มีชื่อเป็นผู้ฟ้องเรื่องนี้แทนโจทก์โดยมีข้อความว่า "ข้าพเจ้า ฯลฯ มอบอำนาจให้ (ระบุชื่อผู้รับมอบ) ทำการฟ้อง (ระบุชื่อผู้ถูกฟ้องฐาน ข้อหาที่ฟ้อง) ต่อศาลแทนข้าพเจ้าและให้ดำเนินคดีต่อไปจนถึงที่สุดเพราะข้าพเจ้าอยู่ต่างจังหวัดไม่สดวกที่จะมาดำเนินคดีได้ "ลงชื่อผู้มอบ ผู้รับมอบ และพยานและมีอากรแสตมป์ จำนวนเงิน 5 บาท ปิดในเอกสารนั้น เช่นนี้ถือว่าเป็นการมอบอำนาจที่สมบูรณ์ตาม ก.ม.แล้ว
ในกรณีที่โจทก์อ้างภาพถ่ายห้องพิพาทเป็นพยานถือว่าเป็นภาพจำลองไม่ใช่พยานเอกสารอันจะต้องส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยานดังบังคับไว้ใน ป.วิ.แพ่ง ม.90 ดังนั้นโจทก์ผู้อ้างจึงไม่ต้องส่งสำเนาให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน.
ในกรณีที่โจทก์อ้างภาพถ่ายห้องพิพาทเป็นพยานถือว่าเป็นภาพจำลองไม่ใช่พยานเอกสารอันจะต้องส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยานดังบังคับไว้ใน ป.วิ.แพ่ง ม.90 ดังนั้นโจทก์ผู้อ้างจึงไม่ต้องส่งสำเนาให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่อค้า ไม่คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า เมื่อผู้เช่าเสียชีวิต สิทธิการเช่าสิ้นสุดลง
การเช่าเคหะเพื่อประกอบการค้า มิใช่เพื่ออยู่อาศัยย่อมไม่อยู่ในความคุ้มครองแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ เมื่อผู้เช่าตายการเช่าย่อมสิ้นสุดลงผู้หนึ่งผู้ใดในครอบครัวของผู้เช่าก็จะถือเอาประโยชน์จาก มาตรา 17 ของพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯโดยแสดงความจำนงขอเช่าต่อไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักษณะเคหะเพื่อการคุ้มครองสัญญาเช่า: การประกอบการค้าเป็นอาชีพย่อมไม่ถือเป็นเคหะ
ห้องแถวพิพาทอยู่ห่างตลาดประมาณ 50 เมตร์ผู้เช่าได้จดทะเบียนพาณิชย์ประกอบการค้าเครื่องดื่มต่าง ๆ อาหารและสุรายาสูบ มีลูกจ้างในการค้า 2 คน และยังมีอีกคนหนึ่งทำหน้าที่ขายอาหารแบ่งผลกำไรกับผู้เช่า ห้องพิพาทจึงเป็นร้านค้าโดยตรง ไม่ใช่เป็นการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในครอบครัว จึงไม่เป็นเคหะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ห้องเช่าประกอบการค้าโดยไม่ประสงค์จะอยู่อาศัย ไม่คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
การที่จำเลยใช้ห้องของโจทก์เป็นที่พักคนเดินทางมาจากต่างประเทศและจะไปต่างประเทศโดยจำเลยมิได้มีเจตนาจะใช้ห้องของโจทก์เป็นที่อยู่อาศัยของตน ดังนี้จำเลยจะใช้ห้องของโจกท์เป็นที่อยู่อาศัยของตน ดังนี้จำเลยจะอ้างความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมคาเช่าฯ (อ้างฏีกา 1097 ถึง 1147/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ศาลคุ้มครองผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
แม้ในสัญญาเช่ามีข้อความชัดว่า ผู้เช่าจะใช้ทรัพย์ที่เช่าเพื่อประโยชน์เฉพาะแต่ที่เป็นประกอบการค้าแต่อย่างเดียว จะไม่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ดังนี้ จำเลยก็มีสิทธิจะต่อสู้และนำสืบได้ว่า จำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัยในเมื่อจำเลยเช่าอยู่อาศัยมาก่อนและโจทก์ก็ทราบอยู่แล้ว แต่เพื่อจะหลีกเลี่ยงมิให้จำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ จึงกล่าวข้อความเหล่านั้นลงในสัญญาเช่า ดังนี้ ก็ต้องถือตามความเป็นจริงและถือว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ โจทก์จะฟ้องขับไล่จำเลยยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสัญญาเช่าและการคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าเมื่อมีการโอนสิทธิในทรัพย์สิน
โจทก์เช่าที่ของราชพัสดุแล้วปลูกห้องพิพาทให้จำเลยเช่าตอนนี้จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่ต่อมาโจทก์หย่ากับสามี และแบ่งทรัพย์กัน โดยโจทก์ยกห้องพิพาทให้แก่สามีโจทก์ สามีโจทก์ขายห้องนี้ให้กับจำเลย การเช่าระหว่างโจทก์ จำเลยจึงขาดตอนไม่ติดต่อกันอีก จะใช้พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาบังคับโจทก์ในตอนหลังนี้ย่อมไม่ได้