คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การชำระหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 55 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างแรงงาน: จำเลยต้องจ่ายสินจ้างแม้ไม่มีงานทำ เหตุเพลิงไหม้ไม่ใช่เหตุขัดขวางการชำระหนี้
โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทน โดยโจทก์ต้องทำงานให้แก่จำเลยและจำเลยต้องชำระสินจ้างให้แก่โจทก์ แม้จำเลยอาจไม่มอบงานหรือสั่งให้โจทก์ทำงาน จำเลยก็ต้องจ่ายสินจ้างให้ตลอดเวลาที่จ้างกันจนกว่าจะมีการเลิกสัญญาจ้าง การที่จำเลยหยุดกิจการเพื่อซ่อมแซมโรงงานที่ถูกเพลิงไหม้มิได้เป็นเหตุขัดขวางอย่างใดที่จะทำให้ถึงแก่จำเลยจ่ายสินจ้างไม่ได้ เพราะยังไม่พ้นวิสัยที่จำเลยจะชำระหนี้จ่ายสินจ้างให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1974/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องที่ชอบด้วยกฎหมาย และสิทธิของผู้รับโอนในการถอนอายัดเงิน
จำเลยทำสัญญารับจ้างเหมาก่อสร้างโรงพยาบาลกับกระทรวงสาธารณสุขแล้วทำสัญญากับธนาคารผู้ร้องโอนสิทธิเรียกร้องของจำเลยในเงินค่าจ้างเหมาทั้งหมดที่จะได้รับตามสัญญาเป็นเงิน 9 ล้านบาทเศษให้แก่ผู้ร้อง เพื่อเป็นการชำระหนี้ที่กู้เบิกเงินเกินบัญชีจากผู้ร้อง 3 ล้านบาท ดังนี้ ผู้ร้องมีสิทธิในเงินดังกล่าว เพราะสิทธิเรียกร้องนั้นย่อมโอนให้แก่กันได้ และกฎหมายมิได้บัญญัติไว้ว่าการโอนสิทธิเรียกร้องจะต้องมีค่าตอบแทนแต่อย่างใด ดังนั้น ไม่ว่าหนี้สินที่จำเลยมีต่อผู้ร้องจะมากหรือน้อยกว่าสิทธิเรียกร้องที่มี ต่อกระทรวงสาธารณสุข เมื่อจำเลยโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่ผู้ร้องโดยชอบ ผู้ร้องก็ย่อมมีสิทธิ
เมื่อลูกหนี้ของจำเลยให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้องแล้วจำเลยจึงมิใช่เจ้าหนี้อันลูกหนี้มีสิทธิที่จะเลือกชำระหนี้ได้การที่ลูกหนี้ส่งเงินให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำขออายัดของโจทก์โดยสำคัญผิด เมื่อได้บอกล้างในภายหลังการชำระหนี้ย่อมไม่สมบูรณ์ ผู้ร้องจึงมีสิทธิขอถอนการอายัดได้
จำเลยโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงมีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากบุคคลภายนอกซึ่งเป็นลูกหนี้แต่ผู้เดียว ผู้ร้องย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียซึ่งมีสิทธิร้องขอให้ถอนการอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีอันเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่ได้รับชำระหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2829/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาก่อสร้าง: การชดเชยค่าจ้างจากภาวะต้นทุนสูง และผลของการยอมรับเงินชดเชยบางส่วน
การที่วัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้นไม่เป็นเหตุให้การชำระหนี้ของโจทก์ที่จะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นพ้นวิสัย โจทก์จะอ้างเรื่องวัสดุก่อสร้างที่มีราคาสูงขึ้นมาเป็นเหตุให้หลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาไม่ได้
แม้คณะรัฐมนตรีจะมีมติให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจชดเชยค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้ผู้รับเหมา และคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงระบบการก่อสร้างสถานที่ราชการและถาวรวัตถุของประเทศจะได้กำหนดแนวทางปฏิบัติในการชดเชยเงินค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้ผู้รับเหมาไว้ ซึ่งถ้าถือตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวจำเลยควรจ่ายเงินชดเชยค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้แก่โจทก์ตามที่คณะกรรมการได้กำหนด แต่มติคณะรัฐมนตรีและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการปรับปรุงระบบการก่อสร้างสถานที่ราชการและถาวรวัตถุของ ประเทศหาได้บังคับผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาให้จำต้องปฏิบัติตามโดยเด็ดขาดไม่ เมื่อจำเลยพิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้แก่โจทก์น้อยกว่าที่คณะกรรมการได้กำหนด โจทก์มิได้โต้แย้ง จึงถือได้ว่าโจทก์พอใจและตกลงยอมรับในจำนวนเงินดังกล่าวเพียงเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้เงินชดเชยค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้แก่โจทก์ตามคำวินิจฉัยของ คณะกรรมการดังกล่าวอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีเช็ค: การผ่อนผันการชำระหนี้ทางแพ่ง ไม่ถือเป็นการยอมความทางอาญา
คดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่อไปได้
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม เมื่อเช็คขึ้นเงินไม่ได้ผู้จัดการของโจทก์ร่วมตกลงให้จำเลยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ๆ ละ 10,000 บาท จำเลยได้ชำระเงินบ้างแล้ว แต่ยังไม่ครบจำนวนตามเช็คต่อมาจำเลยขอผ่อนชำระเดือนละ 5,000 บาท โจทก์ร่วมไม่ยอมดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์ร่วมผ่อนผันการชำระเงินทางแพ่งเท่านั้น การที่โจทก์ร่วมมิได้คืนเช็คให้จำเลย ย่อมแสดงเจตนาของโจทก์ร่วมที่ไม่ประสงค์จะให้คดีอาญาระงับ ถือไม่ได้ว่ามีการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายสิทธินำคดีอาญามาฟ้องหาระงับไปไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อและการฟ้องร้องความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
เดิมจำเลยทั้งสองค้างชำระค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์โจทก์ร่วม แล้วทำหนังสือรับสภาพหนี้และได้ออกเช็คพิพาทชำระหนี้นั้น ดังนี้ ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระนั้น จำเลยทั้งสองได้ชำระให้โจทก์ร่วมแล้วด้วยเช็คพิพาท ครั้นต่อมาจำเลยผิดนัดและโจทก์ร่วมนั้นบอกเลิกสัญญา โจทก์ร่วมจึงมีสิทธิริบเงินค่าเช่าซื้อที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อนเลิกสัญญาด้วยการออกเช็คพิพาทนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574 ดังนั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น และออกเช็คโดยในขณะออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็คได้ จำเลยทั้งสองย่อมมีความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิครอบครองที่ดินจากการไม่ชำระหนี้และการครอบครองเพื่อตนเองของผู้อื่น
โจทก์กู้เงินจำเลยไป 10,000 บาท มอบนาพิพาทอันเป็นที่ดินมือเปล่าให้จำเลยไว้ทำกินต่างดอกเบี้ย และมีข้อตกลงกันว่า ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน 1 ปี โจทก์ยอมยกนาให้เป็นสิทธิแก่จำเลย โจทก์มิได้ชำระหนี้ภายใน 1 ปี จำเลยได้ครอบครองนาพิพาทติดต่อกันมา 18 ปีแล้ว ดังนี้ การกู้เงินของโจทก์มิได้มอบนาให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยอย่างเดียว หากมีข้อตกลงยกนาให้จำเลย ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน 1 ปีด้วย แม้เป็นข้อตกลงที่จำเลยยอมรับเอานาพิพาทเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม โดยมิได้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาของทรัพย์นั้นในเวลาและสถานที่ส่งมอบ อันตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรค 2 และวรรค 3 ก็ตาม แต่โจทก์จำเลยได้แสดงเจตนาล่วงหน้าไว้ต่อกันแล้วว่า ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน 1 ปี โจทก์ยอมยกนาให้จำเลย นาพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เจ้าของมีแต่สิทธิครอบครอง การที่โจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน 1 ปี จากนั้นจำเลยได้ครอบครองติดต่อกันมานานถึง 18 ปีนั้น เห็นได้ว่าโจทก์ได้สละการครอบครองตั้งแต่เวลาพ้นกำหนด 1 ปี และจำเลยก็ได้ครอบครองเพื่อตนมาแต่เวลาเดียวกันนั้นแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการชำระหนี้ก่อนล้มละลายเพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้โดยเสมอภาค
ก่อนถูกฟ้องให้ล้มละลาย จำเลยมีหนี้สิน 100 ล้านบาทเศษ และมีเจ้าหนี้ 40 กว่าราย ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายหนึ่งได้ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยได้ชำระหนี้ให้ผู้คัดค้านในวันทำสัญญา 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ยังค้างชำระอยู่จะชำระให้เสร็จภายใน 10 ปี และจะเริ่มชำระครั้งแรกในปีที่ 5 เป็นต้นไปจนกว่าจะหมด หลังจากนั้นผู้คัดค้านได้ถอนฟ้องคดี อันเป็นการกระทำในระหว่างระยะเวลา 3 เดือนก่อนที่โจทก์จะฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลาย ในคราวเดียวกันนั้น มีเจ้าหนี้อื่นอีก 7 - 8 ราย ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความทำนองเดียวกันนั้นกับจำเลยด้วย ขณะนั้นจำเลยมีฐานะการเงินไม่ดี โดยมีฐานะการเงินพอที่จะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ได้เฉพาะเท่าที่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความด้วยเท่านั้น ดังนี้ การที่จำเลยชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านไปดังกล่าวย่อมทำให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้เปรียบเจ้าหนี้รายอื่นซึ่งมิได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความด้วย จึงเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งประสงค์ให้เจ้าหนี้ทั้งหลายได้รับชำระหนี้โดยเสมอภาคทั่วหน้ากัน เจ้าพนักงานพิทักษ์จึงขอให้เพิกถอนการชำระหนี้ เอาเงินที่ได้ชำระไปกลับคืนมาเข้ากองทรัพย์สินของผู้ล้มละลายได้ ตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้บางส่วนโดยยอมรับผิด ย่อมทำให้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในส่วนที่ชำระแล้ว
ก่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน จำเลยยื่นคำร้องขอวางเงิน 190,000 บาท ซึ่งเป็นยอดเงินที่ ไม่ได้โต้เถียงกันพร้อมทั้งดอกเบี้ยเพื่อชำระหนี้ให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ และโจทก์ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว แม้จำเลยจะนำเงินมาชำระหนี้โดยวางเงินต่อศาลไม่เต็มตามจำนวนที่โจทก์เรียกร้องก็ตามแต่จำเลยก็ได้แถลงยอมรับผิดในจำนวนเงิน 190,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยที่ค้างชำระ ทั้งยอมให้โจทก์รับเงินจำนวนดังกล่าวนั้นไปได้และโจทก์รับเงินจำนวนดังกล่าวไปจากศาลแล้ว กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 135, 136 วรรคแรกจำเลยจึงไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงิน 190,000 บาท ตั้งแต่วันที่วางต่อศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1791/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขาย, เช็คลงวันที่ล่วงหน้า, และผลของการไม่นำเช็คไปขึ้นเงิน: หนี้ยังไม่ระงับ
จำเลยตกลงซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากโจทก์ โดยให้โจทก์อาศัยอยู่ในสิ่งปลูกสร้างอีก 6 เดือน โจทก์ยอมให้จำเลยชำระราคาบางส่วน ราคาส่วนที่เหลือจำเลยจ่ายเช็คลงวันที่ล่วงหน้า 6 เดือนให้โจทก์ไว้ ต่อมาโจทก์จำเลยขอให้เจ้าพนักงานที่ดินทำสัญญาซื้อขายจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้จำเลย ระบุว่าโจทก์ได้รับเงินค่าที่ดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อโจทก์นำเช็คไปขอรับเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างว่าเช็คพ้นกำหนดการจ่ายเงิน ดังนี้ โจทก์จำเลยยังเจตนาจะผูกพันกันตามสัญญาซื้อขายฉบับเดิมต่อไปตามเงื่อนไขเรื่องให้โจทก์มีสิทธิอยู่อาศัยในสิ่งปลูกสร้างแลกเปลี่ยนกับการผ่อนระยะเวลา การชำระค่าที่ดินที่ยังมิได้ชำระ การทำสัญญาซื้อขายจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเพียงพิธีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น หาได้มีเจตนาจะแปลงหนี้หรือยกเลิกสัญญาฉบับเดิมไม่ เมื่อจำเลยมิได้เสียหายเนื่องจากการที่โจทก์มิได้นำเช็คไปรับเงินตามกำหนดและไม่มีข้อตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นกรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 และ 1005 จำเลยต้องรับผิดชำระราคาที่ดินที่ยังเหลืออยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการยกเว้นการบังคับคดีเนื่องจากข้อตกลงนอกศาล ศาลฎีกาพิพากษาว่าการตกลงนอกศาลไม่สามารถขัดขวางการบังคับคดีตามคำพิพากษาได้
เมื่อศาลมีคำพิพากษาและออกคำบังคับแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติ โจทก์ย่อมขอบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 จำเลยจะยกเอาสัญญาที่ทำกันนอกศาลมาเป็นเหตุ ให้งดการบังคับคดี เพื่อจะไม่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลหาได้ไม่
of 6