พบผลลัพธ์ทั้งหมด 78 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3947/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีบุกรุกที่ดินสาธารณะหลังมีประกาศคณะปฏิวัติ การบรรยายฟ้องไม่จำเป็นต้องระบุการเพิกเฉยต่อเจ้าหน้าที่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันเมื่อระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2518 ถึงวันที่ 24 ตุลาคม 2527 ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเข้ายึดถือครอบครองที่ดินตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้อง โจทก์หาจำต้องบรรยายฟ้องว่า จำเลยเพิกเฉยไม่ปฏิบัติให้ถูกระเบียบและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความในมาตรา108 ไม่ เพราะจำเลยเข้ายึดถือ ครอบครอง ที่ดินภายหลังที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ใช้บังคับแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2446/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิด พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ ต้องเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การบรรยายฟ้องต้องครบองค์ประกอบ
การกระทำของข้าราชการที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2522 มาตรา 15 จะต้องเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยเป็นปลัดกระทรวงการคลังและเป็นประธานกรรมการบริหารของธนาคารกรุงไทย จำกัด โดยตำแหน่งไม่ได้บรรยายว่าจำเลยมีหน้าที่อย่างไร การให้ข่าวแก่นักหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อในสมัยที่โจทก์ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารดังกล่าวตามที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เป็นการกระทำในหน้าที่ของจำเลยหรือไม่ และการให้ข่าวเช่นนั้นเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ฟ้องโจทก์จึงบรรยายไม่ครบองค์ประกอบของความผิด เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1659/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา กรณีบรรยายสถานที่เกิดเหตุชัดเจนเพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองทางเข้าออกหมู่บ้านอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันตั้งอยู่ที่ตำบลและอำเภอใดโดยไม่ได้ระบุว่าเป็นทางเข้าออกทางทิศใดของหมู่บ้าน ย่อมชัดเจนเพียงพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3918/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่สาธารณะ: โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายรายละเอียดความเป็นมาของที่ดิน หากพิสูจน์ได้ว่ายังคงเป็นที่ดินของรัฐ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย1ปีปรับ5,000บาทให้รอการลงโทษจำคุกไว้คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218 ฟ้องของโจทก์ในข้อหาบุกรุกยึดถือครอบครองทางสาธารณะอันเป็นที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดินนั้นโจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าที่ดินพิพาทนั้นเป็นที่ดินของรัฐได้อย่างไรและเป็นที่ดินของรัฐตั้งแต่เมื่อใดเพราะเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาคดีเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)แล้ว ที่พิพาทแม้ทางราชการจะเคยให้เอกชนเช่าอยู่3ปีก็เลิกเช่าแต่ประชาชนสัญจรไปมาในที่พิพาทตลอดมาถือได้ว่าที่พิพาทยังคงเป็นที่ดินของรัฐเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันโจทก์มีอำนาจฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา108ทวิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2539-2540/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การบรรยายฟ้อง, อำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการ, สิทธิเจ้าของทรัพย์สิน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าช.คนขับรถยนต์ของจำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังโดยขับรถเข้าไปในช่องทางเดินรถคันที่โจทก์ที่3ขับเป็นเหตุให้รถชนกันเป็นการบรรยายฟ้องโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยจะเข้าใจได้แล้วฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม. ฎีกาในประเด็นที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้. หุ้นส่วนผู้จัดการห้างโจทก์มี3คนและไม่มีข้อจำกัดอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการหุ้นส่วนผู้จัดการคนใดคนหนึ่งย่อมมีสิทธิกระทำกิจการในนามห้างโจทก์ได้. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1336เจ้าของทรัพย์สินนอกจากจะมีสิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้แล้วยังมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมายอีกด้วยเมื่อจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินโจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3503/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร: การบรรยายฟ้องและองค์ประกอบความผิด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุกว่าสิบสามปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี และมีข้อความในวงเล็บระบุถึงอายุของผู้เสียหายไว้ชัดเจนว่า ผู้เสียหายอายุ 14 ปีเศษ ไปเสียจากว. ซึ่งเป็นบิดาและผู้ปกครองเพื่อการอนาจาร โดยผู้เสียหายเต็มใจไปด้วย ดังนี้ครบองค์ประกอบความผิดฐานพรากผู้เยาว์แล้ว ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่ ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่1 ได้กระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่หลายครั้งเป็นเพียงข้อประกอบเจตนาแสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันพรากผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารตามบทกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษโดยตรง โจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 จึงไม่จำต้องบรรยายถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลา สถานที่และจำนวนครั้งที่จำเลยที่ 1 ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย และที่จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากันหรือไม่ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา มิใช่ข้อสำคัญที่จะต้องกล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3929/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของคำฟ้องอาญา: การบรรยายหน้าที่และการกระทำของจำเลยเพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
คำฟ้องโจทก์ตอนต้นได้บรรยายถึงวันเวลาเกิดเหตุ แล้วบรรยายถึงหน้าที่และการกระทำของจำเลยว่า ตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทโจทก์ร่วมจำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และจำเลยที่ 3 เป็นพนักงานขายของตามหน้าที่ ได้ร่วมกันเบียดบังยักยอกเงินจำนวน 898,914.76 บาท ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยตามหน้าที่ไปเป็นประโยชน์ของจำเลยเสียโดยทุจริตแล้วบรรยายถึงสถานที่เกิดเหตุคำบรรยายฟ้องเช่นนี้ จำเลยสามารถเข้าใจข้อหาได้โดยถูกต้องแล้วว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดอย่างไรถึงแม้โจทก์จะมิได้บรรยายว่าเงินที่ถูกยักยอกไปเป็นเงินของแผนกใด และเบียดบังเอาเงินไปโดยวิธีการอย่างใด ฟ้องโจทก์ก็หาเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุวันเวลาการกระทำผิดในฟ้องคดีเช็ค การบรรยายต่อเนื่องทำให้เข้าใจได้ถึงวันปฏิเสธการจ่ายเช็ค
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ได้บรรยายเรื่องเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดว่า ครั้นวันที่ 4 พฤษภาคม 2522 โจทก์ได้นำเช็คไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคาร ก. สาขาพาหุรัดเพื่อเรียกเก็บเงิน ปรากฏว่าธนาคาร ก. สำนักงานใหญ่ปฏิเสธการจ่ายเงินและคืนเช็ค โดยอ้างเหตุผลว่าผู้สั่งจ่ายให้ติดต่อก่อน ดังนี้ย่อมเข้าใจว่า วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นวันเดียวกันกับวันที่โจทก์นำเช็คเข้าบัญชี คือวันที่ 4 พฤษภาคม 2522 นั่นเอง ฟ้องโจทก์มีรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่เกิดการกระทำผิดคือวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว จึงชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ถือเช็คตามกฎหมาย: การโอนเช็คโดยการส่งมอบ และการบรรยายฟ้อง
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องโดยไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยคดีก่อน จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 มาใช้บังคับไม่ได้
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ผู้มีเช็คไว้ในครอบครองในฐานะผู้ถือก็เป็นผู้ทรงโดยชอบ และการโอนอาจกระทำได้เพียงด้วยการส่งมอบให้กัน
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายถือว่าได้บรรยายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์อันพึงมีตามเช็คครบถ้วนแล้ว ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ได้เช็คมาโดยวิธีใดเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณา และไม่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ผู้มีเช็คไว้ในครอบครองในฐานะผู้ถือก็เป็นผู้ทรงโดยชอบ และการโอนอาจกระทำได้เพียงด้วยการส่งมอบให้กัน
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายถือว่าได้บรรยายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์อันพึงมีตามเช็คครบถ้วนแล้ว ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ได้เช็คมาโดยวิธีใดเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณา และไม่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ถือเช็คตามกฎหมาย: การโอนเช็คด้วยการส่งมอบ และการบรรยายฟ้องผู้ทรงโดยชอบ
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องโดยไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยคดีก่อน จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 มาใช้บังคับไม่ได้
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ผู้มีเช็คไว้ในครอบครองในฐานะผู้ถือก็เป็นผู้ทรงโดยชอบ และการโอนอาจกระทำได้เพียงด้วยการส่งมอบให้กัน
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายถือว่าได้บรรยายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์อันพึงมีตามเช็คครบถ้วนแล้ว ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ได้เช็คมาโดยวิธีใดเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณา และไม่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ ผู้มีเช็คไว้ในครอบครองในฐานะผู้ถือก็เป็นผู้ทรงโดยชอบ และการโอนอาจกระทำได้เพียงด้วยการส่งมอบให้กัน
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายถือว่าได้บรรยายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์อันพึงมีตามเช็คครบถ้วนแล้ว ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ได้เช็คมาโดยวิธีใดเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณา และไม่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น