คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การประเมิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 76 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 115/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาหลีกเลี่ยงภาษีและการประเมินที่ถูกต้อง การงดลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม
โจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีการค้าแต่โจทก์ไม่ได้เสีย กลับอ้างว่าเงินได้หรือรายรับเป็นของผู้อื่นพฤติการณ์โจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ลดเงินเพิ่มภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2534คงเรียกเก็บร้อยละ 50 ของเงินเพิ่มตามกฎหมาย และลดเบี้ยปรับสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2525 และภาษีการค้าของปี 2524และ 2525 คงเรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายนับว่าเป็นคุณแก่โจทก์มากแล้วจึงไม่มีเหตุที่จะงดหรือลดเงินเพิ่มและเบี้ยปรับให้โจทก์อีก ส่วนเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่ง ประมวลรัษฎากรสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2525 และเงินเพิ่มตามมาตรา 89 ทวิสำหรับภาษีการค้าปี 2524 และ 2525 ซึ่งเป็นเงินเพิ่มเพราะโจทก์ไม่เสียภาษีภายในกำหนดนั้น กฎหมายกำหนดไว้แน่นอนโดยไม่มีข้อยกเว้นให้งดหรือลดได้ และจะลดได้ก็จะต้องเป็นไปตามกฎหมายศาลจึงไม่อาจพิจารณางดหรือลดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินบาดแผลทางกายเพื่อกำหนดความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391
โจทก์ร่วมมีบาดแผล 2 แห่ง คือที่ใต้ศอกขวา แผลยาวประมาณ2 เซนติเมตร ลึกใต้ผิวหนังและบวม กับที่หางตาขวาบวมแดงพื้นที่ประมาณ 1x1 เซนติเมตร แพทย์ลงความเห็นว่าแผลถูกของแข็งรักษาประมาณ 7 วัน ถือเป็นบาดแผลเล็กน้อยไม่ถึงบาดเจ็บจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตาม ป.อ. มาตรา 391.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนทางอาญา: การประเมินภยันตรายและความเหมาะสมของการป้องกัน
แม้ลักษณะบาดแผลตามคำเบิกความของจำเลยในชั้นพิจารณาจะต่างกับรายงานผลการชันสูตรบาดแผลของแพทย์ แต่ได้ความว่าผู้เสียหายและ ข. ได้บุกรุกขึ้นมาบนบ้านจำเลย ผู้เสียหายได้กระทำอนาจาร ส.ส. ร้องให้จำเลยช่วยเหลือพอจำเลยลุกขึ้นจากที่นอนก็ถูก ข.ใช้ขวดสุราตีจนจำเลยล้มลงไปอีก จำเลยจึงใช้ขวานฟันไปทันที 1 ครั้ง ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการป้องกันตนและบุตรสาวของตนให้พ้นจากภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายพอสมควรแก่เหตุ ทั้งมิใช่เป็นเรื่องบันดาลโทสะ เพราะขณะที่จำเลยได้กระทำลงไปนั้นจำเลยก็ดีบุตรสาวของจำเลยก็ดี ยังไม่พ้นจากภยันตรายอันเกิดจากการกระทำของผู้เสียหายและ ข..

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4114/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดรายรับขั้นต่ำทางภาษี ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด หากไม่ปฏิบัติตาม การประเมินภาษีเป็นโมฆะ
เจ้าพนักงานสรรพากรส่งแบบ ภ.ค.45 ไปให้โจทก์ แต่หนังสือดังกล่าวไม่ถึงโจทก์เพราะระบุเลขบ้านผิด เห็นได้ว่า การกำหนดรายรับขั้นต่ำที่พิพาทคดีนี้เจ้าพนักงานสรรพากรยังไม่ได้ส่งแบบ ภ.ค.45 ให้โจทก์ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีการค้า (ฉบับที่ 38) ข้อ 3 และข้อ 4ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีการค้า(ฉบับที่ 44) ซึ่งออกตามความในประมวลรัษฎากร มาตรา 86 เบญจการใช้อำนาจกำหนดรายรับขั้นต่ำของเจ้าพนักงานประเมินจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกำหนดรายรับขั้นต่ำตามมาตรา 86 เบญจ เป็นคนละกรณีกับมาตรา 87,87 ทวิ (7) และ 87 ตรี แม้โจทก์จะเคยได้รับหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินเพื่อตรวจสอบไต่สวน หรือเจ้าพนักงานประเมินจะเคยกำหนดรายรับขั้นต่ำของโจทก์มาก่อนแล้วแต่เมื่อการกำหนดรายรับขั้นต่ำครั้งพิพาทนี้เจ้าพนักงานประเมินมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามมาตรา 86 เบญจ จึงเป็นการไม่ชอบ เจ้าพนักงานประเมินภาษีการค้าใช้อำนาจกำหนดรายรับขั้นต่ำของโจทก์โดยมิชอบตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา คำวินิจฉัยคำคัดค้านของอธิบดีกรมสรรพากรจึงไม่ถึงที่สุด โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3596/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาศุลกากรต้องมีหลักฐานเปรียบเทียบราคาที่น่าเชื่อถือและเป็นปัจจุบัน หากไม่มีหลักฐานเพียงพอ การประเมินราคาสินค้าเพิ่มเติมจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
บัตรราคาสินค้าและบันทึกการวิเคราะห์ราคาของกรมศุลกากรเป็นเอกสารภายในของโจทก์ที่ทำขึ้น บุคคลภายนอกไม่อาจจะทราบได้ทั้งการประเมินราคาสินค้าของโจทก์ก็ปรากฏว่ามีการประเมินภายหลังจากจำเลยที่ 1 นำสินค้าเข้ามาแล้วเป็นเวลากว่า 4-5 ปี กรณีเช่นนี้จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่า ราคาสินค้าที่ปรากฏในบัตรราคาสินค้าและบันทึกการวิเคราะห์ราคาที่เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์นำมาเทียบเคียง กับราคาสินค้าตามใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าของจำเลยที่ 1 เป็นราคาของสินค้าประเภทเดียวกันชนิดเดียวกันกับสินค้าของผู้อื่นซึ่งนำเข้าในราชอาณาจักรมาแล้วในเวลาเดียวกันและใกล้เคียงกันกับเวลาที่จำเลยที่ 1 นำเข้า เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้ได้ความดังกล่าวจึงไม่อาจจะถือเอาราคาตามที่เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์ทำการประเมินสินค้าของจำเลยที่ 1 เพิ่มเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดได้ การประเมินภาษีอากรขาเข้าเพิ่มเติมสำหรับใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง-การประเมินภาษี: การรับจ้างผลิตสบู่ไม่ใช่การขายของ
การที่ ป.กรรมการของโจทก์ลงลายมือชื่อในคำอุทธรณ์ที่อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เพียงคนเดียวโดยมิได้ประทับตราบริษัทโจทก์ เป็นการกระทำภายในขอบวัตถุประสงค์ของโจทก์ โจทก์ก็ได้ยอมรับเอาผลของการกระทำนั้น ถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันแก่การยื่นอุทธรณ์ของโจทก์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยก็ได้ยอมรับคำอุทธรณ์ที่ ป.ทำไปว่าเป็นอุทธรณ์ของโจทก์ ถือว่าโจทก์ได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แล้ว จึงมีอำนาจฟ้อง
การที่โจทก์เพียงแต่ใช้แรงงานและเครื่องมือเครื่องใช้ของโจทก์ผลิตสบู่ขึ้นมาตามสูตรและส่วนผสมที่ผู้ว่าจ้างกำหนด โดยผู้ว่าจ้างเป็นผู้จัดหาสัมภาระทั้งหมดที่ใช้ในการผลิต ย่อมแสดงว่าผู้ว่าจ้างหวังผลสำเร็จแห่งการงานที่จ้างเป็นสำคัญ และเป็นที่เห็นได้ว่าสบู่ที่โจทก์ผลิตขึ้นนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ว่าจ้างมาแต่แรก เงินที่ผู้ว่าจ้างจ่ายให้โจทก์จึงมิใช่ค่าตอบแทนการโอนกรรมสิทธิ์ในสบู่ที่โจทก์ผลิตขึ้น แต่เป็นเงินสินจ้างหรือค่าตอบแทนในการที่โจทก์ผลิตสบู่ให้ตามที่ว่าจ้าง นอกจากนี้ยังปรากฏด้วยว่าผู้ว่าจ้างได้เสียภาษีการค้าในฐานะผู้ผลิตให้แก่จำเลยไว้แล้ว กรณีจึงมิใช่การขายของแต่เป็นการรับจ้างทำของ จะต้องเสียภาษีการค้าในประเภทการค้า 4 การรับจ้างทำของชนิด 1 (ฉ)ในฐานะผู้รับจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4948/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีอากรที่ถูกต้องตามราคาอันแท้จริงในท้องตลาด และอำนาจฟ้องคดีภาษีอากร
โจทก์นำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรจำเลยประเมินให้โจทก์เสียภาษีโดยแยกรายการที่สำแดงภาษีอากร มียอด เงินสำหรับอากรขาเข้า ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลย่อมถือได้ว่า มีการประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล หากโจทก์เห็นว่า ไม่ถูกต้องอย่างไร ชอบที่จะอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากรก่อนการที่โจทก์อุทธรณ์ต่อผู้อำนวยการกองวิเคราะห์ราคากรมศุลกากรจึงมิใช่เป็นการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง แม้โจทก์จะเคยนำเข้าวิทยุตามตัวราคาชุด ละ 195เหรียญสหรัฐอเมริกา แต่ภายหลังผู้ผลิตลดราคาให้เหลือชุด ละ 164เหรียญสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นราคาปกติที่ขายให้แก่ลูกค้าทั่วไปมิใช่ลดหย่อนราคาให้แก่โจทก์เพียงรายเดียว ย่อมแสดงว่าสินค้าประเภทและชนิดเดียวกัน ณ เวลาที่นำเข้าต่างกันราคาย่อมลดลงได้จึงถือได้ว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดลดลงกว่าที่โจทก์เคยสั่งซื้อเข้ามาในครั้งก่อน ๆ จำเลยจะถือเอาราคาที่โจทก์เคยนำเข้าครั้งก่อน ๆชุด ละ 195 เหรียญสหรัฐอเมริกา เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเพื่อเรียกเก็บภาษี หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4794/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีอากร: ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเป็นเกณฑ์สำคัญ และการอุทธรณ์ต้องเป็นไปตามกฎหมาย
จำเลยยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่อกรมศุลกากรโจทก์ที่ 1เกี่ยวกับการประเมินภาษีศุลกากร ถือว่าเป็นอุทธรณ์การประเมินอากรตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 112 ทวิ วรรคสาม ไม่ใช่เป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ แม้โจทก์ที่ 1 จะไม่ได้วินิจฉัยหรือวินิจฉัยไม่เสร็จ เมื่อจำเลยไม่ชำระภาษีอากรตามที่ได้ประเมินย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง พนักงานของโจทก์ที่ 1 ประเมินเรียกเก็บภาษีอากรสำหรับสินค้าจำพวกเขากวางอ่อนติดกะโหลกที่จำเลยนำเข้าระหว่างวันที่ 2 และ 6พฤศจิกายน 2521 การกำหนดราคาอันแท้จริงในท้องตลาด โดยอาศัยราคาจากบัตรวิเคราะห์ราคาทำขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2522 ห่างจากวันที่จำเลยนำสินค้าพิพาทเข้าประมาณ 3 เดือน ซึ่งโจทก์สอบถามไปยังกงสุลฝ่ายศุลกากรประจำกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง โดยได้ทำการสอบราคาจากร้านสรรพสินค้าของสาธารณรัฐประชาชนจีน 3 ร้าน และร้านขายเครื่องยาจีนที่มีขนาดใหญ่พอสมควร 4 ร้าน แล้วเฉลี่ยราคา เพื่อความเป็นธรรมจากนั้นจึงลดราคาเป็นการขายส่งอีกร้อยละ 20 คิดเป็นราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 3,179.74 เหรียญฮ่องกง แต่ได้มีการปัดเศษราคาตามบัตรราคาจึงเป็นกิโลกรัมละ 3,180 เหรียญฮ่องกง ถือได้ว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดของสินค้าพิพาทที่จำเลยนำเข้าการประเมินของโจทก์จึงชอบ จำเลยต้องรับผิดชำระภาษีอากรเพิ่มจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินประกันคืน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4616/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลจากความแตกต่างของน้ำหนักข้าวโพด: การคำนวณความชื้นและสภาพสินค้า
แม้หลักฐานทางบัญชีของโจทก์จะปรากฏว่าจำนวนน้ำหนักข้าวโพดคงเหลือในรอบระยะเวลาบัญชีปีที่พิพาทกันขาดจำนวนไปเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนน้ำหนักข้าวโพดที่รับซื้อเข้ามาและขายออกไป แต่ก็ไม่เป็นการแน่นอนว่าโจทก์ขายข้าวโพดตามจำนวนน้ำหนักที่ขาดหายไปโดยไม่ลงบัญชีเพราะข้าวโพดเป็นพืชไร่ที่รู้กันอยู่ทั่วไปโดยสภาพของธรรมชาติว่าน้ำหนักจะเปลี่ยนแปลงไปตามความชื้นที่มีอยู่ในตัว ถ้ามีความชื้นมากน้ำหนักก็จะมากขึ้น ถ้ามีความชื้นน้อยน้ำหนักก็จะลดไปตามส่วน ทั้งก่อนโจทก์ส่งข้าวโพดไปขายต่างประเทศจะต้องอบให้เหลือความชื้นไม่เกินมาตรฐานที่กำหนด น้ำหนักย่อมลดลงไปอีก การคำนวณน้ำหนักจึงมีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นได้มากเพราะความชื้นแตกต่างกัน จำนวนน้ำหนักข้าวโพดที่ขาดไปจากบัญชีมีเพียง 1,091.140 ตัน แต่โจทก์ส่งข้าวโพดออกไปต่างประเทศถึง700,000 เมตริกตันเศษ จึงเห็นได้ว่าจำนวนน้ำหนักข้าวโพดที่ขาดหายไปดังกล่าวเกิดจากการคำนวณน้ำหนักความชื้นที่เปลี่ยนแปลงไปผิดพลาดคลาดเคลื่อนตามสภาพของสินค้าประเภทนี้ การที่เจ้าพนักงานประเมินถือน้ำหนักข้าวโพดที่ขาดไปมาถือว่าโจทก์ขายไปโดยไม่ลงบัญชี จึงไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีภาษีอากร: การฟ้องก่อนการประเมินอากรตัดสิทธิการประเมินและอุทธรณ์
การที่เจ้าพนักงานของจำเลยให้โจทก์นำหนังสือค้ำประกันมาวางเป็นประกันการชำระภาษีอากร เป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 112 ที่ให้อำนาจไว้และเจ้าพนักงานของจำเลยย่อมมีอำนาจประเมินเงินอากรและแจ้งให้โจทก์ชำระตามมาตรา 112 ทวิ เมื่อโจทก์ไม่พอใจ โจทก์มีอำนาจอุทธรณ์คัดค้านได้ตามมาตรา 112 ทวิวรรคสาม การที่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเจ้าพนักงานของจำเลยเรียกประกันตามมาตรา 112 จึงเป็นการตัดสิทธิในการประเมินของเจ้าพนักงาน และตัดสิทธิโจทก์ในการอุทธรณ์คัดค้านการประเมิน ซึ่งกฎหมายมิได้มีเจตนารมณ์เช่นนั้นดังนั้นการที่โจทก์ฟ้องคดีก่อนเจ้าหน้าที่เองจำเลยประเมินเงินอากรและแจ้งให้โจทก์ชำระตามมาตรา 112 ทวิ วรรคหนึ่งกรณียังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
of 8