พบผลลัพธ์ทั้งหมด 58 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมมีกำหนดเวลา: การใช้ทางเพื่อทำนาเฉพาะฤดู ไม่ถือเป็นภารจำยอมตลอดปี
เมื่อเจ้าของที่ดินอันเป็นสามยทรัพย์ได้ใช้ทางภารจำยอมโดยใช้กระบือและล้อเกวียนผ่านไปทำนาของตนเพียงชั่วระยะเวลาไถหว่านปักดำ ปลูกข้าวแล้วไม่ได้ใช้ผ่านอีกจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวจึงใช้ผ่านไปเก็บเกี่ยวแล้วใช้เกวียนบ้าง ล้อบ้างขนข้าวจากนากลับมาเก็บไว้ที่บ้าน ดังนี้ ทางอันอยู่ในที่ดินที่เป็นภารยทรัพย์ย่อมตกอยู่ในภารจำยอมเพียงชั่วระยะเวลาแห่งการทำนาตอนหนึ่งและในระยะเวลาตอนเก็บเกี่ยวและขนข้าวอีกตอนหนึ่งเท่านั้นหาใช่ตกเป็นภารจำยอมตลอดทั้งปีไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำนาไม่ทำให้ภารจำยอมเสื่อม หากไม่กระทบการใช้ทาง
โจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความในการนำกระบือผ่านที่ดินนาของจำเลยชั่วระยะเวลาก่อนจำเลยทำนาเสร็จเมื่อการทำนาของจำเลยตามที่เป็นมาจนเกิดภารจำยอมเป็นการทำนาดำ จำเลยจะเปลี่ยนเป็นทำนาหว่านซึ่งลงมือก่อนทำนาดำเป็นเหตุให้โจทก์ใช้ทางนำกระบือผ่านไม่ได้ อันเป็นการเสื่อมประโยชน์แก่ภารจำยอมหาได้ไม่
แม้จำเลยจะทำนาหว่านได้ผลดีกว่านาดำ ก็ไม่เป็นเหตุที่อ้างให้เสื่อมประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์
แม้จำเลยจะทำนาหว่านได้ผลดีกว่านาดำ ก็ไม่เป็นเหตุที่อ้างให้เสื่อมประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมไม่สิ้นสุดแม้มีทางออกอื่น การฟ้องภารจำยอมสำหรับที่ดินของตนเองไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
พฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ นั้นแม้จะมีทางออกทางอื่นได้แล้ว ก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นอีกได้ และที่ดินที่มีทางออกเป็นทางภารจำยอมอยู่แล้ว แม้มีทางออกทางอื่นอีกก็ไม่ทำให้ทางภารจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป
การพิจารณาว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินแปลงใดหรือไม่ ก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบ ไม่มีกฎหมายใดให้ถือว่า ถ้าไม่มีปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน หรือ ส.ค. 1 หรือ น.ส. 3 แล้วรับฟังไม่ได้
ที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ นั้นแม้จะมีทางออกทางอื่นได้แล้ว ก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นอีกได้ และที่ดินที่มีทางออกเป็นทางภารจำยอมอยู่แล้ว แม้มีทางออกทางอื่นอีกก็ไม่ทำให้ทางภารจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป
การพิจารณาว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินแปลงใดหรือไม่ ก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบ ไม่มีกฎหมายใดให้ถือว่า ถ้าไม่มีปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน หรือ ส.ค. 1 หรือ น.ส. 3 แล้วรับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองทางภารจำยอม: ศาลวินิจฉัยนอกฟ้องแต่ฟังเป็นทางภารจำยอมได้จากข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอม แต่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในทางพิพาทโดยไม่วินิจฉัยว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากฟ้อง
ทางเดินซึ่งตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์กว้าง 6.40 เมตร และโจทก์ใช้เดินเข้าออกเป็นประจำกว้างประมาณ 1.50 เมตร แต่ถ้าเป็นหน้าน้ำทางเฉอะแฉะก็เดินนอกทางที่เดินเป็นประจำนั้นบ้าง เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทตลอดมาโดยไม่ได้ละทิ้ง ทางพิพาททั้งหมดยังคงเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
ทางเดินซึ่งตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์กว้าง 6.40 เมตร และโจทก์ใช้เดินเข้าออกเป็นประจำกว้างประมาณ 1.50 เมตร แต่ถ้าเป็นหน้าน้ำทางเฉอะแฉะก็เดินนอกทางที่เดินเป็นประจำนั้นบ้าง เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทตลอดมาโดยไม่ได้ละทิ้ง ทางพิพาททั้งหมดยังคงเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยนอกคำฟ้องและสิทธิครอบครองทางภารจำยอม การใช้ทางโดยอำนาจปรปักษ์
โจทก์ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอม แต่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในทางพิพาทโดยไม่วินิจฉัยว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากคำฟ้อง
ทางเดินซึ่งตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์กว้าง 6.40 เมตร และโจทก์ใช้เดินเข้าออกเป็นประจำกว้างประมาณ1.50 เมตร แต่ถ้าเป็นหน้าน้ำทางเฉอะแฉะก็เดินนอกทางที่เดินเป็นประจำนั้นบ้าง เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทตลอดมาโดยไม่ละทิ้ง ทางพิพาททั้งหมดยังคงเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
ทางเดินซึ่งตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์กว้าง 6.40 เมตร และโจทก์ใช้เดินเข้าออกเป็นประจำกว้างประมาณ1.50 เมตร แต่ถ้าเป็นหน้าน้ำทางเฉอะแฉะก็เดินนอกทางที่เดินเป็นประจำนั้นบ้าง เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทตลอดมาโดยไม่ละทิ้ง ทางพิพาททั้งหมดยังคงเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางภารจำยอม: การใช้ทางต่อเนื่องแม้ไม่ตลอดปี ไม่ทำให้ภารจำยอมสิ้นไป ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้แม้ฟ้องอ้างผิด
ทางพิพาทเป็นทางเดิน คนใช้มา 40 - 50 ปี ก่อนตกมาเป็นของจำเลย และอยู่ในเขตที่ดินของจำเลย เมื่อจำเลยมิได้สละสิทธิครอบครองให้เป็นทางสาธารณะจึงไม่เป็นทางสาธารณะ แต่เป็นทางภารจำยอม ซึ่งแม้จะใช้ได้ในบางฤดูกาล ก็ไม่ทำให้ภารจำยอมสิ้นไป
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปิดกั้นและทำลายทางสาธารณะซึ่งโจทก์กับราษฎรได้ใช้มากว่า 50 ปี เป็นการบรรยายกล่าวอ้างถึงสิทธิของโจทก์ที่จะเดินผ่านทางพิพาทนี้มาในฟ้องแล้ว แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าไม่ใช่ทางสาธารณะ แต่เป็นทางภารจำยอม ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าเป็นทางภารจำยอมได้ ไม่นอกฟ้องนอกประเด็น.
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปิดกั้นและทำลายทางสาธารณะซึ่งโจทก์กับราษฎรได้ใช้มากว่า 50 ปี เป็นการบรรยายกล่าวอ้างถึงสิทธิของโจทก์ที่จะเดินผ่านทางพิพาทนี้มาในฟ้องแล้ว แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าไม่ใช่ทางสาธารณะ แต่เป็นทางภารจำยอม ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าเป็นทางภารจำยอมได้ ไม่นอกฟ้องนอกประเด็น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมเฉพาะฤดูทำนา การใช้ทางต่อเนื่องโดยไม่ขาดตอน
โจทก์ใช้ทางพิพาทสำหรับนำกระบือและล้อเกวียนผ่านนาจำเลยเมื่อสิ้นฤดูทำนาแล้วเป็นประจำมากว่า 10 ปี ทางพิพาทจึงตกเป็นภารจำยอมเฉพาะเมื่อสิ้นฤดูทำนา การที่โจทก์ไม่ได้ใช้เดินในฤดูทำนาหาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมเกิดจากการใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี เพื่อประโยชน์อสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนบุคคล
สิทธิการใช้ทางเดินอันตกเป็นภารจำยอมนั้นกฎหมายบัญญัติเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้มุ่งเพื่อประโยชน์ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะความสำคัญอยู่ที่ว่า ทางนั้นถูกใช้เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์มาเกิน 10 ปีแล้ว ก็ย่อมใช้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมเกิดจากการใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี เพื่อประโยชน์ต่อทรัพย์สิน ไม่ใช่แค่บุคคล
สิทธิการใช้ทางเดินอันตกเป็นภารจำยอมนั้น กฎหมายบัญญัติเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้มุ่งเพื่อประโยชน์ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะ ความสำคัญอยู่ที่ว่าทางนั้นถูกใช้เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์มาเกิน 10 ปีแล้ว ก็ย่อมใช้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องเกินสิบปี และการฟ้องขอทางภารจำยอมที่มิเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องชัดแจ้งว่า ขอให้เปิดทางภารจำยอมถึงแม้จะมีความกล่าวว่าเป็นทางจำเป็นด้วยก็เป็นเพียงข้ออ้างว่านอกจากเป็นทางภารจำยอมแล้วยังเป็นทางจำเป็นอีกด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์กับพวกใช้ทางพิพาทเป็นประจำมาเกินกว่าสิบปีภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินโจทก์แล้วการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านตลอดปีหาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันไม่ได้
(อ้างฎีกา 1318/2501)
เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์ที่ดินในทางพิพาทโดยถือวิสาสะจำเลยต้องนำสืบข้ออ้าง
โจทก์กับพวกใช้ทางพิพาทเป็นประจำมาเกินกว่าสิบปีภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินโจทก์แล้วการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านตลอดปีหาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันไม่ได้
(อ้างฎีกา 1318/2501)
เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์ที่ดินในทางพิพาทโดยถือวิสาสะจำเลยต้องนำสืบข้ออ้าง