พบผลลัพธ์ทั้งหมด 70 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2674/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดต่อเนื่องฐานลักทรัพย์และชิงทรัพย์ การใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม
จำเลยลักทรัพย์สำเร็จแล้ว ขณะหลบหนี ญ. ผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นได้วิ่งไล่จับจำเลย จำเลยสะบัดหลุดแล้วใช้มีดแทง ญ. ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันยังไม่ขาดตอนจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยใช้มีดแทง ญ. อันเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4487/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะและใช้กำลังประทุษร้าย ผู้เสียหายจำได้และมีหลักฐานสนับสนุน
จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะแล่นตามหลังรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายและจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์เข้าชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายอย่างแรงจนเสียหลักล้มลงแล้วจำเลยที่ 1 ซึ่งนั่งซ้อนท้ายได้กระชากสร้อยคอทองคำที่คอผู้เสียหายไป การกระทำของจำเลยทั้งสองถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ จึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนใจทางอาญา: การกระทำต้องทำให้เกิดความกลัวหรือใช้กำลังประทุษร้าย จึงจะเข้าองค์ความผิดมาตรา 309
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ใช้และครอบครองเครื่องโทรศัพท์จำเลยซึ่งเป็นพนักงานองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยได้นำความเท็จไปแจ้งผู้บังคับบัญชาจำเลยว่า โจทก์ค้างชำระค่าเช่าโทรศัพท์ขอให้ระงับการใช้โทรศัพท์ของโจทก์ ผู้บังคับบัญชาของจำเลยหลงเชื่อจึงอนุมัติให้ระงับการใช้โทรศัพท์จนโจทก์ต้องนำเงินไปชำระให้แก่จำเลยเช่นนี้คำบรรยายฟ้องดังกล่าวหาเข้าลักษณะเป็นการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. มาตรา 309 ไม่ เพราะไม่มีข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่าจำเลยได้กระทำให้โจทก์กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของโจทก์ หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายโจทก์ตามที่กฎหมายระบุไว้เลย ฟ้องโจทก์จึงไม่ครบองค์ความผิดตามบทมาตราดังกล่าว ศาลชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4194/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย ศาลลงโทษเฉพาะบทหนัก
จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายฉุดผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารแล้วจำเลยได้กระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายในขณะเดียวกัน ทั้งนี้ก็โดยมีเจตนาอันแท้จริงเพียงอย่างเดียวคือจะกระทำอนาจารผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทคือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278,284 ต้องลงโทษตามมาตรา 284 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดแม้โจทก์จะแยกบรรยายการกระทำความผิดดังกล่าวของจำเลยมาในฟ้องเป็นข้อก.และข้อ ค. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพศาลจะลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชิงทรัพย์ต้องใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขู่ หากไม่มีองค์ประกอบนั้นเข้าข่ายลักทรัพย์
จำเลยขึ้นไปบนเรือนผู้เสียหายแล้วลักเอานกเขาพร้อมกรงของผู้เสียหายนางสาวดำเห็นเข้าจึงเข้าแย่งกรงนั้นแต่สู้กำลังจำเลยไม่ได้ จำเลยจึงแย่งเอากรงและนกเขาของผู้เสียหายไปได้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ เพราะจำเลยไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของนางสาวดำแต่ประการใด จำเลยคงมีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิ่งราวทรัพย์ vs. ชิงทรัพย์: การใช้กำลังประทุษร้ายเป็นสาระสำคัญ
จำเลยรวบคอผู้เสียหายเพื่อให้รู้ว่าสวมสร้อยคออยู่ แล้วกระตุกสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง สร้อยบาดคอเป็นแผลไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กาย ไม่เป็นชิงทรัพย์ เป็นการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า มีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย: การปัดไฟฉายและการกระชากสร้อยคอ
จำเลยปัดไฟฉายที่ผู้เสียหายถืออยู่จนหลุดจากมือผู้เสียหายก้มลงเก็บไฟฉาย จำเลยกระชากสร้อยคอพาหนีไปการปัดไฟฉายเป็นการกระทำแก่เนื้อตัวหรือกาย เป็นการใช้กำลังประทุษร้าย เป็นชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ตายถึงแก่ความตาย ศาลลงโทษฐานทำร้ายจนถึงแก่ความตาย แม้ฟ้องฐานปล้นทรัพย์
ตามคำบรรยายฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์นั้นได้กล่าวว่า จำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ซึ่งความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้นรวมการกระทำ โดยการใช้กำลังประทุษร้ายอยู่ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องว่าผู้ตายตายเพราะถูกจำเลยยิงทำร้าย ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 5
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์และการใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ตายถึงแก่ความตาย ศาลลงโทษฐานทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
ตามคำบรรยายฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์นั้นได้กล่าวว่าจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ซึ่งความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้นรวมการกระทำโดยการใช้กำลังประทุษร้ายอยู่ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องว่าผู้ตายตายเพราะถูกจำเลยยิงทำร้าย ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192 วรรค 5
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1506/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย การพิจารณาความรุนแรงของบาดแผล และการบังคับชำระค่าปรับ
จำเลยกับพวกร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายชกต่อยผู้เสียหายปรากฏตามรายงาน การตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เพียงว่า คางข้างขวาบวม ไม่มีเขียว ไม่ช้ำ รักษาหายภายใน 3 วัน เป็นบาดแผลเล็กน้อย ไม่ถึงกับเป็นเหตุได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสองมิใช่วรรคสี่
การขอให้ศาลปรับผู้ปกครองในกรณีเด็กก่อเหตุร้ายขึ้นภายในเวลาในข้อกำหนดนั้น จะต้องร้องขอในคดีเดิมที่ศาลวางข้อกำหนดไว้ โจทก์จะมาขอในคดีนี้ไม่ได้
การขอให้ศาลปรับผู้ปกครองในกรณีเด็กก่อเหตุร้ายขึ้นภายในเวลาในข้อกำหนดนั้น จะต้องร้องขอในคดีเดิมที่ศาลวางข้อกำหนดไว้ โจทก์จะมาขอในคดีนี้ไม่ได้