พบผลลัพธ์ทั้งหมด 616 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8138/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำพิพากษาอย่างชัดเจน มิใช่เพียงโอกาสชนะคดี
คำขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง ต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งทั้งเหตุที่ขาดนัดและทั้งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยในข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลนั้นกล่าวไว้เพียงว่า หากจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีและนำพยานหลักฐานเข้าสืบหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์แล้ว จำเลยมีโอกาสชนะคดีเนื่องจากโจทก์จำเลยไม่เคยมีมูลหนี้ต่อกันตามที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องเท่านั้น กรณีจึงเป็นเพียงการชี้แจงข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ มิใช่ข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นเพราะมิได้โต้แย้งว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบประการใดเพราะเหตุใด และเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงสนับสนุนให้เห็นได้ชัดแจ้งว่า หากให้มีการพิจารณาใหม่แล้ว ศาลอาจพิจารณาให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ได้พิจารณาไปแล้ว ซึ่งจะเป็นผลให้จำเลยชนะคดีได้ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7334/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการยกข้อที่ไม่เคยต่อสู้คดีในชั้นฎีกา
แม้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและมิได้อ้างตนเองเบิกความเป็นพยานหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ จำเลยก็มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยต้องคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ แต่ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้รับมอบโฉนดที่ดินไปจากโจทก์นั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6805-6807/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดีแรงงาน: การยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่พ้นกำหนดระยะเวลา
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรับฟ้องของโจทก์ทั้งสามไว้พิจารณาโดยกำหนดวันนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ และออกหมายเรียกให้จำเลยมาศาลในวันนัดพร้อมกับส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยชอบแล้ว จึงต้องถือว่าจำเลยได้รับหมายเรียกให้มาศาลตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 37 แล้ว เมื่อจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดโดยไม่แจ้งให้ศาลแรงงานกลางทราบเหตุที่ไม่มาและศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดและพิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีของโจทก์ทั้งสามไปฝ่ายเดียวจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาตามมาตรา 40 วรรคสอง จำเลยขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าว จึงต้องปฏิบัติตามมาตรา 41 ซึ่งบัญญัติไว้โดยเฉพาะให้ต้องดำเนินการภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัด จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่เมื่อพ้นกำหนดดังกล่าว ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ไต่สวนจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8740/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารหลักฐานไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานในคดีได้ แม้จำเลยขาดนัด
ในคดีที่คู่ความฝ่ายหนึ่งขาดนัดนั้น คู่ความฝ่ายที่ไม่ขาดนัดจะชนะคดีได้ต่อเมื่อได้นำสืบพยานหลักฐานต่อศาลจนเป็นที่พอใจว่าข้ออ้างของตนมีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดตามสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันโดยอ้างเอกสารทั้งสองฉบับเป็นพยานเอกสารสนับสนุนข้ออ้าง การจะรับฟังพยานเอกสารทั้งสองฉบับได้ โจทก์ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118 คือต้องปิดแสตมป์บนเอกสารให้บริบูรณ์เสียก่อน มิเช่นนั้นจะใช้เอกสารทั้งสองฉบับเป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ เมื่อสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันปิดอากรแสตมป์ไม่บริบูรณ์ ถือว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมหรือผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญโจทก์จึงฟ้องร้องให้บังคับแก่จำเลยทั้งสองไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลไม่รับฟังเหตุพิจารณาใหม่ แม้จำเลยอ้างว่าไม่ทราบเรื่องฟ้องเนื่องจากบวช
ขณะเจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายเรียกและหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยทั้งสองครั้ง จำเลยได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุและจำพรรษาอยู่ที่วัด ซึ่งห่างจากบ้านจำเลยเพียงประมาณ 1 กิโลเมตร การเดินทางไปมาสะดวก ที่บ้านจำเลยมีภริยาบุตรสาวและบุตรเขยของจำเลยอาศัยอยู่ ซึ่งบุคคลเหล่านี้มักไปทำบุญที่วัดดังกล่าวเป็นประจำ ทั้งในการส่งหมายให้แก่จำเลยทั้งสองครั้งเจ้าหน้าที่พบภริยาจำเลยอยู่ที่บ้าน แต่ภริยาจำเลยไม่ยอมรับหมายแทน จึงได้ปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาล แสดงว่าภริยาจำเลยทราบเรื่องการส่งหมายทั้งสองครั้งแล้ว ซึ่งตามปกติวิสัยเรื่องที่มีความสำคัญเช่นนี้ ภริยาจำเลยหรือบุคคลอื่นในบ้านย่อมต้องรีบแจ้งให้จำเลยทราบเรื่อง ดังนั้น การที่จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การในกำหนด และไม่ได้ไปศาลตามวันเวลาที่นัดสืบพยานโจทก์โดยไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ย่อมถือได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและจงใจขาดนัดพิจารณา คดีจึงไม่มีเหตุให้พิจารณาใหม่และรับคำให้การของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7604/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุขาดนัดชัดเจนและเหตุผลที่ศาลอาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา
คำขอให้พิจารณาใหม่นั้น คู่ความจะต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงเหตุที่ขาดนัดข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล และเหตุแห่งการยื่นคำขอล่าช้าตามป.วิ.พ.มาตรา 208 วรรคท้าย (เดิม)
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวแต่เพียงว่า จำเลยเพิ่งพบคำบังคับ โดยไม่ทราบมาก่อนว่าถูกฟ้อง สอบถามคนในบ้านได้ความว่าเก็บคำบังคับแล้วลืมนำมาให้จำเลย ส่วนหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่มีผู้ใดทราบ หากทราบจำเลยจะต้องยื่นคำให้การต่อสู้คดี จำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้ เนื่องจากจำเลยมิได้ผิดนัดชำระหนี้ต่อโจทก์ ข้อความในคำขอดังกล่าวไม่ได้กล่าวแสดงเหตุละเอียดและชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องในส่วนใดอย่างไร ทั้งไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งว่า หากพิจารณาใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 208 วรรคท้าย (เดิม)
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา208 วรรคท้าย (เดิม) กรณีต้องยกคำร้องอยู่แล้ว แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาของจำเลยให้ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดี ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวแต่เพียงว่า จำเลยเพิ่งพบคำบังคับ โดยไม่ทราบมาก่อนว่าถูกฟ้อง สอบถามคนในบ้านได้ความว่าเก็บคำบังคับแล้วลืมนำมาให้จำเลย ส่วนหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่มีผู้ใดทราบ หากทราบจำเลยจะต้องยื่นคำให้การต่อสู้คดี จำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้ เนื่องจากจำเลยมิได้ผิดนัดชำระหนี้ต่อโจทก์ ข้อความในคำขอดังกล่าวไม่ได้กล่าวแสดงเหตุละเอียดและชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องในส่วนใดอย่างไร ทั้งไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งว่า หากพิจารณาใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 208 วรรคท้าย (เดิม)
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา208 วรรคท้าย (เดิม) กรณีต้องยกคำร้องอยู่แล้ว แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาของจำเลยให้ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดี ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ขาดนัด – จำเลยต้องแจ้งความประสงค์ให้ดำเนินคดีต่อ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยที่ 1 มาศาล ส่วนผู้รับมอบอำนาจโจทก์ทนายโจทก์ จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคหนึ่ง ไม่ได้บังคับให้ศาลต้องสอบถามจำเลยที่มาศาลก่อน แต่เป็นเรื่องที่จำเลยที่มาศาลต้องแจ้งต่อศาลในวันหรือก่อนวันสืบพยานว่าตนตั้งใจจะให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปเมื่อจำเลยที่ 1 มิได้แจ้งต่อศาลชั้นต้นในวันหรือก่อนวันสืบพยานโจทก์ว่าตนตั้งใจจะให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ หาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบอันจะต้องเพิกถอนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7049-7057/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนกระบวนพิจารณาคดีแรงงานต้องยื่นภายใน 7 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งขาดนัด การส่งหมายเรียกโดยการปิดหมายชอบด้วยกฎหมาย
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 ให้นำบทบัญญัติแห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแก่การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงานโดยอนุโลมได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 เท่านั้น
ศาลแรงงานมีคำสั่งรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาแล้วได้กำหนดวันเวลานัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ โดยออกหมายเรียกให้จำเลยมาศาลในวันเวลานัด พร้อมกับส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยวิธีปิดหมาย ณ บ้านเลขที่ 106/33 อันเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 37 เมื่อจำเลยยอมรับในคำร้องว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวเป็นที่อยู่ในหนังสือจดทะเบียนของจำเลย จึงเป็นที่ตั้งสำนักงานอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 68, 1111 แม้จำเลยจะมีที่ทำการอยู่ที่บ้านเลขที่ 33 ก็เป็นกรณีจำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่ง การส่งหมายเรียกให้จำเลยโดยการปิดหมาย ณ บ้านเลขที่ 106/33 จึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 74 ประกอบมาตรา 79 จึงต้องถือว่าจำเลยได้รับหมายเรียกให้มาศาลตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 37 แล้วเมื่อจำเลยไม่มาตามกำหนด โดยไม่แจ้งให้ศาลทราบเหตุที่ไม่มา และศาลแรงงานได้มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดและพิจารณาตัดสินคดีของโจทก์ไปฝ่ายเดียว จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 40 การที่จำเลยขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวจึงต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 41 คือต้องดำเนินการภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัด เมื่อจำเลยยื่นคำร้องพ้นกำหนด กรณีจึงต้องยกคำร้อง
ศาลแรงงานมีคำสั่งรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาแล้วได้กำหนดวันเวลานัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ โดยออกหมายเรียกให้จำเลยมาศาลในวันเวลานัด พร้อมกับส่งสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยวิธีปิดหมาย ณ บ้านเลขที่ 106/33 อันเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 37 เมื่อจำเลยยอมรับในคำร้องว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวเป็นที่อยู่ในหนังสือจดทะเบียนของจำเลย จึงเป็นที่ตั้งสำนักงานอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 68, 1111 แม้จำเลยจะมีที่ทำการอยู่ที่บ้านเลขที่ 33 ก็เป็นกรณีจำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่ง การส่งหมายเรียกให้จำเลยโดยการปิดหมาย ณ บ้านเลขที่ 106/33 จึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 74 ประกอบมาตรา 79 จึงต้องถือว่าจำเลยได้รับหมายเรียกให้มาศาลตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 37 แล้วเมื่อจำเลยไม่มาตามกำหนด โดยไม่แจ้งให้ศาลทราบเหตุที่ไม่มา และศาลแรงงานได้มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดและพิจารณาตัดสินคดีของโจทก์ไปฝ่ายเดียว จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 40 การที่จำเลยขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวจึงต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 41 คือต้องดำเนินการภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัด เมื่อจำเลยยื่นคำร้องพ้นกำหนด กรณีจึงต้องยกคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7040/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการประวิงคดี ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์โดยรวม
ตามคำร้องของจำเลยอ้างว่า ทนายจำเลยได้รับการแต่งตั้งเป็นทนายความเรื่องนี้ก่อนวันครบกำหนดยื่นคำให้การเพียงหนึ่งวัน จึงไม่สามารถยื่นคำให้การภายในกำหนด ถือได้ว่าจำเลยได้แสดงเหตุให้ปรากฏแล้วว่า จำเลยมิได้ยื่นคำให้การเพราะเหตุใด แต่ตัวจำเลยกลับเพิ่งแต่งตั้งทนายความเมื่อพ้นระยะเวลาที่จำเลยจะยื่นคำให้การตาม ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคหนึ่ง แล้ว มิใช่แต่งตั้งทนายก่อนวันครบกำหนดยื่นคำให้การเพียงหนึ่งวันดังจำเลยอ้าง พฤติการณ์แห่งคดีแสดงให้เห็นว่าตัวจำเลยไม่สนใจต่อการดำเนินคดี จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยทราบนัดสืบพยานครั้งแรกโดยชอบแล้วไม่มาศาลและมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีออกไปตามคำร้องของโจทก์และปิดหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยก็มิได้ดำเนินการใดๆ ทนายความของจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าตนติดว่าความที่ศาลอื่นในวันดังกล่าวทนายจำเลยกลับให้ตัวจำเลยนำคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ และคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นในวันนัด ซึ่งคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การก็มิได้แสดงเหตุให้ปรากฏ และก่อนหน้านี้จำเลยเคยยื่นคำร้องขออนุญาตขยายระยะเวลายื่นคำให้การมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ยื่นเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่อนุญาต พฤติการณ์ของจำเลยส่อไปในทางประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีจึงชอบแล้ว
จำเลยทราบนัดสืบพยานครั้งแรกโดยชอบแล้วไม่มาศาลและมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีออกไปตามคำร้องของโจทก์และปิดหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยก็มิได้ดำเนินการใดๆ ทนายความของจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าตนติดว่าความที่ศาลอื่นในวันดังกล่าวทนายจำเลยกลับให้ตัวจำเลยนำคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ และคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นในวันนัด ซึ่งคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การก็มิได้แสดงเหตุให้ปรากฏ และก่อนหน้านี้จำเลยเคยยื่นคำร้องขออนุญาตขยายระยะเวลายื่นคำให้การมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ยื่นเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่อนุญาต พฤติการณ์ของจำเลยส่อไปในทางประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7040/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการประวิงคดี ศาลมีสิทธิไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การและเลื่อนคดี
ตามคำร้องของจำเลยอ้างว่า ทนายจำเลยได้รับการแต่งตั้งเป็นทนายความเรื่องนี้ก่อนวันครบกำหนดยื่นคำให้การเพียงหนึ่งวันจึงไม่สามารถยื่นคำให้การภายในกำหนด ถือได้ว่าจำเลยได้แสดงเหตุให้ปรากฏแล้วว่าจำเลยมิได้ยื่นคำให้การเพราะเหตุใด แต่ตัวจำเลยกลับเพิ่งแต่งตั้งทนายความเมื่อพ้นระยะเวลาที่จำเลยจะยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคหนึ่ง แล้ว มิใช่แต่งตั้งทนายก่อนวันครบกำหนดยื่นคำให้การเพียงหนึ่งวัน ดังจำเลยอ้าง พฤติการณ์แห่งคดีแสดงให้เห็นว่าตัวจำเลยไม่สนใจ ต่อการดำเนินคดี จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยทราบนัดสืบพยานครั้งแรกโดยชอบแล้วไม่มาศาลและมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีออกไปตามคำร้องของโจทก์และปิดหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบแล้วแต่จำเลยมิได้ดำเนินการใด ๆ การที่ทนายความของจำเลยติดว่าความที่ศาลอื่นในวันดังกล่าว ทนายจำเลยย่อมทราบดีอยู่แล้ว กลับให้ ตัวจำเลยนำคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การมายื่น และยื่นคำร้องขอ เลื่อนคดีเข้ามาด้วยในวันเดียวกันนี้ ซึ่งคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ มิได้แสดงเหตุให้ปรากฏและก่อนหน้านี้จำเลยเคยยื่นคำร้องขออนุญาต ขยายระยะเวลายื่นคำให้การมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากเป็นการยื่น เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายแล้ว ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่อนุญาต พฤติการณ์ของจำเลยส่อไปในทางประวิงคดี ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีจึงชอบแล้ว
จำเลยทราบนัดสืบพยานครั้งแรกโดยชอบแล้วไม่มาศาลและมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีออกไปตามคำร้องของโจทก์และปิดหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบแล้วแต่จำเลยมิได้ดำเนินการใด ๆ การที่ทนายความของจำเลยติดว่าความที่ศาลอื่นในวันดังกล่าว ทนายจำเลยย่อมทราบดีอยู่แล้ว กลับให้ ตัวจำเลยนำคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การมายื่น และยื่นคำร้องขอ เลื่อนคดีเข้ามาด้วยในวันเดียวกันนี้ ซึ่งคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ มิได้แสดงเหตุให้ปรากฏและก่อนหน้านี้จำเลยเคยยื่นคำร้องขออนุญาต ขยายระยะเวลายื่นคำให้การมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากเป็นการยื่น เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายแล้ว ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่อนุญาต พฤติการณ์ของจำเลยส่อไปในทางประวิงคดี ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีจึงชอบแล้ว