พบผลลัพธ์ทั้งหมด 77 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ชอบด้วยกฎหมายไปยังสำนักทำการงานของหุ้นส่วนผู้จัดการ และผลของการขาดนัดยื่นคำให้การ
เจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ที่สำนักงานแห่งใหญ่ของจำเลยที่ 1ซึ่งระบุไว้ในหนังสือรับรองนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทถือว่าเจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2ที่สำนักทำการงานของจำเลยที่ 2 โดยชอบแล้ว การที่จำเลยที่ 2 มิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ทั้งมิได้แจ้งเหตุขัดข้องต่อศาลภายในกำหนดเวลา ทั้งทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วยังขาดนัดพิจารณา ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ไม่มีเหตุอนุญาตให้พิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3265/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ชอบด้วยกฎหมายและการรื้อถอนอาคารที่ขัดต่อข้อบัญญัติควบคุมการก่อสร้าง
ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่ 1 ที่ภูมิลำเนาแล้ว มีคนอยู่แต่ไม่ยอมรับไว้แทน บุคคลที่อยู่ในบ้านเลขที่ดังกล่าวเป็นบุคคลในวงเครือญาติกัน เชื่อว่าต้องแจ้งให้จำเลยที่ 1ทราบแล้ว นับแต่วันปิดหมายจนถึงวันครบกำหนดยื่นคำให้การเป็นเวลานานถึง 23 วัน มีเวลาเพียงพอแต่จำเลยที่ 1 มิได้ยื่นคำให้การ ถือว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ปลูกสร้างอาคารพิพาทขึ้นใหม่ทั้งหลังโดยไม่เว้นแนวอาคารให้ห่างจากถนนและด้านหลังอาคารก็มิได้เว้นห่างจากจุดศูนย์กลางของตรอกซึ่งเป็นทางสาธารณะตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้าง พ.ศ.2522 ข้อ 72 และข้อ 76 (4) อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความปลอดภัยและป้องกันอัคคีภัยการสัญจรไปมาและการรักษาอาคารให้เป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ศาลฎีกาไม่อาจใช้ดุลพินิจให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงอาคารดังกล่าวให้ถูกต้องตามที่จำเลยที่ 2 ขออนุญาตได้
ปลูกสร้างอาคารพิพาทขึ้นใหม่ทั้งหลังโดยไม่เว้นแนวอาคารให้ห่างจากถนนและด้านหลังอาคารก็มิได้เว้นห่างจากจุดศูนย์กลางของตรอกซึ่งเป็นทางสาธารณะตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้าง พ.ศ.2522 ข้อ 72 และข้อ 76 (4) อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความปลอดภัยและป้องกันอัคคีภัยการสัญจรไปมาและการรักษาอาคารให้เป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ศาลฎีกาไม่อาจใช้ดุลพินิจให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงอาคารดังกล่าวให้ถูกต้องตามที่จำเลยที่ 2 ขออนุญาตได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3226/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกปิดหมายที่ภูมิลำเนาของผู้ถูกฟ้อง และการขาดนัดยื่นคำให้การมีผลอย่างไรต่อการต่อสู้คดี
จำเลยมีถิ่นที่อยู่ 2 แห่ง ถือว่าแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยเมื่อเจ้าหน้าที่ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ณ ภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของจำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การโดยจงใจย่อมมีสิทธิเพียงสาบานตนให้การเป็นพยานและถามค้านพยานโจทก์ เมื่อจำเลยเบิกความยอมรับว่าจำเลยไม่ส่งไม้ให้โจทก์ตามสัญญาแล้ว จำเลยจะอ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ชำระค่าไม้ที่เหลือหาได้ไม่ เพราะจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2464/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่จากเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน และการขาดนัดยื่นคำให้การที่ไม่สมเหตุผล
จำเลยทำสัญญากู้มอบให้โจทก์เนื่องจากจำเลยนำเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายไปแลกเงินสดกับโจทก์แล้ว ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ การทำสัญญากู้จึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่ จำเลยจะอ้างเอาการไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้มาเป็นข้อต่อสู้ว่าไม่มีหนี้ตามสัญญากู้ต่อกันหาได้ไม่ ในชั้นไต่สวนคำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลย มีเพียงตัวจำเลยเบิกความว่าภรรยาเป็นผู้รับหมายเรียกฯ ไว้แทน การที่ภรรยาจำเลยไม่แจ้งให้จำเลยทราบก็เป็นความบกพร่องของฝ่ายจำเลยเอง และถ้าภรรยาจำเลยไม่สามารถจะแจ้งให้จำเลยทราบได้ ก็เป็นเรื่องที่ภรรยาจำเลยจะต้องมาเบิกความเป็นพยานต่อศาลจึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ต้องพิสูจน์ตามฟ้อง จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ได้หากพยานหลักฐานไม่พอ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาสืบให้ฟังได้ตามฟ้องของโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอให้ฟังได้ตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1136/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของขาดนัดยื่นคำให้การ และประเด็นการครอบครองที่ดินที่พิสูจน์ไม่ได้
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199 วรรคสอง เมื่อศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยมีสิทธิเพียงอ้างตนเองเป็นพยานกับซักค้านพยานโจทก์เท่านั้น ไม่มีสิทธิอ้างพยานเอกสาร เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และศาลชั้นต้นไม่ได้อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ ประเด็นข้อพิพาทคงเกิดจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามฟ้องโจทก์เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1136/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ สิทธิในการสืบพยานจำกัด ประเด็นข้อพิพาทจำกัดเฉพาะข้ออ้างในฟ้อง
เมื่อศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยมีสิทธิเพียงอ้างตนเองเป็นพยานกับซักค้านพยานโจทก์ได้เท่านั้น ไม่มีสิทธิอ้างพยานเอกสารมาสืบ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และศาลชั้นต้นไม่ได้อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ ประเด็นข้อพิพาทคงเกิดจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามฟ้องโจทก์ที่ว่าสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่เท่านั้น ไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยเป็นผู้ได้ไปซึ่งสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การ: ศาลต้องคำนึงถึงเหตุผลสมควรและโอกาสที่จำเลยจะทราบเรื่องฟ้อง
ขณะที่เจ้าพนักงานศาลนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยนั้นจำเลยไปต่างจังหวัด เจ้าพนักงานศาลจึงปิดหมายไว้ที่บ้านจำเลย แต่หมายเรียกและสำเนาคำฟ้องดังกล่าวอาจถูกบุคคลอื่นมาเอาไปหรือหลุดหายไปก่อนจำเลยกลับก็ได้เมื่อจำเลยไม่ได้รับหมายเรียกหรือพบเห็นหมายเรียกที่ปิดไว้ จะถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5468/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับหนี้ตามฟ้องทำให้ไม่ต้องสืบพยานเพิ่มเติม แม้เรื่องดอกเบี้ย
ในคดีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แต่มิได้ขาดนัดพิจารณาเมื่อจำเลยแถลงรับว่าเป็นหนี้โจทก์จริงตามฟ้องเสียแล้ว โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบแต่อย่างใดอีกเพราะข้อเท็จจริงย่อมฟังได้ตามฟ้องตามที่จำเลยแถลงรับอยู่แล้ว แม้จะเป็นเรื่องอำนาจฟ้องหรือการคิดดอกเบี้ยก็ตาม ศาลย่อมพิพากษาไปได้โดยไม่ต้องให้โจทก์นำสืบอีกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1843/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลพิจารณาพยานโจทก์และวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องรับฟังพยานจำเลย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จึงเท่ากับมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนที่ดินนั้นได้ ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
การวินิจฉัยข้อเท็จจริงในกรณีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องต่อศาลให้วินิจฉัยชี้ขาดคดีให้ตนเป็นฝ่ายชนะโดยอาศัยเหตุแต่เพียงว่าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งขาดนัดไม่มาศาลนั้นไม่ได้ แต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชี้ขาดให้คู่ความที่มาศาลเป็นฝ่ายชนะคดีต่อเมื่อเห็นว่าข้ออ้างของคู่ความเช่นว่านั้นมีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย เมื่อศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชี้ขาดโดยพิจารณาพยานหลักฐานของโจทก์ว่ามีน้ำหนักให้รับฟังแล้วเช่นนี้ ย่อมไม่ขัดต่อกฎหมาย
เมื่อศาลเห็นว่าการขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลยเป็นการจงใจและไม่มีเหตุสมควรจึงไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ จำเลยอาจสาบานตนให้การเป็นพยานและถามค้านพยานโจทก์ได้เท่านั้น ไม่มีสิทธิอ้างทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารมาสืบ การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การและบัญชีระบุพยานนั้นชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 199 วรรคสองแล้ว
โจทก์เป็นเจ้าของรวมในที่ดินมี ส.ค.1 คนหนึ่งย่อมมีอำนาจฟ้องผู้ที่มารบกวนหรือแย่งที่ดินนั้นได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1359 แม้มาตรา 1359 จะอยู่ในหมวดกรรมสิทธิ์รวมก็ตาม ย่อมนำมาใช้บังคับในหมวดว่าด้วยการครอบครองได้ เพราะมีลักษณะเป็นเจ้าของรวมเหมือนกัน
การวินิจฉัยข้อเท็จจริงในกรณีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องต่อศาลให้วินิจฉัยชี้ขาดคดีให้ตนเป็นฝ่ายชนะโดยอาศัยเหตุแต่เพียงว่าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งขาดนัดไม่มาศาลนั้นไม่ได้ แต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชี้ขาดให้คู่ความที่มาศาลเป็นฝ่ายชนะคดีต่อเมื่อเห็นว่าข้ออ้างของคู่ความเช่นว่านั้นมีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย เมื่อศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชี้ขาดโดยพิจารณาพยานหลักฐานของโจทก์ว่ามีน้ำหนักให้รับฟังแล้วเช่นนี้ ย่อมไม่ขัดต่อกฎหมาย
เมื่อศาลเห็นว่าการขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลยเป็นการจงใจและไม่มีเหตุสมควรจึงไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ จำเลยอาจสาบานตนให้การเป็นพยานและถามค้านพยานโจทก์ได้เท่านั้น ไม่มีสิทธิอ้างทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารมาสืบ การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การและบัญชีระบุพยานนั้นชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 199 วรรคสองแล้ว
โจทก์เป็นเจ้าของรวมในที่ดินมี ส.ค.1 คนหนึ่งย่อมมีอำนาจฟ้องผู้ที่มารบกวนหรือแย่งที่ดินนั้นได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1359 แม้มาตรา 1359 จะอยู่ในหมวดกรรมสิทธิ์รวมก็ตาม ย่อมนำมาใช้บังคับในหมวดว่าด้วยการครอบครองได้ เพราะมีลักษณะเป็นเจ้าของรวมเหมือนกัน