คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขู่เข็ญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 141 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4021/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเร่งรัดหนี้สินและการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก
ห้างฯ ศ. ฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คจนศาลออกหมายจับโจทก์ หลังจากนั้นจำเลยทั้งสองกับพวกไปพบโจทก์แจ้งว่ามีหมายจับโจทก์ หากโจทก์ไม่ชำระหนี้ ก็จะจับโจทก์ตามหมายจับ เมื่อโจทก์นำทรัพย์สินมามอบให้จำเลยหรือนำเงินมาชำระ จำเลยก็ทำหลักฐานให้โจทก์ไว้ทุกครั้งพฤติการณ์เป็นเรื่องจำเลยทั้งสองไปติดตามเร่งรัดหนี้สินจากโจทก์ตามที่บริษัทของจำเลยได้รับมอบหมาย การที่จำเลยทั้งสองกับพวกพูดขู่โจทก์ว่า หากไม่ชำระหนี้หรือไม่ไปตกลงเรื่องหนี้สินจะจับโจทก์ตามหมายจับ เป็นการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์หลายกรรมต่างกัน
คนร้าย 5 คน มีปืนเป็นอาวุธเข้าทำการปล้นทรัพย์ของ ป.ที่บ้านพักของ ป. ได้เงินสดและทรัพย์สินไปจำนวนหนึ่ง แล้วคนร้ายขู่บังคับ ป.ให้เดินไปกับคนร้ายไปทำการปล้นทรัพย์ที่บ้านของ จ.ซึ่งอยู่ห่างบ้านของ ป.ประมาณ3 เส้น ได้ทรัพย์ของ จ.ทั้งเงินสดและทรัพย์สินอื่น ๆ หลายรายการ แล้วคนร้ายพากันออกจากบ้านของ จ.ไปปล้นทรัพย์ของ ผ.ที่บ้านพักของ ผ.ได้เงินสดและทรัพย์สินอีกจำนวนหนึ่ง ดังนี้ การกระทำผิดของคนร้ายเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์หลายกรรมต่างกัน ร่วมกันกระทำความผิด มีอาวุธ ร่วมขู่เข็ญบังคับ
คนร้าย 5 คน มีปืนเป็นอาวุธเข้าทำการปล้นทรัพย์ของ ป.ที่บ้านพักของ ป. ได้เงินสดและทรัพย์สินไปจำนวนหนึ่ง แล้วคนร้ายขู่บังคับ ป. ให้เดินไปกับคนร้ายไปทำการปล้นทรัพย์ที่บ้านของ จ.ซึ่งอยู่ห่างบ้านของ ป.ประมาณ 3 เส้น ได้ทรัพย์ของ จ.ทั้งเงินสดและทรัพย์สินอื่น ๆ หลายรายการ แล้วคนร้ายพากันออกจากบ้านของ จ.ไปปล้นทรัพย์ของ ผ.ที่บ้านพักของผ.ได้เงินสดและทรัพย์สินอีกจำนวนหนึ่ง ดังนี้ การกระทำผิดของคนร้ายเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4012/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขู่เข็ญด้วยรูปถ่ายเพื่อกรรโชกทรัพย์: ความผิดสำเร็จแม้ยังไม่ได้รับเงิน
ขณะยังบวชอยู่ ผู้เสียหายเคยถ่ายรูปเป็นฆราวาส และได้มอบรูปถ่ายดังกล่าวให้จำเลย ต่อมาจำเลยมอบรูปถ่ายของผู้เสียหายให้ จ. ไปขู่เอาเงินจากผู้เสียหาย หากไม่ให้เงินจะนำรูปถ่ายดังกล่าวไปโฆษณา อันเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชื่อเสียงของผู้เสียหาย และผู้เสียหายยินยอมมอบเงินให้ จ. แม้ จ.จะยังไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไป ก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน: การขู่เข็ญเอาทรัพย์เพื่อประโยชน์ตนเอง แม้จะอ้างว่าทวงหนี้แทน ย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยไปทวงเงินที่ผู้เสียหายเป็นหนี้ จ. ผู้เสียหายไม่มีให้จำเลยจึงใช้อาวุธปืนขู่บังคับให้ผู้เสียหายมอบทรัพย์ให้ แม้จำเลยจะกระทำเพื่อทวงหนี้แทน จ. และพูดว่าเมื่อผู้เสียหายมีเงินเมื่อไรให้ไปไถ่คืน ก็ถือได้ว่าเป็นการขู่เข็ญเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยโดยเจตนาทุจริต เพราะจำเลยไม่มีอำนาจเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยพลการและโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเช่นนั้นได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์และเมื่อเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว ย่อมไม่มีความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์ด้วยการขู่เข็ญด้วยอาวุธปืน แม้จะอ้างทวงหนี้แทน ก็ถือเป็นเจตนาทุจริต
จำเลยไปทวงเงินที่ผู้เสียหายเป็นหนี้ จ. ผู้เสียหายไม่มีให้จำเลยจึงใช้อาวุธปืนขู่บังคับให้ผู้เสียหายมอบทรัพย์ให้ แม้จำเลยจะกระทำเพื่อทวงหนี้แทน จ. และพูดว่าเมื่อผู้เสียหายมีเงินเมื่อไรให้ไปไถ่คืน ก็ถือได้ว่าเป็นการขู่เข็ญเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยโดยเจตนาทุจริต เพราะจำเลยไม่มีอำนาจเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยพลการและโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเช่นนั้นได้จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ และเมื่อเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว ย่อมไม่มีความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2441/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิริบมัดจำและการไม่เป็นละเมิดจากการแจ้งการใช้สิทธิ แม้เป็นการขู่เข็ญ
การที่โจทก์ต้องชำระเงินค่าที่ดินที่ค้างชำระทั้งหมดให้แก่จำเลยโดยมิได้หักภาษีเงินได้ไว้ ณ ที่จ่ายตามประมวลรัษฎากรเพราะจำเลยแจ้งให้โจทก์นำไปชำระมิฉะนั้นจะริบมัดจำตามสัญญา การที่จำเลยแจ้งว่าจะใช้สิทธิริบมัดจำตามสัญญาแม้จะเป็นการขู่เข็ญก็เป็นเรื่องที่จำเลยชอบที่จะทำได้ไม่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์และจำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้ดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่โจทก์ต้องชำระภาษีเงินได้ต่อพนักงานที่ดินเมื่อทำนิติกรรมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินไปก่อน แล้วมาขอรับค่าภาษีเงินได้ดังกล่าวคืนจากจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: บุกรุกเคหสถานและขู่เข็ญผู้อื่น ศาลยืนตามอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 2 กระทงความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยกระทำเพียงกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทและให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จำเลยกับพวกบุกรุกขึ้นไปบนทับซึ่งเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายโดยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย และได้ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อขู่เข็ญให้ผู้เสียหายกับพวกเกิดความกลัวจนผู้เสียหายกับพวกลงจากทับหนีเข้าไปในป่า แสดงว่าจำเลยกับพวกบุกรุกขึ้นไปบนทับของผู้เสียหายก็เพื่อขับไล่ผู้เสียหายให้ออกไปจากทับ เมื่อผู้เสียหายยังไม่ยอมออกไปจึงยิงปืนขู่เข็ญให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวจนผู้เสียหายออกไปจากทับเข้าไปในป่า การกระทำของจำเลยต่อเนื่องกันโดยเจตนาประการเดียวคือเพื่อขับไล่ผู้เสียหายกับพวกให้ออกไปจากทับ จึงเป็นการกระทำเพียงกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: บุกรุกเคหสถานและขู่เข็ญด้วยอาวุธปืน ศาลยึดเจตนาเดียวในการขับไล่
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 2 กระทงความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยกระทำเพียงกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทและให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยกับพวกบุกรุกขึ้นไปบนทับซึ่งเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายโดยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย และได้ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อขู่เข็ญให้ผู้เสียหายกับพวกเกิดความกลัวจนผู้เสียหายกับพวกลงจากทับหนีเข้าไปในป่า แสดงว่าจำเลยกับพวกบุกรุกขึ้นไปบนทับของผู้เสียหายก็เพื่อขับไล่ผู้เสียหายให้ออกไปจากทับ เมื่อผู้เสียหายยังไม่ยอมออกไปจึงยิงปืนขู่เข็ญให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวจนผู้เสียหายออกไปจากทับเข้าไปในป่าการกระทำของจำเลยต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาประการเดียวคือเพื่อขับไล่ผู้เสียหายกับพวกให้ออกไปจากทับ จึงเป็นการกระทำเพียงกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4075/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญทางไสยศาสตร์ไม่ถึงขั้นกรรโชก หากผู้เสียหายเชื่อคำทำนายมากกว่ากลัวภัย
จำเลยเพียงแต่ทำนายดวงชะตาแก่ผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายกำลังมีเคราะห์ให้สะเดาะเคราะห์โดยเสียเงินค่ายกครูให้แก่จำเลยหาใช่เป็นการขู่เข็ญตามความหมาย ของมาตรา 337 แห่งประมวลกฎหมายอาญาไม่ดังนั้น แม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยพูดขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินจะให้พ่อปู่มาทำอันตรายผู้เสียหายทางไสยศาสตร์และผู้เสียหาย ยอมให้เงิน ก็เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายเชื่อตามคำทำนายว่าจะมีเคราะห์ มิใช่เพราะกลัวคำขู่เข็ญของจำเลย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก.
of 15