พบผลลัพธ์ทั้งหมด 436 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6984/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมข่มขืนโทรมหญิง แม้ไม่ได้ลงมือจับยึดเหยื่อโดยตรง ก็ถือเป็นตัวการ
จำเลยพาผู้เสียหายและ ส. คนรักผู้เสียหายไปยังกระท่อมที่เกิดเหตุ ต่อมา ส. กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีจึงคิด จะกลับ ขณะที่ ส. กำลังติดเครื่องรถจักรยานยนต์และผู้เสียหายจะนั่งซ้อนท้าย จำเลยได้เข้ามาล็อกคอผู้เสียหาย ลากลงมาและกอดปล้ำผู้เสียหาย จากนั้นมี ต. และ ช. เข้ามาจับแขนขาผู้เสียหายพาไปที่แคร่ข้ากระท่อมแล้วช่วยกันถอดกางเกงผู้เสียหาย ส. จะเข้าไปช่วยเหลือแต่ถูก ช. ขัดขวาง ต. ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นคนแรกโดยมี ช. ช่วยจับแขนขาผู้เสียหาย ระหว่างนั้นจำเลยซึ่งอยู่บริเวณแคร่ได้ตะโกนบอกให้ จ. ไปตามหา ส. ซึ่งหนีออกไปหา คนช่วยเหลือแล้วจำเลยและ จ. วิ่งออกไปเพื่อหวังสะกัดกั้นมิให้ ส. ไปร้องขอความช่วยเหลือ หลังจาก ต. ข่มขืน กระทำชำเราเสร็จแล้ว ช. ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นคนต่อไป ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้ช่วยจับแขนขาผู้เสียหายระหว่าง ต. หรือ ช. ข่มขืนกระทำชำเราก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวนับได้ว่าเป็นตัวการในการร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคสอง แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6984/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมข่มขืนโทรมหญิง แม้ไม่ได้ลงมือจับกุม แต่มีส่วนสำคัญในการกระทำผิด
จำเลยชักพาผู้เสียหายและ ส. คนรักผู้เสียหายไปยังกระท่อมต่อมา ส. กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีจึงคิดจะกลับ ขณะที่ ส. กำลังติดเครื่องรถจักรยานยนต์และผู้เสียหายจะนั่งซ้อนท้าย จำเลยได้เข้ามาล็อกคอผู้เสียหายลากลงมาและกอดปล้ำผู้เสียหาย จากนั้นมี ต., จ., ช. เข้ามาจับแขนขาพาไปที่แคร่ข้างกระท่อมช่วยกันถอดกางเกงผู้เสียหายแล้วต. ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นคนแรกโดยมี ช. ช่วยจับแขนขาผู้เสียหาย ระหว่างนี้จำเลยซึ่งอยู่บริเวณแคร่ได้ตะโกนบอกให้ จ. ไปตามหา ส. ซึ่งหนีออกไปหาคนช่วยเหลือแล้วจำเลยและ จ. วิ่งออกไปสะกัดกั้นมิให้ ส. ไปร้องขอความช่วยเหลือได้ หลังจาก ต. กระทำชำเราเสร็จแล้ว ช. ได้กระทำชำเราเป็นคนต่อไป ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้ช่วยจับแขนขาผู้เสียหายระหว่างที่ ต. หรือ ช. ทำการกระทำชำเราแต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวนับได้ว่าเป็นตัวการในการร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6510/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามข่มขืนกระทำชำเรา: แม้ไม่สำเร็จ แต่มีเจตนาและลงมือกระทำแล้ว ถือเป็นความผิด
แม้จะปรากฏจากพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ว่าจำเลยยังมิได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายก็ตาม แต่พฤติการณ์ที่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าไปในโรงแรมแล้วกอดปล้ำผู้เสียหาย ถอดเสื้อผ้าเพื่อจะข่มขืนกระทำชำเรา โดยมีเจตนาจะข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย อวัยวะเพศของจำเลยคงจะเสียดสีกับอวัยวะเพศของผู้เสียหายจนทำให้เกิดรอยแดงด้านนอกของอวัยวะเพศของผู้เสียหาย และหากอวัยวะเพศของจำเลยล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายเยื่อพรหมจารีของผู้เสียหายคงต้องมีร่องรอยฉีกขาด การกระทำของจำเลยเป็นเพียงการลงมือกระทำความผิด แต่กระทำไปไม่ตลอดหรือกระทำไปโดยตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล จึงเป็นความผิดเพียงฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6355/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมข่มขืนโทรมหญิง พรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร ศาลลดโทษตามคำให้การชั้นสอบสวน
การที่จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์พาผู้เสียหายไปบ้านเกิดเหตุเพื่อให้จำเลยที่ 1 กับพวกซึ่งเป็นพวกของจำเลยที่ 2 ข่มขืนกระทำชำเราพฤติการณ์มีลักษณะเป็นการคบคิดกันมาก่อน และในขณะที่จำเลยที่ 1กับพวกกำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอยู่นั้น จำเลยที่ 2 ก็อยู่ร่วมรู้เห็นเหตุการณ์ในห้องที่เกิดเหตุนั้นด้วยโดยตลอด แม้จำเลยที่ 2มิได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยที่ 2ก็ถือว่าเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กับพวกในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงแล้ว
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารนั้น เมื่อจำเลยที่ 2กับพวกร่วมกันพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร และพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอันไม่สมควรทางเพศ ก็เป็นความผิดสำเร็จฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารกรรมหนึ่งแล้ว ส่วนการที่จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงหลังจากนั้นโดยจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมด้วย จึงเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง ซึ่งต่างกรรมต่างวาระกัน การกระทำของจำเลยที่ 2กับพวกจึงเป็นความผิดหลายกรรม
ในความผิดฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างทั้งสองกำหนดโทษจำคุกจำเลยทั้งสองหนักเกินไปย่อมกำหนดโทษจำเลยทั้งสองเสียใหม่ให้เบาลง เพื่อให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีได้ เมื่อจำเลยที่ 2 ฎีกาแต่จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกา แต่การกระทำความผิดข้อหานี้ร่วมกันเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้โทษตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213ประกอบกับมาตรา 225
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารนั้น เมื่อจำเลยที่ 2กับพวกร่วมกันพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร และพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอันไม่สมควรทางเพศ ก็เป็นความผิดสำเร็จฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารกรรมหนึ่งแล้ว ส่วนการที่จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงหลังจากนั้นโดยจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมด้วย จึงเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง ซึ่งต่างกรรมต่างวาระกัน การกระทำของจำเลยที่ 2กับพวกจึงเป็นความผิดหลายกรรม
ในความผิดฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างทั้งสองกำหนดโทษจำคุกจำเลยทั้งสองหนักเกินไปย่อมกำหนดโทษจำเลยทั้งสองเสียใหม่ให้เบาลง เพื่อให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีได้ เมื่อจำเลยที่ 2 ฎีกาแต่จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกา แต่การกระทำความผิดข้อหานี้ร่วมกันเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาแก้โทษตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213ประกอบกับมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5793/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้อาวุธเทียม การพิจารณาโทษตามมาตรา 276 วรรคหนึ่งและวรรคสอง
จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลยและผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์อายุเกินสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีโดยจำเลยขับรถพาผู้เสียหายไป เมื่อจำเลยจอดรถแล้วบังคับให้ผู้เสียหายถอดเสื้อผ้า ผู้เสียหายไม่ยอมถอดจำเลยบอกว่าหากไม่ถอดจะยัดเยียดข้อหายาบ้าให้และต่อมาจำเลยหยิบอาวุธปืนมาขู่ ผู้เสียหายเกิดความกลัวจึงยอมให้จำเลยกระทำชำเรา แต่พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบได้ความเพียงว่า จำเลยได้ใช้อาวุธปืนขู่ผู้เสียหายไม่ให้ขัดขืนจนผู้เสียหายเกิดความกลัวเท่านั้น ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ขู่ โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าเป็นอาวุธปืนตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ หรือไม่ และตามผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่าอาวุธปืนของกลางเป็นสิ่งเทียมอาวุธปืนพกอัดลมชนิดใช้ยิงกับลูกกระสุนพลาสติกทรงกลมขนาด 6 มม. ซึ่งใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิตและวัตถุไม่ได้ มิใช่อาวุธปืนตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคหนึ่ง มิใช่วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5793/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนโดยใช้อาวุธปืน สิ่งเทียมอาวุธปืนไม่เข้าข่ายอาวุธปืนตามกฎหมาย ลดโทษฐานข่มขืน
สิ่งเทียมอาวุธปืนพกอัดลมชนิดใช้ยิงกับลูกกระสุนพลาสติกทรงกลมขนาด 6 มม. มิใช่อาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯการที่จำเลยใช้วัตถุดังกล่าวในการขู่เข็ญข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2644/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: ข่มขืนกระทำชำเราหลังหน่วงเหนี่ยวกักขัง
การที่จำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขังโจทก์ร่วมอายุ 18 ปีเศษ แล้วกระทำชำเราโจทก์ร่วม เป็นการกระทำต่อเนื่องเชื่อมโยงอยู่ในวาระเดียวกัน โดยมุ่งหมายที่จะข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วม จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2644/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อข่มขืนกระทำชำเรา
การที่จำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขังโจทก์ร่วมแล้วกระทำชำเราโจทก์ร่วม เป็นการกระทำต่อเนื่องเชื่อมโยงอยู่ในวาระเดียวกันโดยมุ่งหมายที่จะข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วม จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1630/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันข่มขืนโทรมหญิง แม้ไม่สำเร็จความใคร่ เจตนาพยายามกระทำความผิดก็ถือเป็นความผิดฐานข่มขืน
จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิด แม้จะปรากฏว่าหลังจากจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเสร็จแล้ว พวกของจำเลยคนหนึ่งที่ร่วมกันมาฉุดผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเข้าข่มขืนกระทำชำเราเป็นคนต่อมาจะไม่สามารถ สอดใส่อวัยวะเพศของตนเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายได้เพราะอวัยวะเพศไม่แข็งตัวก็ตาม แต่การที่พวกของจำเลยพยายามสอดใส่อยู่นาน 10 นาที ก็แสดงให้เห็นเจตนาที่จะรุมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยกับพวกจึงได้ชื่อว่าเป็นการร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8688/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา, อุกอาจ, ไร้มนุษยธรรม, ศาลใช้ดุลพินิจเหมาะสมแล้ว
จำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยอื่นใช้อาวุธมีดกระทำการหน่วงเหนี่ยวกักขังและกระทำอนาจารต่อผู้เสียหายทั้งสองบนรถยนต์โดยสารประจำทางต่อหน้าผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นก็บังคับพาตัวผู้เสียหายทั้งสองไปแล้วร่วมกันผลัดเปลี่ยนข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายทั้งสองอีกหลายครั้งผู้เสียหายร้องไห้และเพียรพยายามขอร้องจำเลยที่ 3 กับจำเลยอื่นเพื่อหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว แต่ก็ไม่เป็นผล จะเห็นว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยอื่นกระทำอย่างอุกอาจมิได้ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง และแสดงให้เห็นถึงสภาพจิตใจที่โหดเหี้ยมทารุณผิดวิสัยมนุษย์อันพึงมีทั้ง ๆ ที่ได้รับการศึกษาสูงพอสมควร เป็นภาพสะท้อนอย่างดีให้เห็นถึงสังคมที่ย่อหย่อนในการอบรมทางด้านศีลธรรม จึงทำให้มีจิตใจแข็งกระด้างไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ ประการสำคัญผลจากการกระทำดังกล่าวเป็นการสร้างมลทินและตราบาปให้แก่ลูกผู้หญิงที่บริสุทธิ์ถึงสองคนไปตราบชั่วชีวิต โดยหากปล่อยให้สังคมมีการกระทำที่ป่าเถื่อนและล่วงละเมิดต่อกฎหมายบ้านเมืองอยู่ดังนี้ตลอดไปกฎหมายก็จะไร้ความศักดิ์สิทธิ์ ความสงบสุขในสังคมก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ดังนั้นที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาโดยไม่ลดโทษและมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 3 ตามมาตรา 78 และ 76 นั้น นับว่าใช้ดุลพินิจในการลงโทษเหมาะสมตามพฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว