คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข่มขืนกระทำชำเรา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 39 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดนอกคำฟ้องในคดีข่มขืนกระทำชำเรา การบรรยายฟ้องต้องชัดเจน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อำนาจด้วยกำลังกายข่มขืนกระทำชำเราโจทก์จนสำเร็จความใคร่ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 243 ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้กอดโจทก์ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กอดโจทก์อันเป็นความผิดตามมาตรา 246 ศาลต้องพิพากษายกฟ้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 192 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา: การล่วงล้ำทางเพศภายนอกช่องคลอดไม่ถึงสำเร็จ
ศาลชั้นต้นลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 244 จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษตามมาตรา 244, 60 จำคุก 1 ปี 4 เดือน ดังนี้ ถือว่า เป็นการแก้ข้อกำหนดโทษและฐานแห่งความผิด เป็นการแก้มากฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ของลับของชายคงถูไถอยู่แต่ปากช่องคลอดด้านนอก ยังไม่เข้าไปข้างใน เป็นผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2485

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามข่มขืนกระทำชำเรา แม้ไม่ได้ล่วงเข้าไปในช่องคลอด
เอาของลับไปถูกต้องของลับของเด็กหญิงโดยใช้ความพยายามที่จะให้สำเร็จความใคร่จนน้ำเชื้อเคลื่อน และของลับของเด็กหญิงบวมกับช่องคลอดอักเสบ แม้ของลับของชายจะไม่ได้ล่วงเข้าไปในช่องคลอดของเด็กหญิงก็ดี ก็เป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4938/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโดยมีเจตนาและร่วมกันกระทำความผิด แม้ไม่สำเร็จความใคร่ก็ถือเป็นความพยายาม
การที่ บ. พาจำเลยมาที่ห้องเช่าของผู้เสียหายซึ่งเป็นคนรักของตนเวลา 4 นาฬิกา และบอกว่าจำเลยไม่มีที่นอนขอนอนที่ห้องของผู้เสียหายด้วย แต่เมื่อผู้เสียหายปิดไฟนอน บ. ก็เริ่มกอดผู้เสียหายต้องการมีเพศสมพันธ์แต่ผู้เสียหายไม่ยอม บ. ขึ้นคร่อมตัวผู้เสียหายแต่อวัยวะเพศไม่แข็งตัว บ. จึงละจากผู้เสียหายแล้วให้จำเลยมานอนตรงกลางแทน บ. จากนั้นจำเลยได้ขึ้นคร่อมตัวผู้เสียหายถอดกางเกงผู้เสียหายและของตนออกสวมถุงยางอนามัยแล้วกระทำชำเราผู้เสียหาย และเมื่อผู้เสียหายดิ้นรนขัดขืน บ. ก็ช่วยจับแขนผู้เสียหายไว้จนจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ หลังจากนั้น บ. พยายามกระทำชำเราผู้เสียหายอีกแต่อวัยวะเพศไม่แข็งตัวจึงไม่สามารถสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายได้ จากพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยและ บ. มีเจตนาร่วมกันมาหาผู้เสียหายเพื่อร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายมิใช่เพียงมาขอใช้ห้องเพื่อนอน และแม้ บ. ไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศของตนเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายได้เพราะอวัยวะเพศไม่แข็งตัว แต่การกระทำของ บ. ถือว่าถึงขั้นพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว ดังนั้น การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นการร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13673/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขืนกระทำชำเรา: การสมคบคิดร่วมกัน และการยอมความ
ความผิดฐานร่วมกันกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงนั้นจะต้องมีลักษณะของการสมคบกันมาแต่ต้น และขณะเกิดเหตุได้ผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงด้วย แต่ทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วมมิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันสมคบคิดมาแต่ต้นกันอย่างไร และไม่ปรากฏว่าก่อนจำเลยที่ 1 จะข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่ 1 จำเลยทั้งสามได้ตกลงให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 รออยู่นอกห้องนอนเพื่อให้จำเลยที่ 2 รอที่จะข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่ 1 เป็นคนถัดไป ประกอบกับจำเลยที่ 2 ได้พูดขอมีเพศสัมพันธ์กับโจทก์ร่วมที่ 1 ในลักษณะขอความยินยอมจากโจทก์ร่วมที่ 1 ก่อน เมื่อโจทก์ร่วมที่ 1 ไม่ยินยอมจำเลยที่ 2 จึงใช้กำลังข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่ 1 แต่ไม่สำเร็จ หากจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่ 1 มาแต่ต้น จำเลยที่ 2 คงจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่ 1 ในทันทีที่พบ คงไม่รั้งรอเพื่อพูดขอร่วมเพศกับโจทก์ร่วมที่ 1 ด้วยความสมัครใจของโจทก์ร่วมที่ 1 ก่อน พฤติการณ์แห่งคดียังไม่อาจรับฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยทั้งสามร่วมกันผลัดเปลี่ยนข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคสาม แต่เป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคแรก ฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา และฐานช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกผู้อื่นกระทำความผิดดังกล่าวตามลำดับ ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความกันได้ตาม ป.อ. มาตรา 281 เมื่อจำเลยทั้งสามอุทธรณ์โดยมีบันทึกการชดเชยเยียวยาให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสองแนบท้ายอุทธรณ์ มีข้อความว่า โจทก์ร่วมทั้งสองซึ่งเป็นผู้เสียหายไม่ประสงค์ดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสามอีกต่อไป จึงถือได้ว่ามีการถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความกันแล้ว ย่อมมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4667/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมข่มขืนกระทำชำเรา: การกระทำที่สนับสนุนการข่มขืนแม้ไม่ได้ลงมือเอง
ตามพฤติการณ์ที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ไปส่งผู้เสียหายกลับบ้านหลังจากที่จำเลยร่วมประเวณีกับผู้เสียหายแล้วระหว่างทางพบ ต. กับพวก จำเลยจึงให้ ต. ไปส่งผู้เสียหายแทนโดยอ้างว่ามีธุระ แต่ ต. กลับพาผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง โดยจำเลยไปอยู่ในที่เกิดเหตุในขณะที่ผู้เสียหายถูก ต. กับพวกข่มขืนกระทำชำเราด้วยในลักษณะที่พร้อมจะช่วยเหลือได้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเชื่อว่าเป็นแผนการที่จำเลยกับพวกร่วมกันคบคิดพาผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราในที่เกิดเหตุ แม้จำเลยจะไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในขณะนั้นด้วย การกระทำของจำเลยดังกล่าวถือได้ว่าเป็นตัวการร่วมกับพวกข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16001/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย ผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายเป็นบุคคลที่มีสภาพจิตไม่สมบูรณ์ ผู้เสียหายมีสภาพจิตเหมือนบุคคลทั่วไป และโดยวิสัยของผู้หญิงทั่วไปย่อมต้องรักนวลสงวนตัวไม่ยินยอมให้บุคคลใดร่วมประเวณีได้ง่าย ๆ ผู้เสียหายเป็นผู้สืบสันดานของจำเลยอยู่ในอุปการะเลี้ยงดูของจำเลยจึงไม่มีเหตุผลใดที่ผู้เสียหายจะยินยอมให้จำเลยซึ่งเป็นบิดาร่วมประเวณีอย่างแน่นอน ขณะเกิดเหตุเมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัวว่ามีคนมาทับตัวแล้วเอาวัตถุใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของตน ผู้เสียหายพยายามที่จะผลักออกไป รู้สึกว่าเป็นผู้ชายแต่ไม่กล้าลืมตาขึ้นไปมอง แสดงว่าผู้เสียหายไม่ได้ยินยอม ได้ขัดขืนโดยพยายามผลักออกแล้ว แต่ไม่สามารถขัดขืนได้ ก่อนเกิดเหตุจำเลยเป็นผู้ชายคนเดียวที่นอนในมุ้ง ขณะที่ผู้เสียหายพยายามที่จะผลักออกผู้เสียหายอาจจะรู้ว่าเป็นจำเลยจึงไม่กล้าขัดขืนต่อไปและไม่กล้าบอกบุคคลอื่นทราบก็เป็นได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยมีพฤติการณ์ขึ้นนอนทับตัวผู้เสียหายแล้วเอาอวัยวะเพศสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย ผู้เสียหายพยายามขัดขืนพยายามที่จะผลักออก แต่จำเลยยังนอนทับและทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นเวลานานประมาณ 20 นาที ถือได้ว่าผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ การกระทำของจำเลยจึงเข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก (เดิม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2130/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราเด็ก - การลงโทษตามมาตรา 279 วรรคสอง ชอบด้วยกฎหมาย แม้ฟ้องตามมาตรา 277
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำแล้วกระทำชำเราผู้เสียหายซึ่งมิใช่ภริยาจำเลยโดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้จนสำเร็จความใคร่หลายครั้ง ซึ่งตามบทบัญญัติ ป.อ. มาตรา 279 และคำฟ้องใช้ข้อความเหมือนกันว่า โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดย... อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ส่วนการกระทำอนาจารนั้นหมายความเป็นการกระทำโดยไม่ชอบทางเพศต่อบุคคลอื่น การที่จำเลยนำเอาอวัยวะเพศของจำเลยสอดใส่เข้าในอวัยวะเพศของผู้เสียหายซึ่งเป็นองค์ประกอบในการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรานั้น ถือเป็นการกระทำอนาจารตามบัญญัติของมาตรา 279 ด้วย ทำให้เห็นว่าการกระทำความผิดตามบทบัญญัติของมาตรา 279 รวมอยู่ในการกระทำความผิดตามบทบัญญัติของมาตรา 277 แต่มีโทษเบากว่า การพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 279 วรรคสอง จึงเป็นการชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมาย หาใช่เป็นการลงโทษในความผิดที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษและต้องห้ามตามกฎหมายแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4683/2562

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา vs อนาจารโดยล่วงล้ำ ผลกระทบจากกฎหมายใหม่ และหลักการใช้กฎหมายที่เอื้อประโยชน์แก่จำเลย
แม้ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 27) พ.ศ.2562 ออกใช้บังคับ โดยมาตรา 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (18) ของมาตรา 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา "(18) "กระทำชำเรา" หมายความว่า กระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำ โดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น" มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายอาญาและให้ใช้ความใหม่แทน แต่ความใหม่มิได้บัญญัติให้การใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น เป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา และมาตรา 8 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ของมาตรา 278 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยวรรคสองบัญญัติว่า "ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่นซึ่งมิใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศหรือทวารหนักของบุคคลนั้น ผู้กระทำต้องระวางโทษ..." ดังนั้น จากบทบัญญัติของกฎหมายที่แก้ไขใหม่ดังกล่าว ยังคงบัญญัติว่า การกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่นซึ่งมิใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่นยังเป็นความผิดอยู่ มิได้เป็นเรื่องที่กฎหมายที่บัญญัติในภายหลังบัญญัติให้การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป ตาม ป.อ. มาตรา 2 วรรคสอง เพียงแต่เปลี่ยนฐานความผิดจากข่มขืนกระทำชำเราเป็นความผิดฐานอนาจารโดยล่วงล้ำเท่านั้น ซึ่งตามสภาพทางธรรมชาติในการกระทำความผิดของจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 278 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) เป็นคุณแก่จำเลยมากกว่าการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคหนึ่ง (เดิม) การปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 278 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) จึงเป็นคุณแก่จำเลยมากกว่า แต่โทษตามมาตรา 276 วรรคหนึ่ง (เดิม) ซึ่งใช้บังคับในขณะที่จำเลยกระทำความผิดมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 8,000 บาท ถึง 40,000 บาท ส่วนโทษตามมาตรา 278 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 80,000 บาท ถึง 400,000 บาท เห็นได้ว่ากฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่มีระวางโทษจำคุกเท่ากัน แต่โทษปรับตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่มีระวางโทษปรับที่สูงกว่าโทษปรับตามกฎหมายเดิม ต้องถือว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลยในส่วนนี้ จึงต้องลงโทษจำเลยตามกฎหมายเดิมซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลย อันเป็นการใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยไม่ว่าในทางใดตาม ป.อ. มาตรา 3
of 4