คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีขับไล่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 76 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการครอบครองที่ดิน: ผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิร้องขอเป็นจำเลยร่วมในคดีขับไล่
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยอ้างว่าโจทก์ซื้อมาจากเจ้าของเดิม ซึ่งให้ผู้ร้องและจำเลยอยู่อาศัย จำเลยให้การว่าเจ้าของเดิมได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายพร้อมกับมอบการครอบครองที่ดินและตึกแถวพิพาทให้ผู้ร้องแล้วจำเลยครอบครองแทนผู้ร้อง ดังนี้ คำฟ้องโจทก์และคำให้การจำเลยมีข้อโต้เถียงเป็นประเด็นพิพาทถึงสิทธิครอบครองที่ดินและตึกแถวพิพาทของผู้ร้องกับโจทก์ มีผลเสมือนหนึ่งว่าโจทก์ได้ฟ้องขับไล่ผู้ร้องอันถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องด้วย ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2317/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม เหตุพิพาทไม่ใช่กรรมสิทธิ์ - คดีขับไล่บุคคลออกจากที่ดิน
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยออกไปจากที่ดินโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งห้าบุกรุก เป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลในกรณีอื่นออกจากอสังหาริมทรัพย์ ไม่ปรากฏว่าขณะยื่นฟ้องที่ดินโจทก์จะให้เช่าได้เกิดเดือนละ 5,000 บาท และจำเลยทั้งห้าให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของ ฉ.จำเลยทั้งห้าครอบครองโดยอาศัยสิทธิฉ. ซึ่งถือไม่ได้ว่าเป็นการกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการหักกลบลบหนี้: สัญญาเช่าซื้อที่ดินกับคดีขับไล่ไม่สามารถหักกลบลบหนี้กันได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินตามฟ้องและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ และออกคำบังคับให้ตามคำขอของโจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำพิพากษาด้วยการออกไปจากที่ดินและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ การที่จำเลยยื่นฟ้องโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่ง ขอให้โจทก์กับพวกขายที่ดินดังกล่าวแก่จำเลยตามข้อตกลงในสัญญาเช่านั้น หากจำเลยชนะคดีจำเลยก็มีสิทธิเพียงบังคับให้โจทก์กับพวกขายที่ดินให้จำเลย คดีทั้งสองจึงมีวัตถุแห่งหนี้เป็นคนละอย่างต่างกัน โดยไม่อาจหักกลบลบหนี้กันได้ ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293.
การออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอให้งดการบังคับคดีตามป.วิ.พ. มาตรา 293 หรือไม่ ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลต้องทำกาไต่สวนก่อน แต่ตามมาตรา 21(4) ศาลก็มีอำนาจทำการไต่สวนตามที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งได้ เมื่อกรณีตามคำร้องของจำเลยไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะทำการไต่สวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดี: เจ้าของบ้านพิพาทไม่ใช่บริวารจำเลย และมีคดีขับไล่อยู่ระหว่างพิจารณา
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุด ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ในชั้นบังคับคดี ผู้ร้องอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านพิพาทผู้ร้องไม่ใช่บริวารจำเลย ซึ่งหากเป็นความจริงโจทก์จะใช้คำพิพากษาคดีนี้บังคับแก่ผู้ร้องมิได้ ทั้งตามคำร้องผู้ร้องอ้างว่าโจทก์ได้ฟ้องขับไล่ผู้ร้องกับพวกเป็นจำเลยให้ออกจากบ้านพิพาท คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล หากให้โจทก์บังคับคดีไปและภายหลังผู้ร้องเป็นฝ่ายชนะคดีในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่ผู้ร้องดังกล่าว ก็จะกระทบถึงสิทธิของผู้ร้องอาจทำให้ผู้ร้องเสียหาย จึงต้องรับคำร้องของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดี: เจ้าของบ้านที่ถูกรื้อถอนจากการบังคับคดี และคดีขับไล่ที่ค้างพิจารณา
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ ในชั้นบังคับคดี ผู้ร้องอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านพิพาทผู้ร้องไม่ใช่บริวารจำเลย ซึ่งหากเป็นความจริง โจทก์จะใช้คำพิพากษาคดีนี้บังคับแก่ผู้ร้องมิได้ ทั้งตามคำร้องผู้ร้องอ้างว่าโจทก์ได้ฟ้องขับไล่ผู้ร้องกับพวกเป็นจำเลยให้ออกจากบ้านพิพาทคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล ถ้าให้โจทก์บังคับคดีไปหากภายหลังผู้ร้องเป็นฝ่ายชนะคดีในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่ผู้ร้องดังกล่าวก็จะกระทบถึงสิทธิของผู้ร้องอาจทำให้ผู้ร้องเสียหาย จึงต้องรับคำร้อง ของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดีรื้อถอนบ้าน กรณีเจ้าของบ้านไม่ใช่บริวารจำเลย และมีคดีขับไล่ค้างพิจารณา
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุด ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ในชั้นบังคับคดี ผู้ร้องอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านพิพาทผู้ร้องไม่ใช่บริวารจำเลย ซึ่งหากเป็นความจริงโจทก์จะใช้คำพิพากษาคดีนี้บังคับแก่ผู้ร้องมิได้ ทั้งตามคำร้องผู้ร้องอ้างว่าโจทก์ได้ฟ้องขับไล่ผู้ร้องกับพวกเป็นจำเลยให้ออกจากบ้านพิพาท คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล หากให้โจทก์บังคับคดีไปและภายหลังผู้ร้องเป็นฝ่ายชนะคดีในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่ผู้ร้องดังกล่าว ก็จะกระทบถึงสิทธิของผู้ร้องอาจทำให้ผู้ร้องเสียหาย จึงต้องรับ คำร้อง ของ ผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3504/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีขับไล่: ข้อความที่ไม่กระทบผลคดี ไม่เป็นความผิด
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากตึกแถวที่เช่าเนื่องจากครบกำหนดอายุสัญญาเช่าแล้ว เมื่อจำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์จริงแม้จำเลยจะเบิกความว่าลายมือชื่อผู้เช่าในสัญญาเช่าที่โจทก์นำมาฟ้องไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยและสัญญาเช่าปลอม ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใดเพราะสัญญาเช่าจะปลอมหรือไม่จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่อาศัยในตึกแถวที่เช่าอีกต่อไป ข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลดังกล่าวจึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี แม้จะเป็นความเท็จจำเลยก็ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีขับไล่มีผลผูกพันคดีโมฆะสัญญาขายฝาก ศาลงดสืบพยานได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการขายฝากที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นโมฆะ ปรากฏว่ากรณีเดียวกันนี้ จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่โจทก์ (คดีนี้) เป็นอีกคดีหนึ่ง ประเด็นคดีดังกล่าวและประเด็นแรกของคดีนี้ตรงกันว่า การขายฝากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นโมฆะหรือไม่ เมื่อในคดีดังกล่าวศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อต่อสู้ของโจทก์ (คดีนี้) รับฟังไม่ได้ พิพากษายืนให้ขับไล่โจทก์ (คดีนี้) ก็เท่ากับศาลฎีกาฟังว่าการขายฝากไม่เป็นโมฆะ ทั้งฝ่ายจำเลยก็อ้างสำนวนดังกล่าวเป็นพยานในคดีนี้ด้วย ข้อเท็จจริงจึงเพียงพอที่จะนำมาวินิจฉัยประเด็นข้อแรกของคดีนี้แล้ว ไม่จำต้องสืบพยาน และเมื่อประเด็นอีกสองข้อเป็นปัญหาข้อกฎหมาย กับข้อที่เป็นผลมาจากการวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าว ซึ่งไม่ต้องสืบพยานเช่นเดียวกันฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานคดีนี้จึงชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟ้องแย้งในคดีขับไล่: ศาลอุทธรณ์นำข้อเท็จจริงใหม่มาพิจารณาไม่ได้ หากศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทโดยห้างหุ้นส่วนจำกัด ว.โอนชำระหนี้จำนองแก่โจทก์ จำเลยอาศัยอยู่ในทรัพย์พิพาทโดยไม่มีสัญญาเช่ากับเจ้าของเดิม โจทก์แจ้งให้จำเลยและบริวารออกไปจากทรัพย์พิพาทของโจทก์แล้ว จำเลยเพิกเฉยขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร กับให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ซื้อทรัพย์พิพาทจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ว.และได้ครอบครองทรัพย์พิพาทตามสัญญาโดยไม่ต้องเสียค่าเช่ามาก่อนที่โจทก์จะได้รับโอนทรัพย์พิพาทเป็นการชำระหนี้จำนองจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ว.จำเลยจึงมีสิทธิในทรัพย์พิพาทดีกว่าโจทก์ เพราะจำเลยมีสัญญาซื้อขายกับเจ้าของเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวจึงเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องแย้งไว้พิจารณาอ้างว่าฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ก็ถือว่าไม่มีประเด็นแห่งคดีเกี่ยวกับฟ้องแย้ง ในอันที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาพิพากษา เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องแย้งเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ก็ชอบที่จะต้องพิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งของจำเลยแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ต่อไป การที่ศาลอุทธรณ์กลับวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นแห่งคดีเกี่ยวกับฟ้องแย้งศาลอุทธรณ์จึงนำข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว และที่ศาลชั้นต้นไม่รับไว้พิจารณามาพิพากษายกฟ้องแย้งไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3736/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีขับไล่หลังศาลตัดสินคดีถึงที่สุดแล้ว
ชั้นบังคับคดีคดีขับไล่ผู้เช่าและบริวารออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละห้าพันบาทผู้ร้องอ้างว่าไม่ใช่บริวารของจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขับไล่ผู้ร้องออกจากที่พิพาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ข้อที่ผู้ร้องฎีกาว่าผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลยแต่เป็นผู้เช่าที่พิพาทเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสาม
of 8