พบผลลัพธ์ทั้งหมด 165 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2315/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น: แม้มีทางอื่น แต่หากไม่ปลอดภัยหรือไม่สะดวกใช้ได้จริง ก็ยังคงมีสิทธิใช้ทางพิพาทเดิมได้
นอกจากทางพิพาทแล้วโจทก์ยังมีทางเดินริมเขื่อนที่ออกสู่ทางสาธารณะได้แต่ทางดังกล่าวทางด้านซ้ายจะต้องผ่านที่ดินของบุคคลอื่นซึ่งมีประตูถ้าเจ้าของที่ดินปิดประตูโจทก์ก็ไม่สามารถใช้ทางดังกล่าวได้ส่วนทางด้านขวาจะต้องข้ามคลองไปตามคานคอนกรีตเล็กๆผู้เดินอาจตกลงไปในคลองได้จึงไม่ปลอดภัยดังนั้นทางพิพาทยังมีความจำเป็นแก่โจทก์ที่จะใช้ออกสู่ทางสาธารณะอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3191/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนการพิจารณาคดีเนื่องจากความจำเป็นและผลกระทบต่อสิทธิในการนำเสนอพยาน
แม้ปรากฏว่าคดีต้องมีการเลื่อนการพิจารณาหลายครั้ง แต่ก็เป็นเพราะเจ้าพนักงานที่ดินยังทำแผนที่พิพาทตามคำสั่งศาลชั้นต้นไม่เสร็จ โจทก์เพิ่งขอเลื่อนการพิจารณาครั้งแรกในวันที่10 พฤษภาคม 2532 เนื่องจากพยานโจทก์มีกิจธุระจำเป็นมาศาลไม่ได้และขอเลื่อนการพิจารณาเป็นครั้งที่สอง ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2532โดยอ้างว่าทนายโจทก์ป่วย และได้ส่งใบรับรองแพทย์ต่อศาล ซึ่งทนายจำเลยทั้งสี่ไม่คัดค้าน และศาลชั้นต้นไม่ได้สงสัยว่าทนายโจทก์ไม่ป่วยจริง จึงต้องฟังว่าทนายโจทก์ป่วยตามที่อ้างการป่วยเจ็บย่อมเป็นเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ทั้งการที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบก็มีผลให้โจทก์ไม่มีโอกาสนำพยานเข้าสืบ ย่อมทำให้เสียความยุติธรรมได้ การที่ศาลชั้นต้นด้วยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3013/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ: ลำดับการยึดทรัพย์สิน และการพิสูจน์ความจำเป็นในการยึดทรัพย์เพิ่มเติม
สัญญาประนีประนอมยอมความระบุว่า จำเลยทั้งสามกับโจทก์ตกลงกันให้โจทก์ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำนองออกขายทอดตลาดก่อน ถ้าไม่พอจึงให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามชำระหนี้ให้โจทก์จนครบ เมื่อตามคำร้องของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะฟังได้ว่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ที่จำนองจะขายทอดตลาดได้ราคาไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ให้โจทก์ จึงไม่มีเหตุที่จะให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไม้ซุง ของจำเลยที่ 1 เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6014/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อละเมิดของบุตรผู้เยาว์เมื่อบุตรมีอายุและความรับผิดชอบเพียงพอและกระทำโดยจำเป็น
แม้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยอมให้จำเลยที่ 1 บุตรผู้เยาว์เช่าซื้อรถจักรยานยนต์มาใช้โดยที่ยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่ แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีอายุเกินกว่า 18 ปีแล้ว ทั้งยังรู้จักทำงานหาเงินแบ่งเบาภาระของบิดามารดา นับว่าเป็นผู้มีอายุและความรับผิดชอบพอที่จะมีและขับรถจักรยานยนต์ได้โดยปลอดภัย ตามพฤติการณ์ก็เป็นเรื่องจำเลยที่ 1 ขวนขวายเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มาใช้ขับด้วยความจำเป็น มิใช่มีไว้เพื่อใช้ขับเที่ยวเตร่ไม่เป็นสาระคืนเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ก็ขับรถจักรยานยนต์ออกไปหาซื้อสิ่งของจำเป็นให้แก่ผู้ที่มาพักโรงแรมอันเป็นหน้าที่การงานที่จำเลยที่ 1 พึงกระทำ และคืนนั้นหากจำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์คันอื่นออกไปกระทำการตามหน้าที่เช่นว่านั้น ก็เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ย่อมไม่มีโอกาสที่จะไประมัดระวังดูแลหรือทัดทาน ได้ ถือว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลจำเลยที่ 1 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2747/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดบังคับคดีลูกหนี้ร่วม: พิจารณาความจำเป็นเมื่อบังคับคดีทรัพย์สินจำนองร่วมกระทบสิทธิลูกหนี้ที่ศาลสั่งงดบังคับคดีไว้แล้ว
จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มิได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่ด้วย จึงมิใช่กรณีที่จะงดการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 แต่การบังคับคดีเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาสำหรับจำเลยที่ 2ที่ 3 และที่ 4 จะต้องบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่จำนองก่อน หากไม่พอชำระหนี้จึงจะบังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เมื่อยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าราคาทรัพย์สินจำนองพอชำระหนี้หรือไม่และทรัพย์สินที่จำนองส่วนมากเป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4จำนองร่วมกับจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจแบ่งแยกบังคับทรัพย์สินที่จำนองร่วมกันโดยไม่กระทบต่อสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งถึงที่สุดไปแล้วตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 กรณีเป็นเรื่องจำเป็นและสมควรที่จะให้งดการบังคับคดีจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ไว้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการอนุญาตถอนฟ้อง: พิจารณาเหตุผล, ความจำเป็น, และผลกระทบต่ออีกฝ่าย
การที่ศาลจะอนุญาตให้ถอนฟ้องหรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจ ของศาลโดยพิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นว่าสมควรหรือไม่ เป็นการถอนฟ้องไปเพื่อเจตนาที่จะฟ้องใหม่ โดยแก้ไขฟ้องเดิมที่บกพร่องอันเป็นการเอาเปรียบในเชิง คดีกับอีกฝ่ายหนึ่งหรือไม่ ดังนั้น แม้จำเลยจะคัดค้าน แต่ศาลก็ใช้ดุลพินิจ อนุญาต ให้โจทก์ถอนฟ้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลอนุญาตถอนฟ้อง: พิจารณาความจำเป็นและมิเป็นการเอาเปรียบ
แม้จำเลยจะคัดค้านการถอนฟ้อง แต่การที่ศาลจะอนุญาตให้ถอนฟ้องหรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของศาล โดยพิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นว่าสมควรหรือไม่ประการใด เป็นการถอนฟ้องไปเพื่อที่จะฟ้องใหม่ โดยแก้ไขฟ้องเดิมที่บกพร่องอันเป็นการเอาเปรียบในเชิงคดีกับอีกฝ่ายหนึ่งหรือไม่ ฟ้องของโจทก์โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 4 ไม่มีข้อบกพร่องปรากฏให้เห็นว่าจะเป็นการถอนฟ้องไปเพื่อฟ้องใหม่อันเป็นการเอาเปรียบในเชิงคดีแต่โจทก์มีความจำเป็นสำหรับจำเลยอื่นที่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ก่อน โดยข้อเท็จจริงที่เป็นที่มาแห่งความจำเป็นนี้ปรากฏแก่โจทก์หลังจากฟ้องคดีไปแล้วถ้าจะถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่จำเป็นโดยไม่ถอนฟ้องจำเลยในคดีนี้ทั้งหมด ก็จะทำให้ต้องมีการพิจารณาคดีในหนี้ที่โจทก์ฟ้องถึงสองครั้ง เป็นการเสียเวลาในการดำเนินคดีโดยไม่จำเป็น ชอบที่จะอนุญาตให้ถอนฟ้องรวมถึงจำเลยที่ 4ได้ แม้จำเลยที่ 4 จะคัดค้าน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5647/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้มีดป้องกันการทำร้ายร่างกายจากผู้มีรูปร่างใหญ่กว่า
จำเลยอายุ 17 ปี ต้อนฝูงโคไปตามทาง ผู้ตายอายุ 43 ปีรูปร่างใหญ่กว่าจำเลย ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปไม่ได้เพราะฝูงโคเดินเกะกะ จึงด่าและหาว่าจำเลยกลั่นแกล้ง ผู้ตายจอดรถจักรยานยนต์แล้วเข้ามาตบหน้าจำเลย 4 ที จำเลยถอยหนี ผู้ตายเข้ามาจะตบซ้ำ จำเลยจึงชักมีดปลายแหลมออกมาและพูดห้ามอย่าเข้ามาแต่ผู้ตายยังเข้ามาเตะจำเลยที่ลำตัว 2 ที กับเข้าแย่งมีดได้แล้วแทงจำเลยที่บริเวณหน้าอกซ้าย 1 ที ถือเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยแย่งมีดจากผู้ตายคืนมาแล้วแทงผู้ตายหลายที แต่มิได้เลือกว่ามีดจะถูกบริเวณใดของร่างกายและแทงไปเพื่อหยุดยั้งการทำร้ายของผู้ตาย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4745/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตระบุพยานเพิ่มเติมในคดีภาษีอากร เหตุผลความจำเป็นและมิใช่การประวิงคดี
คำร้องขอระบุพยานบุคคล 3 อันดับ พยานเอกสาร 6 อันดับ รวม 9 อันดับเพิ่มเติม อ้างเหตุสองประการคือบัญชีระบุพยานยังพิมพ์ขาดตกบกพร่อง และเอกสารที่ขอระบุเพิ่มเติมนี้เพิ่งทราบว่ามีและหาได้ พยานบุคคลที่ขอระบุเพิ่มเติมได้ความว่า พยานบุคคลที่ระบุไว้เดิมมาเบิกความไม่ได้ในวันนัดโจทก์จึงระบุพยานเพิ่มเติมแทนพยานที่ระบุไว้เดิม และนำตัวมาพร้อมที่จะเบิกความด้วยในวันนัดเช่นนี้นั้น กรณีถือได้ว่ามีเหตุอันสมควร ส่วนพยานเอกสารที่ขอเพิ่มเติม 6 อันดับ โจทก์อ้างว่าเพิ่งทราบว่ามีอยู่ จำเลยมิได้คัดค้านและไม่ปรากฏว่าเป็นเอกสารที่โจทก์รู้อยู่ก่อนแล้วว่ามี กรณีต้องฟังตามคำร้องของโจทก์ว่าเพิ่งทราบว่ามีอยู่ จึงเข้าหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดคดีภาษีอากรข้อ 8 วรรคสี่ เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งคดีเป็นไปโดยเที่ยงธรรม จึงอนุญาตให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติม
นัดสืบพยานโจทก์นัดแรกโจทก์ขอเลื่อนโดยแถลงว่านัดหน้าจะนำพยานมาสืบ นัดต่อมาโจทก์ไม่มีพยานตามที่ระบุไว้แล้วมาศาล คงมีแต่พยานบุคคลที่โจทก์ขอระบุเพิ่มเติมในวันนั้นมาศาลพร้อมที่จะสืบ แต่ศาลไม่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติม โจทก์แถลงถึงความจำเป็นที่พยานคนเดิมไม่มาศาลไว้ด้วย พฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าโจทก์มีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า และการที่โจทก์นำพยานบุคคลที่ระบุเพิ่มเติมเข้าสืบก็ไม่มีข้อที่จะทำให้จำเลยเสียเปรียบในทางคดีแต่อย่างใด เพราะแม้ตามบัญชีระบุพยานเดิมเมื่อถึงวันนัดจำเลยก็ไม่อาจรู้ได้ว่าโจทก์นำพยานบุคคลอื่นใดเข้าสืบก่อนหลัง และไม่อาจรู้ได้ก่อนว่าพยานปากใดจะเบิกความในประเด็นแห่งคดีเรื่องอะไรก่อนที่จะลงมือสืบพยาน ถือไม่ได้ว่าโจทก์ประสงค์จะเอาเปรียบจำเลยในทางคดี กรณีมีเหตุอันสมควรให้โจทก์สืบพยานไป
นัดสืบพยานโจทก์นัดแรกโจทก์ขอเลื่อนโดยแถลงว่านัดหน้าจะนำพยานมาสืบ นัดต่อมาโจทก์ไม่มีพยานตามที่ระบุไว้แล้วมาศาล คงมีแต่พยานบุคคลที่โจทก์ขอระบุเพิ่มเติมในวันนั้นมาศาลพร้อมที่จะสืบ แต่ศาลไม่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติม โจทก์แถลงถึงความจำเป็นที่พยานคนเดิมไม่มาศาลไว้ด้วย พฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าโจทก์มีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า และการที่โจทก์นำพยานบุคคลที่ระบุเพิ่มเติมเข้าสืบก็ไม่มีข้อที่จะทำให้จำเลยเสียเปรียบในทางคดีแต่อย่างใด เพราะแม้ตามบัญชีระบุพยานเดิมเมื่อถึงวันนัดจำเลยก็ไม่อาจรู้ได้ว่าโจทก์นำพยานบุคคลอื่นใดเข้าสืบก่อนหลัง และไม่อาจรู้ได้ก่อนว่าพยานปากใดจะเบิกความในประเด็นแห่งคดีเรื่องอะไรก่อนที่จะลงมือสืบพยาน ถือไม่ได้ว่าโจทก์ประสงค์จะเอาเปรียบจำเลยในทางคดี กรณีมีเหตุอันสมควรให้โจทก์สืบพยานไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิภารจำยอม & ทางจำเป็น: การใช้ทางโดยไม่เป็นปรปักษ์ และความจำเป็นในการกำหนดขนาดทาง
การที่ ม. เจ้าของที่ดินพิพาทคนก่อนอนุญาตให้โจทก์ใช้สิทธิในที่พิพาทเป็นทางเดิน มิใช่ให้โจทก์ได้สิทธิเป็นทางภารจำยอมแม้โจทก์ได้ใช้สิทธิในทางพิพาทมาเป็นเวลาหลายปีก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิโดยอาการที่ถือว่าเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของก็ต้องถือว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ม. เท่านั้นโจทก์จึงไม่ได้สิทธิภารจำยอมโดยอายุความ การใช้ทางจำเป็นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1349 วรรคสาม บัญญัติให้เลือกที่และวิธีทำทางผ่านให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่านกับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ การที่โจทก์ขอใช้สิทธิในทางพิพาทกว้างถึง 2 เมตรจึงเป็นการเกินความจำเป็นที่จะใช้เป็นสภาพทางเดินและทางระบายน้ำ.