คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความชัดเจน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 233 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจฟ้องคดี, การแก้ไขคำฟ้อง, และคำให้การที่ไม่ชัดเจน
โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องในส่วนที่คิดอัตราดอกเบี้ยถึงวันฟ้องให้ตรงกับวันที่ที่โจทก์ยื่นคำฟ้องตามความเป็นจริง ไม่มีผลทำให้ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมแต่อย่างใดส่วนดอกเบี้ยที่โจทก์เรียกร้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเป็นเรื่องที่จะต้องคำนวณให้ถูกต้องอีกขั้นตอนหนึ่ง ฟ้องโจทก์ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสอง
หนังสือมอบอำนาจเป็นกรณีที่ตัวการมอบหมายให้ตัวแทนทำกิจการใด ๆ ที่มิใช่กิจการเฉพาะตัว แทนตัวการ ตัวการย่อมมอบอำนาจให้ตัวแทนทำกิจการใด ๆ ล่วงหน้า รวมทั้งการฟ้องคดีได้โดยไม่จำกัดเวลา และหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนั้นไม่จำต้องระบุบุคคลที่ต้องถูกฟ้องไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าเป็นผู้ใด ส่วนตัวการจะมีอำนาจฟ้องบุคคลใดได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่จะพิจารณาในขณะยื่นคำฟ้องว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของตัวการตามกฎหมายแพ่งหรือไม่ การที่โจทก์มอบอำนาจให้ ย.มีอำนาจทำกิจการต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้รวมทั้งฟ้องคดีเรียกร้องหนี้สิน ฯลฯ ด้วย เนื้อหาในหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงมิใช่เป็นกรณีที่ ย.ซึ่งเป็นตัวแทนได้รับมอบอำนาจทั่วไปจากโจทก์ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 801 ดังนั้น หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ดังกล่าวย่อมสมบูรณ์ มีผลใช้ได้ตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ใช้บัตรเครดิตที่โจทก์มอบให้ไปใช้จ่ายเพื่อชำระค่าสินค้าและค่าบริการต่าง ๆ โจทก์ได้แจ้งรายการใช้บัตรเครดิตที่โจทก์จ่ายแทนไปให้จำเลยตามกำหนดในแต่ละเดือน จำเลยไม่นำเงินมาหักทอนบัญชีกับโจทก์เป็นเวลาหลายเดือน ภาระหนี้ ณ วันที่ 26 เมษายน 2533 จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 294,702.43 บาท จำเลยให้การปฏิเสธแต่เพียงว่า จำเลยมิได้มีเจตนาที่จะก่อภาระหนี้โดยใช้บัตรเครดิตของโจทก์ ภาระหนี้ที่โจทก์อ้างเกิดขึ้นจากแหล่งอื่นซึ่งเป็นผู้ทำขึ้น จำเลยจึงไม่เป็นลูกหนี้โจทก์ และไม่ผิดสัญญาต่อโจทก์ คำให้การของจำเลยมิได้อ้างเหตุแห่งการนั้นไว้ในคำให้การว่าจำเลยมิได้เป็นลูกหนี้โจทก์ และไม่ได้ผิดสัญญาต่อโจทก์เพราะเหตุใด จึงเป็นคำให้การที่ไม่แจ้งชัดซึ่งเหตุแห่งการนั้นตาม ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยไม่มีสิทธินำพยานมาสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2067/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดฐานตั้งสถานบริการ: การบรรยายฟ้องต้องชัดเจนถึงการมีหญิงบำเรอ
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับความผิดข้อหาตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตตามคำฟ้องข้อ ก.ว่า "จำเลยได้ตั้งสถานบริการชื่อ "บาร์มิสตี้"โดยจัดให้มีการจำหน่ายสุรา อาหาร เครื่องดื่ม และมีผู้บริการให้แก่ลูกค้า โดยมิได้รับอนุญาตก่อนการจัดตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย" ตามคำฟ้องดังกล่าวเห็นได้ว่าโจทก์อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 3 (2) แต่อ้างบทมาตราผิดเป็นมาตรา 3 (3) ซึ่งถ้าฟ้องโจทก์ครบองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 3 (2)ศาลก็ลงโทษตามมาตรา 3 (2) ที่ถูกต้องได้ แต่เมื่อโจทก์ระบุถึงสถานที่ที่อ้างว่าจำเลยตั้งขึ้นเพื่อให้บริการโดยหวังประโยชน์จากลูกค้าซึ่งเป็นสถานที่ที่มีอาหารสุรา หรือเครื่องดื่มจำหน่าย อันเป็นสถานที่ซึ่งมีผู้บริการให้แก่ลูกค้าเท่านั้น โดยมิได้ระบุว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ที่มีหญิงบำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้าหรือโดยมีที่พักผ่อนหลับนอนหรือมีบริการนวดแก่ลูกค้า การบรรยายดังกล่าวไม่อาจทำให้เข้าใจได้ว่า สถานที่ที่อ้างว่าจำเลยจัดตั้งเป็นสถานที่ที่มีหญิงบำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้า เพราะสถานที่ซึ่งมีผู้บริการให้แก่ลูกค้าอาจมิใช่สถานที่ที่มีหญิงบำเรอก็ได้ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ขาดสาระสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิด ถือไม่ได้ว่าสถานที่ที่จำเลยจัดตั้งดังกล่าวเป็นสถานบริการตามความหมายของมาตรา 3 (2)จึงลงโทษจำเลยในข้อหานี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีความเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: ความชัดเจนของคำฟ้อง
โจทก์ฟ้องความว่า จำเลยที่ 1 กับโจทก์ต่างขับรถไปตามถนนคนละสาย แต่ต่างมุ่งหน้าไปที่สี่แยกพระยาตรัง ซึ่งถนนทั้งสองสายจะต้องตัดผ่านจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกผ่านสี่แยกด้วยความเร็วสูงไม่ระมัดระวัง จึงเป็นเหตุให้ชนกับรถจักรยานยนต์ที่โจทก์ขับมาด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎหมายคำฟ้องดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดแล้วว่าจำเลยที่ 1 กับโจทก์ขับรถมาอย่างไรและเกิดชนกันอย่างไร ทั้งจำเลยที่ 2 สามารถให้การต่อสู้คดีได้ โจทก์ไม่จำต้องกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายขับรถตามกันหรือสวนกัน หรือต่างฝ่ายต่างจอดรอสัญญาณไฟหรือฝ่าฝืนสัญญาณไฟ และชนกันในลักษณะอย่างไร ซึ่งเป็นรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5872/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของคำฟ้อง: การระบุตัวผู้กระทำผิดในฐานะลูกจ้าง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้ครอบครองหรือเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุชนกับรถจักรยานยนต์ของโจทก์ ในวันเกิดเหตุลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์ของจำเลยไปในทางการที่จ้างโดยประมาท เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 ได้รับความเสียหาย โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กายและได้รับอันตรายสาหัสและต้องเสียหายเพียงใด แม้โจทก์ทั้งสองจะมิได้ระบุชื่อลูกจ้างของจำเลยก็ตามก็เป็นเพียงรายละเอียด สาระสำคัญของคำฟ้องในส่วนนี้คงมุ่งเน้นแต่เพียงว่าคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุเป็นลูกจ้างขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างของจำเลยหรือไม่เท่านั้น คำฟ้องดังกล่าวจึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การระบุรายละเอียดอาวุธและผู้กระทำความผิดไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง
ปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์ในคดีอาญาเคลือบคลุมหรือไม่ แม้จะมิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยมีสิทธิยกขึ้นฎีกาได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 2 คน ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันใช้อาวุธมีดดาบ มีดพกปลายแหลมและเหล็กขูดชาฟท์รุมแทงฟัน ประทุษร้ายแก่ร่างกายผู้เสียหายหลายครั้ง ทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย แม้โจทก์จะมิได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกคนใดใช้อาวุธชนิดใด และแต่ละคนกระทำการอย่างไรบ้างก็พอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนการที่จำเลยกับพวกคนใดใช้อาวุธชนิดใด และแต่ละคนกระทำการอย่างไรบ้างเป็นเรื่องรายละเอียดที่โจทก์นำสืบในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2753/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของคำฟ้องในคดีเช่าซื้อและการบังคับตามสัญญา
คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน โจทก์ได้บรรยายฟ้องมาชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยที่ 1 ได้เช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1ซึ่งโจทก์ได้แนบสำเนาสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันซึ่งเป็นเอกสารที่กฎหมายต้องการมาพร้อมกับคำฟ้องแล้ว ส่วนข้อที่ว่าโจทก์มีวัตถุที่ประสงค์ในการให้เช่าซื้อรถยนต์หรือไม่เป็นรายละเอียด มิใช่สภาพแห่งข้อหาอันต้องบรรยายมาในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาเช่าซื้ออันเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ กล่าวคือ จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อถือว่าสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดทันที จำเลยที่ 1 ต้องคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ตามสัญญาข้อ 10 แต่ปรากฏว่ารถยนต์ที่เช่าซื้อถูกโจรภัยจำเลยที่ 1 จึงต้องชดใช้ราคารถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ตามสัญญาข้อ 6 โจทก์ได้รับชดใช้จากบริษัทที่รับประกันภัยแล้ว200,000 บาท โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในราคารถยนต์ที่ยังขาดอยู่ คำฟ้องโจทก์จึงแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยทั้งสองจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้องฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2705/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การรับสารภาพที่ไม่ชัดเจน การไม่สืบพยาน และผลกระทบต่อการลงโทษ
โจทก์ฟ้องจำเลยว่าได้ร่วมกันลักลอบนำเลื่อยโซ่ยนต์ที่ยังมิได้เสียภาษีและมิได้ผ่านศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร หรือจำเลยได้ร่วมกันซื้อรับจำนำ ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายหรือรับไว้ซึ่งเลื่อยดังกล่าว โดยรู้ว่าเป็นของที่ลักลอบหนีศุลกากร เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ หากโจทก์เห็นว่าคำให้การดังกล่าวไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยรับสารภาพในความผิดฐานใด โจทก์ชอบที่จะคัดค้านหรือแถลงขอสืบพยานต่อไป เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานจึงลงโทษจำเลยไม่ได้ คดีไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ (หมายถึง ย้อนไปจดคำให้การให้ชัดเจนใหม่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของวันเวลาในฟ้องอาญา การระบุช่วงเวลาที่โจทก์สามารถระบุได้ถือว่าไม่เคลือบคลุม
บรรยายฟ้องคดีอาญาฐานลักทรัพย์ว่าเหตุเกิดระหว่างต้นเดือนมีนาคม 2534 ถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2534 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัดเป็นฟ้องที่บอกวันเวลาตามที่สามารถจะบอกให้จำเลยเข้าใจดีแล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องวันเกิดเหตุ: เพียงพอต่อการเข้าใจของจำเลย
บรรยายฟ้องว่า เหตุเกิดประมาณต้นเดือนกันยายน 2532 เวลากลางวัน วันใดไม่แน่ชัดนั้น ในชั้นพิจารณาโจทก์ก็นำสืบเกี่ยวกับวันเกิดเหตุเช่นเดียวกับที่กล่าวในฟ้อง จำเลยเองก็นำสืบอ้างฐานที่อยู่แสดงว่าไม่ได้หลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด จึงเป็นการบรรยายฟ้องเกี่ยวกับวันกระทำความผิดพอที่จำเลยจะเข้าใจได้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4712/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องทรัพย์สิน: การระบุรายละเอียดทรัพย์สินรวมๆ เพียงพอหากจำเลยเข้าใจได้
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและตึกแถวพร้อมเครื่องเรือน ของใช้สำนักงาน โรงงานและเครื่องจักรต่าง ๆซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าวขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปแม้ตามคำฟ้องโจทก์จะระบุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์เพียงรวม ๆก็ตาม แต่ก็ได้ระบุชัดถึงชนิดและประเภทของทรัพย์ โดยยืนยันจำนวนทรัพย์ด้วยว่าทั้งหมดที่ตั้งอยู่บนที่ดินพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้ใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินนั้น จำเลยซึ่งเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินที่พิพาท ย่อมสามารถเข้าใจได้ว่าหมายถึงทรัพย์ใดบ้าง ความเข้าใจของจำเลยนี้เห็นได้ชัดจากที่จำเลยเป็นฝ่ายนำสืบก่อนได้อ้างเอกสารและให้รายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์พิพาทเอง ฟ้องโจทก์จึงได้ระบุข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวทรัพย์พิพาทพอที่จำเลยสามารถเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้องแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
of 24