พบผลลัพธ์ทั้งหมด 75 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในความผิดหลายกระทงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ต้องกำหนดโทษทุกกระทง แม้มีโทษจำคุกตลอดชีวิต
กรณีที่จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แม้ความผิดบางกระทงจะมีโทษจำคุกตลอดชีวิต ศาลก็ต้องกำหนดโทษความผิดกระทงอื่นไว้ด้วยแต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) การลงโทษจำคุกตลอดชีวิตเพียงกระทงเดียวโดยไม่กำหนดโทษกระทงอื่นด้วยหาชอบไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3121/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมและใช้เอกสารราชการหลายฉบับเป็นความผิดหลายกระทง แม้ใช้พร้อมกัน
การปลอมบัตรประจำตัวประชาชน ใบสำคัญทะเบียนทหารและสำเนาทะเบียนคนเกิดซึ่งเป็นเอกสารราชการต่างวาระกัน เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 3 กระทง เมื่อจำเลยนำเอกสารปลอมดังกล่าวไปใช้ต้องลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้แต่ละกระทงที่ปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสองแม้จำเลยจะได้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวในคราวเดียวกันแต่ก็เป็นการใช้เอกสารคนละประเภทกัน ต้องมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารราชการปลอมรวม 3 กระทง
การที่จำเลยทำปลอมรอยตราของเจ้าพนักงานและประทับรอยตราปลอมในใบสำคัญทะเบียนทหารที่จำเลยปลอมและนำไปใช้เป็นความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ทำปลอมและใช้รอยตราปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268, 251, 252 แต่ลงโทษจำเลยตามมาตรา 251 ได้เพียงกระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 263
จำเลยปลอมและใช้สำเนาทะเบียนคนเกิดซึ่งประทับรอยตราปลอมเป็นความผิดฐานปลอม และใช้เอกสารราชการปลอม และใช้รอยตราปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268, 252 ต้องลงโทษตามมาตรา 252 ประกอบด้วยมาตรา 251 ซึ่งเป็นบทหนัก.
การที่จำเลยทำปลอมรอยตราของเจ้าพนักงานและประทับรอยตราปลอมในใบสำคัญทะเบียนทหารที่จำเลยปลอมและนำไปใช้เป็นความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ทำปลอมและใช้รอยตราปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268, 251, 252 แต่ลงโทษจำเลยตามมาตรา 251 ได้เพียงกระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 263
จำเลยปลอมและใช้สำเนาทะเบียนคนเกิดซึ่งประทับรอยตราปลอมเป็นความผิดฐานปลอม และใช้เอกสารราชการปลอม และใช้รอยตราปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268, 252 ต้องลงโทษตามมาตรา 252 ประกอบด้วยมาตรา 251 ซึ่งเป็นบทหนัก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3854/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกักขังแทนค่าปรับสำหรับความผิดหลายกระทง ต้องเฉลี่ยเวลาและไม่เกินอัตราสูงสุดตามกฎหมาย
ศาลพิพากษาลงโทษปรับจำเลย 5 คนโดยรวมปรับ เมื่อจะต้องกักขังแทนค่าปรับ แม้จำเลยจะถูกลงโทษปรับในความผิดหลายกระทงก็คงกักขังจำเลยทุกคนแทนค่าปรับได้ไม่เกินสองปีตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 30 โดยต้องเฉลี่ยกักขังไปตามสัดส่วน ของตัวจำเลย และเมื่อรวมจำนวนวันที่ถูกกักขังของจำเลยทุกคนแล้ว ต้องไม่เกินสองปีตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2316/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การปลอมเอกสารราชการและการกระทำความผิดหลายกระทง
ในการที่จะพิจารณาว่าคดีใดต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นต้องพิจารณาจากกระทงความผิดเป็นกระทง ๆ ไป คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดรวม 3 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี รวมเป็นจำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ทำปลอมขึ้นซึ่งเอกสาร และการกระทำของจำเลยไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่จำเลยทำคำสั่งจังหวัดตราดเรื่องแต่งตั้งข้าราชการลงในกระดาษไขโดยไม่มีอำนาจ แล้วตัดเอากระดาษไขที่มีลายมือชื่อของผู้ว่าราชการจังหวัดตราดซึ่งได้ลงนามไว้ในคำสั่งฉบับอื่น มาติดไว้ท้ายคำสั่งที่จำเลยทำขึ้น และจำเลยโรเนียวคำสั่งนี้ออกมา เพื่อแสดงให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าคำสั่งที่จำเลยทำขึ้นนี้เป็นคำสั่งที่แท้จริง ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ทำปลอมขึ้นซึ่งเอกสาร และการกระทำของจำเลยไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่จำเลยทำคำสั่งจังหวัดตราดเรื่องแต่งตั้งข้าราชการลงในกระดาษไขโดยไม่มีอำนาจ แล้วตัดเอากระดาษไขที่มีลายมือชื่อของผู้ว่าราชการจังหวัดตราดซึ่งได้ลงนามไว้ในคำสั่งฉบับอื่น มาติดไว้ท้ายคำสั่งที่จำเลยทำขึ้น และจำเลยโรเนียวคำสั่งนี้ออกมา เพื่อแสดงให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าคำสั่งที่จำเลยทำขึ้นนี้เป็นคำสั่งที่แท้จริง ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3805/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันในความผิดหลายกระทงที่เกิดจากการกระทำความผิดเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานเสพเฮโรอีน จำคุก 1 ปีฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์แก้เป็นให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ดังนี้ โจทก์ฎีกาขอมิให้รอการลงโทษฐานเสพเฮโรอีนไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
การกระทำฝ่าฝืนกฎหมายฉบับเดียวกันในคราวเดียวกัน แม้จะเป็น ความผิด 2 กระทง หากศาลจะรอการลงโทษหรือไม่รอการลงโทษก็ควรจะเป็นอย่างเดียวกัน มิใช่กระทงหนึ่งรอการลงโทษ แต่อีกกระทงหนึ่งไม่รอการลงโทษ
การกระทำฝ่าฝืนกฎหมายฉบับเดียวกันในคราวเดียวกัน แม้จะเป็น ความผิด 2 กระทง หากศาลจะรอการลงโทษหรือไม่รอการลงโทษก็ควรจะเป็นอย่างเดียวกัน มิใช่กระทงหนึ่งรอการลงโทษ แต่อีกกระทงหนึ่งไม่รอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3805/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษที่ควรเป็นไปในทิศทางเดียวกันสำหรับความผิดหลายกระทงที่เกิดจากกฎหมายฉบับเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานเสพเฮโรอีนจำคุก 1 ปี ฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์แก้เป็น ให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ดังนี้ โจทก์ฎีกาขอมิให้รอการลงโทษ ฐานเสพเฮโรอีนไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 การกระทำฝ่าฝืนกฎหมายฉบับเดียวกันในคราวเดียวกัน แม้จะเป็น ความผิด2กระทงหากศาลจะรอการลงโทษหรือไม่รอการลงโทษก็ควรจะเป็น อย่างเดียวกันมิใช่กระทงหนึ่งรอการลงโทษแต่อีกกระทงหนึ่งไม่รอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษฐานลักทรัพย์ แม้ฟ้องยักยอก และการลงโทษความผิดหลายกระทง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ศาลอุทธรณ์ย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม
ผู้ใดร่วมกับผู้อื่นเอาเอกสาร (เช็ค) ของผู้อื่นไปโดยทุจริต ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 และเป็นความผิดตามมาตรา 335 อีกบทหนึ่งด้วย
ผู้ใดร่วมกับผู้อื่นเอาเอกสาร (เช็ค) ของผู้อื่นไปโดยทุจริต ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 และเป็นความผิดตามมาตรา 335 อีกบทหนึ่งด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3965/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลกระทบของกฎหมายใหม่ต่อโทษจำคุกเดิม กรณีความผิดหลายกระทง ศาลต้องใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย
เมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 ยกเลิกความใน ม. 91 และให้ใช้ข้อความใหม่แทนว่า ให้ศาลลงโทษทุกกรรม แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจะต้องไม่เกิน 50 ปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปีขึ้นไป ถือได้ว่ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด แม้คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 ที่ 3 จะถึงที่สุดแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นกรณีที่โทษที่กำหนดตามคำพิพากษาหนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3(1) ต้องนำ มาตรา 91 ที่แก้ไขใหม่ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยมาใช้ คดีนี้เมื่อศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละ 50 ปี 9 เดือน ศาลฎีกา พิพากษาแก้เป็นจำคุกเพียงคนละ 50 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงกฎหมายระหว่างพิจารณาคดี และผลกระทบต่อการลงโทษจำคุกสูงสุดสำหรับความผิดหลายกระทง
จำเลยกระทำความผิดหลายกรรม คือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กับมีโทษจำคุก 10 วันที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีก่อน เมื่อลดโทษแล้วศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกสองกระทงแรก 50 ปี และ 1 ปี 6 เดือน ตามลำดับ กับบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้รวมเป็นโทษจำคุก 50 ปี 6 เดือน 10 วัน แต่ในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 ออกใช้บังคับเกี่ยวกับการลงโทษผู้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด และเป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 คดีนี้เมื่อเรียงกระทงลงโทษแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) ที่ได้แก้ไขใหม่ จะลงโทษจำคุกเกินกว่า 50 ปีไม่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นให้จำคุก 50 ปีและบวกโทษจำคุก 10 วันที่รอการลงโทษไว้ รวมเป็นโทษจำคุก 50 ปี 10 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดหลายกระทงเกี่ยวกับอาวุธปืนและศุลกากร: การพิจารณาความผิดต่างกรรมหรือไม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทงคือกระทำความผิด ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่กรรมหนึ่ง และกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติศุลกากรโดยพยายามลักลอบนำโลหะรูปกวางและอาวุธปืนกับเครื่องกระสุนปืนออกนอกราชอาณาจักรอีกกรรมหนึ่งจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามคำบรรยายฟ้องว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป