คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความระมัดระวัง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 123 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3445/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจอดรถเสียและการใช้ความระมัดระวังเพียงพอ ไม่ถือเป็นการประมาทที่เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ
รถยนต์โดยสารที่จำเลยขับยางล้อหลังระเบิดจำเลยจึงจอดรถยนต์ไว้ชิดไหล่ทางด้านซ้าย ล้อหน้าอยู่ที่ไหล่ทาง ส่วนล้อหลังด้านขวาอยู่บนถนน แล้วจำเลยได้หากิ่งไม้มาวางและเปิดสัญญาณไฟกระพริบ ถือได้ว่าจำเลยใช้ความระมัดระวังเพียงพอแล้ว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการกระทำโดยประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1879/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางแพ่งกรณีทรัพย์สินสูญหาย ผู้ดูแลรักษาต้องแสดงความระมัดระวังตามสมควร หากไม่มีความประมาเลิศไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้าภาควิชาคหกรรมศาสตร์ จำเลยที่ 2เป็นหัวหน้าสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ อันเป็นสาขาวิชาหนึ่งในภาควิชาคหกรรมศาสตร์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินของโจทก์ที่ใช้ทำการสอนอยู่ในภาควิชาและสาขาวิชาที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ปลอดภัย ไม่สูญหาย ปรากฏว่าเครื่องชั่งน้ำหนักระบบไฟฟ้า 1 เครื่อง ซึ่งใช้ประจำอยู่ในห้องปฏิบัติการของสาขาวิชาดังกล่าวสูญหายไป แต่จำเลยที่ 1 ที่ 2มิได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้เครื่องชั่งน้ำหนักดังกล่าวสูญหาย และจำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้มอบหมายให้บุคคลอื่นดูแลรักษา เนื่องจากได้ติดตั้งประจำที่อยู่ในห้องปฏิบัติการนั้นอยู่แล้ว เท่ากับจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์ดังกล่าวเอง เมื่อเห็นว่ามีความปลอดภัยตามสมควรแล้วจึงไม่จำเป็นต้องจัดวางระเบียบในการเก็บรักษาอีก ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2ไม่จัดวางระเบียบจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ที่เครื่องชั่งน้ำหนักดังกล่าวถูกคนร้ายลักเอาไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรไม่ถึงขั้นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หากใช้ความระมัดระวังได้
เครื่องหมายจราจรเป็นเครื่องหมายที่แสดงให้ผู้ขับรถได้ระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจรไม่ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1955/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทจากการใช้อาวุธปืน: การกระทำโดยประมาทเลินเล่อทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้ไม่มีเจตนา
จำเลยกับพวกเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอาการมึนเมาสุรา จำเลยเอาอาวุธปืนเล็กกลจ่อใต้ใบหูขวาของผู้ตายเพื่อจะขู่ผู้ตายไม่ให้หลบหนีผู้ตายพยายามวิ่งไปหา ต.บิดาจำเลยฉุดข้อมือผู้ตายไว้ขณะนั้น นิ้วของจำเลยอยู่ที่ไกปืนการฉุดกันทำให้จำเลยเสียหลักนิ้วมือถูกไกปืน เป็นเหตุให้อาวุธปืนลั่นโดยจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะของจำเลยจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยประมาทอันเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่ข้อแตกต่างไม่ใช่ข้อสาระสำคัญและทั้งจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง และวรรคสาม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการขับรถ ณ ทางแยกต้องควบคู่กับความระมัดระวัง และค่าแรงซ่อมแซมจากละเมิด
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71 (2) บัญญัติว่า ถ้ามาถึงทางแยกทางร่วมพร้อมกันและไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนผ่านไปก่อน แต่แม้จะมีกฎหมายดังกล่าวซึ่งทำให้คนขับรถของจำเลยมีสิทธิขับรถผ่านสี่แยกไปก่อนได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนขับรถของจำเลยมีสิทธิขับรถเข้าไปในสี่แยกโดยไม่คำนึงหรือไม่ระมัดระวังหรือไม่ดูว่ามียานพาหนะอื่นแล่นเข้ามาในสี่แยกหรือไม่ ที่เกิดเหตุเป็นสี่แยกมีทางเดินรถหลายช่องทางผู้ขับขี่ยวดยานทุกคนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าการขับไปตามถนนอย่างธรรมดา เมื่อพิจารณาภาพถ่ายความเสียหายเห็นได้ว่ารถยนต์ชนกันอย่างแรง ซึ่งก็ต้องเกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงของคนขับรถของจำเลยนั้นเองด้วย การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความประมาท บทบัญญัติดังกล่าวมิได้คุ้มครองให้คนขับรถของจำเลยพ้นผิด
แม้คนงานของโจทก์จะมีเงินเดือนประจำและมีงานทำเป็นปกติ แต่เมื่อต้องทิ้งงานดังกล่าว มาทำงานเกี่ยวกับการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากการละเมิดของจำเลย โจทก์ก็ย่อมเรียกค่าแรงในการทำงานดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับฝากทรัพย์ กรณีเพลิงไหม้โกดัง: พิจารณาความระมัดระวังและเหตุสุดวิสัย
โกดังเก็บสินค้าของจำเลยที่เก็บรักษาทรัพย์สินที่รับฝาก มีผนังเป็นคอนกรีต หลังคาโครงเหล็กมุงสังกะสี สถานที่เก็บรักษาทรัพย์สินที่รับฝากในลักษณะอย่างนี้มีสภาพเหมาะสมกับการเก็บรักษาสินค้าที่รับฝากโดยมีบำเหน็จแล้ว ส่วนการดูแลรักษาทรัพย์สินที่รับฝากนั้นจำเลยมีเครื่องดับเพลิงที่ใช้น้ำยาเคมี ขนาดสูง 2 ฟุต ประมาณ10 เครื่อง แม้จำเลยมิได้จัดให้มีสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ก็ตามแต่จำเลยก็มีพนักงานเฝ้าดูแลโกดังทั้งกลางวันกลางคืน เช่นนี้ ถือได้ว่า จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดั่งนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 วรรคสอง แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทำกิจการรับฝากสินค้าจากบริษัทต่าง ๆหลายแห่ง และทำมานานสิบกว่าปีแล้ว จำเลยจึงเป็นผู้รับฝากที่เป็นผู้มีวิชาชีพเฉพาะกิจการค้าขายหรืออาชีวะอย่างหนึ่งอย่างใดจึงต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรต้องใช้ในกิจการเฉพาะกิจการค้าขายหรืออาชีวะอย่างนั้นตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 วรรคสาม นั้นข้อเท็จจริงดังกล่าวโจทก์มิได้กล่าวมาในฟ้อง จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3076/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับฝากเงินกรณีเงินสูญหาย แม้ไม่มีบำเหน็จและใช้ความระมัดระวังแล้ว
จำเลยรับฝากเงินจากโจทก์ จำเลยผู้รับฝากจะเอาเงินซึ่งฝากนั้นออกใช้ก็ได้ แม้ว่าการรับฝากเงินรายนี้จะไม่มีบำเหน็จค่าฝาก และจำเลยจะได้ใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเหมือนเช่นเคยประพฤติในกิจการของจำเลยก็ตาม เมื่อปรากฏว่าเงินซึ่งฝากนั้นสูญหายเพราะถูกคนร้ายลักไปแม้จะเป็นเหตุสุดวิสัยซึ่งจำเลยไม่อาจป้องกันได้ จำเลยก็ต้องรับผิดคืนเงินจำนวนที่จำเลยรับฝากไว้แก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 672.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2604/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการถอยรถ - ผู้ขับต้องระมัดระวังแม้ได้รับคำสั่งจากผู้อื่น - ผู้ตายมีส่วนประมาท
แม้ว่าผู้ตายเป็นผู้ออกคำสั่งให้จำเลยถอนรถ จำเลยจะต้องพิจารณาว่าการถอยรถในลักษณะเช่นนั้นปลอดภัยหรือไม่ การนำขดลวดสายไฟฟ้าลงจากรถยนต์บรรทุกคันหนึ่งโดยวิธีใช้เหล็กท่อน้ำให้ปลายข้างหนึ่งยันขดลวดสายไฟฟ้า และปลายอีกข้างหนึ่งยันที่กระบะท้ายรถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่งที่จำเลยขับ ผู้ตายจับเหล็กท่อน้ำไว้ระหว่างกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกทั้งสองคัน แล้วให้จำเลยเดินเครื่องยนต์ถอยรถเพื่อให้แรงของรถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับถอยหลังนี้ดันเหล็กท่อน้ำ เพื่อเหล็กท่อน้ำจะได้ดันให้ขดลวดสายไฟฟ้าเคลื่อนที่จากแนวขวางเป็นแนวตรงนั้น เป็นวิธีที่ไม่ปลอดภัย เพราะถ้าเหล็กท่อน้ำหลุดจากขดลวดสายไฟฟ้าหรือจากกระบะท้ายรถยนต์บรรทุกที่ยันหรือจากมือผู้ตาย กระบะท้ายรถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับก็จะอัดผู้ตายเข้ากับกระบะท้ายรถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่ง การถอยรถของจำเลยจึงเป็นความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
ตามพฤติการณ์แห่งคดี เป็นการทำงานร่วมกันของผู้ตายกับจำเลยและผู้ตายมีส่วนประมาทด้วย ประกอบกับมีการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่มารดาของผู้ตายจนเป็นที่พอใจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้จำเลยกลับตัวโดยให้รอการลงโทษจำคุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2604/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการถอยรถบรรทุก การกระทำโดยขาดความระมัดระวังทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จำเลยขับรถบรรทุกถอยหลังดันเหล็กท่อน้ำซึ่งปลายข้างหนึ่งยันขดลวดสายไฟฟ้าที่วางขวางอยู่บนรถบรรทุกอีกคันหนึ่ง ส่วนปลายเหล็กท่อน้ำอีกข้างหนึ่งยันที่กระบะท้ายรถที่จำเลยขับโดยผู้ตายเป็นผู้จับเหล็กท่อน้ำไว้ ขณะถอยรถเหล็กท่อน้ำหลุดจากขดลวดสายไฟฟ้า รถที่จำเลยขับจึงทับผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้แม้ว่าผู้ตายเป็นผู้สั่งให้จำเลยถอยรถ จำเลยก็จะต้องพิจารณาว่าการถอยรถในลักษณะเช่นนั้นปลอดภัยหรือไม่ การนำขดลวดสายไฟฟ้าลงจากรถยนต์บรรทุกคันหนึ่งโดยวิธีให้จำเลยขับรถบรรทุกถอยหลังดันเหล็กท่อน้ำเพื่อให้เหล็กท่อน้ำดันขดลวดสายไฟฟ้าให้เคลื่อนที่จากแนวขวางเป็นแนวตรงนั้น เป็นวิธีที่ไม่ปลอดภัย เพราะถ้าเหล็กท่อน้ำหลุดจากขดลวดสายไฟฟ้าหรือจากกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกที่ยันหรือจากมือผู้ตาย กระบะท้าย รถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับก็จะอัดผู้ตายเข้ากับกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่ง การถอยรถของจำเลยจึงเป็นความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2604/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการถอยรถ - ผู้ขับมีหน้าที่ระมัดระวังแม้ได้รับคำสั่ง - วิธีการทำงานที่ไม่ปลอดภัยเป็นเหตุให้เสียชีวิต
แม้ว่าผู้ตายเป็นผู้ออกคำสั่งให้จำเลยถอนรถ จำเลยจะต้องพิจารณาว่าการถอยรถในลักษณะเช่นนั้นปลอดภัยหรือไม่ การนำขดลวดสายไฟฟ้าลงจากรถยนต์บรรทุกคันหนึ่งโดยวิธีใช้เหล็กท่อน้ำให้ปลายข้างหนึ่งยันขดลวดสายไฟฟ้า และปลายอีกข้างหนึ่งยันที่กระบะท้ายรถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่งที่จำเลยขับ ผู้ตายจับเหล็กท่อน้ำไว้ระหว่างกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกทั้งสองคัน แล้วให้จำเลยเดินเครื่องยนต์ถอยรถเพื่อให้แรงของรถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับถอยหลังนี้ดัน เหล็กท่อน้ำ เพื่อเหล็กท่อน้ำจะได้ดัน ให้ ขดลวดสายไฟฟ้าเคลื่อนที่จากแนวขวางเป็นแนวตรงนั้น เป็นวิธีที่ไม่ปลอดภัย เพราะถ้าเหล็กท่อน้ำหลุดจากขดลวดสายไฟฟ้าหรือจากกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกที่ยันหรือจากมือผู้ตาย กระบะท้าย รถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับก็จะอัดผู้ตายเข้ากับกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่ง การถอยรถของจำเลยจึงเป็นความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ ตามพฤติการณ์แห่งคดี เป็นการทำงานร่วมกันของผู้ตายกับจำเลยและผู้ตายมีส่วนประมาทด้วย ประกอบกับมีการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่มารดาของผู้ตายจนเป็นที่พอใจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้จำเลยกลับตัวโดยให้รอการลงโทษจำคุก.
of 13