พบผลลัพธ์ทั้งหมด 43 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีรื้อถอนอาคาร: เหตุขยายเวลาต้องมีเหตุพ้นวิสัย การอ้างความเดือดร้อนของคนงานไม่เพียงพอ
เมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาท จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำบังคับ และหมายบังคับคดีของศาล การที่จำเลยขอขยายกำหนดการบังคับคดี โดยอ้างว่าการรื้อถอนอาคารพิพาทจำต้องใช้การคำนวณของนักวิชาการและต้องใช้เวลาถึง 502 วันและในอาคารพิพาทมีคนงานทำงานอยู่เกือบ 60 คน ต้องให้เวลาหาสถานที่ให้แก่คนงานเหล่านั้นด้วย ยังไม่เป็นเหตุพ้นวิสัยอันจะเป็นมูลให้จำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลได้ พฤติการณ์ของจำเลยส่อไปในทางจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา จึงไม่มีเหตุที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยต่อไป.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำทางเดินเท้าและผลกระทบต่อเจ้าของที่ดิน การสร้างสะพานต้องพิจารณาความเดือดร้อนที่สมเหตุสมผล
การที่จำเลยที่1สร้างสะพานลอยลงบนทางเดินเท้าหน้าที่ดินของโจทก์ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนเพชรบุรีตัดใหม่โดยที่ดินแปลงนี้โจทก์ซื้อมาเป็นเวลาเกือบ20ปีและไม่ได้ปรับปรุงพัฒนาใช้ประโยชน์แต่อย่างใดคงปล่อยให้มีสภาพเป็นที่ว่างเปล่ามีต้นไม้และวัชชพืชขึ้นปกคลุมโครงสร้างอาคารตึกแถวที่ทิ้งร้างไว้ตั้งแต่ตอนโจทก์ซื้อมาทั้งๆที่บริเวณดังกล่าวเป็นย่านธุรกิจการค้าแวดล้อมไปด้วยอาคารพาณิชย์นอกจากนี้จำเลยที่1ยังได้กำหนดโครงสร้างของบันไดสะพานในหน้าที่ดินของโจทก์เป็นบันไดพับ เพื่อมิให้ติดขัดในการเข้าออกที่ดินของโจทก์อันเป็นการแสดงว่าจำเลยที่1ได้พยายามให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่โจทก์น้อยที่สุดจึงถือว่าโจทก์มิได้รับความเดือดร้อนรำคาญเป็นพิเศษอันที่จะห้ามมิให้จำเลยที่1กับพวกงดเว้นการก่อสร้างสะพานดังกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำทางเดินเท้าและการสร้างสะพานลอยที่ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเป็นพิเศษ เจ้าของที่ดินไม่มีสิทธิเรียกร้อง
การที่จำเลยที่1สร้างสะพานลอยลงบนทางเดินเท้าหน้าที่ดินของโจทก์ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนเพชรบุรีตัดใหม่โดยที่ดินแปลงนี้โจทก์ซื้อมาเป็นเวลาเกือบ20ปีและไม่ได้ปรับปรุงพัฒนาใช้ประโยชน์แต่อย่างใดคงปล่อยให้มีสภาพเป็นที่ว่างเปล่ามีต้นไม้และวัชชพืชขึ้นปกคลุมโครงสร้างอาคารตึกแถวที่ทิ้งร้างไว้ตั้งแต่ตอนโจทก์ซื้อมาทั้งๆที่บริเวณดังกล่าวเป็นย่านธุรกิจการค้าแวดล้อมไปด้วยอาคารพาณิชย์นอกจากนี้จำเลยที่1ยังได้กำหนดโครงสร้างของบันไดสะพานในหน้าที่ดินของโจทก์เป็นบันไดพับเพื่อมิให้ติดขัดในการเข้าออกที่ดินของโจทก์อันเป็นการแสดงว่าจำเลยที่1ได้พยายามให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่โจทก์น้อยที่สุดจึงถือว่าโจทก์มิได้รับความเดือดร้อนรำคาญเป็นพิเศษอันที่จะห้ามมิให้จำเลยที่1กับพวกงดเว้นการก่อสร้างสะพานดังกล่าวได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3465/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้มีสิทธิรับเงินทดแทนจากอุบัติเหตุจากการทำงาน: เกณฑ์การเป็นผู้อยู่ในอุปการะ
ผู้ซึ่งอยู่ในอุปการะของลูกจ้างที่ตายตามความในวรรคสองของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ฯ ข้อ 50 นั้น อาจเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันไม่ถึงเสมอเป็นเครือญาติกับลูกจ้าง แต่มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดเพียงพอเกี่ยวกับการดำรงชีพที่ได้รับจากผู้ตายเสมอมามิใช่ด้วยความเมตตาเป็นครั้งเป็นคราวและไม่แน่นอน และความตายของลูกจ้างผู้นั้นต้องเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้บุคคลนั้นต้องได้รับความเดือดร้อนในการดำรงชีพอีกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รั้วบังแสงทางลม ก่อความเดือดร้อนเกินควร เจ้าของที่ดินมีสิทธิรื้อได้ แม้ได้รับอนุญาต
รั้วที่จำเลยที่ 1 สร้างเป็นกำแพงทึบมีความสูงถึง 2.70เมตรส่วนอีกสามด้านไม่ได้สร้างเช่นนั้น เมื่อพิจารณาถึงสภาพและตำแหน่งที่ตั้งอยู่ของบ้านโจทก์ซึ่งปลูกค่อนมาทางแนวเขตที่ดินด้านทิศใต้ติดต่อกับที่ดินที่จำเลยที่ 1สร้างรั้วกำแพงทึบโดยชายคาชั้นล่างของบ้านโจทก์ด้านใกล้แนวเขตที่ดินมีความสูงจากพื้นดินระหว่าง 3 ถึง 3.10 เมตรและบ้านโจทก์ไม่ได้ตั้งอยู่ในย่านชุมชนกลางเมืองประกอบกันแล้วเห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้สร้างรั้วกำแพงทึบสูงเกินสมควร เป็นเหตุให้บังแสงสว่างและทางลมที่จะเข้าไปในห้องชั้นล่างของบ้านโจทก์เป็นบางส่วนย่อมจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงหรืออย่างน้อยก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินกว่าที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นตามปกติโจทก์จึงมีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังให้ความเสียหายหรือความเดือดร้อนรำคาญนั้นให้สิ้นไปได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337แม้ว่ารั้วที่จำเลยที่ 1 สร้างนั้นจะได้รับอนุญาตจากทางราชการแล้วก็ ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าจากความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและการกระทำทางร่างกาย ศาลพิจารณาเหตุผลและความเดือดร้อนของคู่สมรส
โจทก์ทะเลาะกับจำเลยแล้วออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นต่อมาเมื่อจำเลยทราบว่าโจทก์ไปติดพันหญิงที่อื่นฉันชู้สาวย่อมก่อให้จำเลยเกิดความหึงหวงและจำเป็นต้องป้องกันเพื่อมิให้โจทก์ทอดทิ้งตนและบุตรการที่จำเลยทำหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวหาโจทก์ในเรื่องดังกล่าวเพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่จำเลย โดยไม่ปรากฏว่าได้ขอให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยแก่โจทก์ จึงเท่ากับเป็นเชิงขอให้ผู้บังคับบัญชาว่ากล่าวตักเตือนให้โจทก์สำนึกในการกระทำอันอาจจะก่อความเดือดร้อนให้แก่ครอบครัวการกระทำของจำเลยดังกล่าวถือไม่ได้ว่าจำเลยทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อโจทก์อย่างร้ายแรงและยังไม่ถึงขนาดที่ก่อ ความเดือดร้อนเกินควรต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2949/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างอาคารสูงเกินกำหนดในพื้นที่อยู่อาศัย ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญและละเมิดสิทธิของผู้อื่น
ตามเทศบัญญัติของเทศบาลนครหลวงกรุงเทพ เรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2483 ข้อ 59 และ 60 การปลูกสร้างอาคารซึ่งอยู่ริมถนนที่มีความกว้างไม่ถึง 8 เมตร แต่ไม่น้อยกว่า4 เมตร อนุญาตให้ปลูกสร้างได้สูงไม่เกิน 8 เมตร บริเวณหน้าอาคารของจำเลยที่ 1 ติดขอบซอยหรือขอบถนนกว้าง 4.60 หรือ 5.40 เมตรเท่านั้น การที่กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 2 โดยหัวหน้าเขตจำเลยที่ 4 อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ปลูกสร้างอาคารพิพาทสูงเกิน 8 เมตรจึงไม่ชอบด้วยเทศบัญญัติดังกล่าว แม้จะกำหนดให้ปลูกสร้างร่นห่างจากซอยเข้าไปด้านหลังอีก 3 เมตรก็ตาม การที่ศาลพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารพิพาทส่วนที่สูงเกิน 8 เมตร หาเป็นการก้าวล่วงเข้าไปวินิจฉัยในเรื่องการใช้ดุลพินิจของฝ่ายบริหารไม่ เพราะการอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารพิพาทเกิดขึ้นจากฝ่ายบริหารปฏิบัติฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย ศาลยุติธรรมย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ว่าคำสั่งของฝ่ายบริหารนั้นถูกต้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ก่อนจำเลยสร้างอาคารพิพาท บ้านของโจทก์ได้รับลมและแสงสว่างจากภายนอกพอสมควร เมื่อจำเลยสร้างอาคารพิพาทแล้ว ลมไม่พัดเข้าไปในบ้านของโจทก์และแสงสว่างก็ลดน้อยลง อาคารพิพาทสูงกว่าบ้านโจทก์มากอาคารที่จำเลยสร้างปิดกั้นทางลมที่พัดจากทางด้านทิศใต้ถึงปีละ 6 เดือนและปิดกั้นแสงสว่างเป็นเหตุให้โจทก์ต้องใช้แสงไฟฟ้าในเวลากลางวัน ดังนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ แม้จำเลยจะมีแดนกรรมสิทธิ์เหนือพ้นดินของตน แต่ก็ต้องอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 การใช้สิทธิปลูกสร้างอาคารของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านได้รับความเดือดร้อนรำคาญเกินที่ควรคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันสมควร เพราะตรงที่จำเลยปลูกสร้างอาคารพิพาทเป็นย่านประชาชนอยู่อาศัย ไม่ใช่ย่านการค้าหรือประกอบธุรกิจ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะกำจัดความเดือดร้อนรำคาญให้สิ้นไปได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2526)
ก่อนจำเลยสร้างอาคารพิพาท บ้านของโจทก์ได้รับลมและแสงสว่างจากภายนอกพอสมควร เมื่อจำเลยสร้างอาคารพิพาทแล้ว ลมไม่พัดเข้าไปในบ้านของโจทก์และแสงสว่างก็ลดน้อยลง อาคารพิพาทสูงกว่าบ้านโจทก์มากอาคารที่จำเลยสร้างปิดกั้นทางลมที่พัดจากทางด้านทิศใต้ถึงปีละ 6 เดือนและปิดกั้นแสงสว่างเป็นเหตุให้โจทก์ต้องใช้แสงไฟฟ้าในเวลากลางวัน ดังนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ แม้จำเลยจะมีแดนกรรมสิทธิ์เหนือพ้นดินของตน แต่ก็ต้องอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 การใช้สิทธิปลูกสร้างอาคารของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านได้รับความเดือดร้อนรำคาญเกินที่ควรคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันสมควร เพราะตรงที่จำเลยปลูกสร้างอาคารพิพาทเป็นย่านประชาชนอยู่อาศัย ไม่ใช่ย่านการค้าหรือประกอบธุรกิจ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะกำจัดความเดือดร้อนรำคาญให้สิ้นไปได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2526)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231-2232/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิในที่ดินของตนเองไม่ถือเป็นการละเมิด แม้จะก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น หากไม่มีเจตนาหรือประมาทเลินเล่อ
จำเลยปลูกสร้างตึกแถว 3 ชั้นครึ่ง เพื่อขายพร้อมที่ดิน โดยด้านหลังของตึกแถวหันเข้าหาด้านหลังตึกแถวของโจทก์ แต่เว้นช่องว่างด้านหลังอาคารไม่ถึง 2 เมตรตามแบบแปลน จำเลยได้ก่อสร้างกำแพงติดผนังตึกห้องครัวโจทก์ด้านหลังและด้านข้าง และเทพื้นคอนกรีตสูงขึ้น ทำให้ประตูครัวด้านหลัง และประตูด้านข้างตึกแถวโจทก์ปิดเปิดไม่ได้ ทั้งช่องลมห้องครัวด้านหลังถูกปิดด้วยนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำลงในที่ดินส่วนของจำเลยเอง เป็นการใช้สิทธิเพื่อประโยชน์ในการใช้สอยทรัพย์สินของจำเลยโดยตรง มิใช่เป็นเรื่องจงใจหรือ ประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย ทั้งรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยไม่สุจริตกลั่นแกล้งใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทำละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2329/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการประกอบกิจการก่อความเดือดร้อน: การทุบทองคำเปลวสร้างความเสียหายเกินสมควร
อาคารของโจทก์จำเลยเป็นตึกแถวอยู่ติดกัน ไม่ได้ความว่ามีเสียงและความสั่นสะเทือนจากการประกอบกิจการอื่นอีกการที่จำเลยประกอบกิจการทุบทองคำเปลวทำให้เกิดเสียงและความสั่นสะเทือนถึงขนาดที่ทำให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่า จะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรเช่นนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยระงับความเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งปรับปรุงโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงานฯ ต้องมีเหตุจากการก่อความเดือดร้อนหรืออันตรายแก่ผู้อื่น
อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะมีอำนาจออกคำสั่งตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 มาตรา 36(3) ก็ต่อเมื่อโรงงานของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานนั้นก่อให้เกิดความรำคาญหรืออันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าการปล่อยน้ำทิ้งของโรงงานของจำเลยไม่เคยก่อให้เกิด ความรำคาญหรืออันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้ใดเลย อธิบดีกรมโรงงานย่อมไม่มีอำนาจออกคำสั่งตามกฎหมายมาตรานี้ บังคับจำเลยให้จัดการแก้ไขและสร้างระบบขจัดน้ำทิ้ง แม้ออกมา ก็ย่อมไม่มีผลบังคับการที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น จึงไม่เป็นความผิด