คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความเท็จ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 79 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 654-655/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเปลี่ยนแปลงคำร้องเดินทางออกนอกประเทศไม่เป็นความเท็จ และการอยู่ต่อโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยได้แจ้งขอเดินทางออกจากประเทศไทยและได้รับอนุมัติให้เดินทางออกนอกประเทศไทยได้ ต่อมาจำเลยได้แจ้งถอนคำขอดังกล่าวและขออยู่ต่อ ก็ได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยต่อไปอีกชั่วคราวได้ การแจ้งข้อความเปลี่ยนแปลงเพิกถอนคำแจ้งความที่ขอเดินทางออกนอกประเทศไทยของจำเลยนั้นไม่ทำให้ผู้ใดได้รับความเสียหายจึงไม่เป็นผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137และการอยู่ต่อมาของจำเลยก็เป็นการอยู่โดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยเขียนข้อความในบัตรแสดงการออกจากประเทศไทยแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง แต่เมื่อข้อความนั้นไม่ถือเป็นความเท็จ จำเลยก็ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายความไม่ต้องรับผิดชอบความเท็จในคำฟ้อง หากได้รับข้อมูลจากลูกความ
จำเลยที่ 2 เรียงคำฟ้องและรับว่าความในหน้าที่ของทนายความ ข้อความที่ปรากฏในคำฟ้องเป็นข้อความที่ได้จากคำบอกเล่าของจำเลยที่ 1 (ซึ่งเป็นลูกความ) และจะเป็นความเท็จหรือความจริง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทนายความย่อมไม่มีโอกาสจะทราบได้นอกจากจะปรากฏตามหลักฐานที่นำสืบ หากในเวลาภายหน้าความปรากฏขึ้นว่า คำฟ้องมีข้อความอันเป็นเท็จ ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบก็คือจำเลยที่ 1 หาใช่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแต่ผู้เรียงคำฟ้องตามคำบอกเล่าในหน้าที่ของทนายความไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายความไม่ต้องรับผิดชอบความเท็จในคำฟ้อง หากเป็นข้อมูลที่จำเลย (ลูกความ) บอกเล่า
จำเลยที่ 2 เรียงคำฟ้องและรับว่าความในหน้าที่ของทนายความข้อความที่ปรากฏในคำฟ้องเป็นข้อความที่ได้จากคำบอกเล่าของจำเลยที่ 1(ซึ่งเป็นลูกความ) และจะเป็นความเท็จหรือความจริง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทนายความย่อมไม่มีโอกาสจะทราบได้นอกจากจะปรากฏตามหลักฐานที่นำสืบ หากในเวลาภายหน้าความปรากฏขึ้นว่า คำฟ้องมีข้อความอันเป็นเท็จผู้ที่จะต้องรับผิดชอบก็คือจำเลยที่ 1 หาใช่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแต่ผู้เรียงคำฟ้องตามคำบอกเล่าในหน้าที่ของทนายความไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ความเท็จในการแจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ ฝ่ายกล่าวอ้างต้องพิสูจน์ตามฟ้อง
ถ้ามีการกล่าวอ้างว่า ข้อความใดที่เกิดจากการยื่นคำให้การก็ดี เกิดจากการเบิกความก็ดี ว่าเป็นความเท็จอันจะต้องรับโทษทางอาญาแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของฝ่ายที่กล่าวอ้าง จะต้องนำสืบให้ได้ความตามฟ้องว่าจำเลยให้การเท็จและเบิกความเท็จ หาไม่แล้วจะลงโทษทางอาญาไม่ได้
จำเลยย่อมนำสืบตามข้ออ้างของตน ซึ่งอาจเป็นการนำสืบหักล้างหรือเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเอกสารใดๆ ได้ทั้งสิ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้มีข้อจำกัดห้ามมิให้นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารในบางกรณีไว้ดังประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ความเท็จในการให้การ/เบิกความ และสิทธิในการนำสืบพยานหลักฐานของจำเลย
ถ้ามีการกล่าวอ้างว่า ข้อความใดที่เกิดจากการยื่นคำให้การก็ดี. เกิดจากการเบิกความก็ดี. ว่าเป็นความเท็จอันจะต้องรับโทษทางอาญาแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของฝ่ายที่กล่าวอ้าง. จะต้องนำสืบให้ได้ความตามฟ้องว่าจำเลยให้การเท็จและเบิกความเท็จ. หาไม่แล้วจะลงโทษทางอาญาไม่ได้.
จำเลยย่อมนำสืบตามข้ออ้างของตน ซึ่งอาจเป็นการนำสืบหักล้างหรือเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเอกสารใดๆ ได้ทั้งสิ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา. เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้มีข้อจำกัดห้ามมิให้นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารในบางกรณีไว้ดังประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การเท็จในชั้นสอบสวนที่ขัดแย้งกันเองเป็นหลักฐานพิสูจน์ความเท็จได้ แม้ไม่มีพยานยืนยัน
การที่จะพิสูจน์ถ้อยคำของบุคคลที่กล่าวอ้างว่าได้เห็นเหตุการณ์ใด ๆ ว่าเป็นเท็จนั้น ไม่จำต้องมีประจักษ์พยานมายืนยันโดยตรงว่าบุคคลนั้นมิได้เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นเสมอไป ในบางกรณี รายละเอียดแห่งถ้อยคำของผู้นั้นโดยลำพังหรือประกอบด้วยพฤติการณ์ของผู้นั้นเอง ย่อมพิสูจน์ได้ในตัวว่าผู้นั้นกล่าวคำเท็จ
ฟ้องว่าจำเลยให้การเท็จในคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน ขอให้ลงโทษตามประมาวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,172 เมื่อพิจารณาได้ความตามฟ้อง ศาลย่อมพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 172
ฟ้องว่าจำเลยให้การในครั้งแรกว่าจำเลยได้ยินเสียงปืน อีกสักครู่ก้เห็น ค.ถือปืนสั้น กับท.และ จ. โผล่ออกมาจากข้างถนน แล้วตอนท้ายจำเลยว่า เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ ต.กับพวกใช้ปืนยิงด้วย ต่อมาจำเลยให้การในครั้งหลังว่า ผู้ตายขี่จักรยานหนี ต.กับพวก ท.และจ. ถ้อยคำที่ให้การนี้เป็นเท็จทั้งสิ้น ดังนี้ แม้ศาลจะฟังว่าเฉพาะคำให้การในครั้งหลังเป็นความเท็จเพียงตอนเดียว ก็ลงโทษตามมาตรา 172 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชั่งน้ำหนักพยาน: หากไม่มีพยานชัดเจนแสดงความเท็จ สันนิษฐานว่าพยานอีกฝ่ายไม่ได้เบิกความเท็จ
คดีก่อนศาลยกฟ้องโจทก์โดยว่า คำพยานโจทก์ขัดกัน เป็นถ้อยคำที่น่าสงสัย ไม่มีน้ำหนัก ดังนี้ เป็นเรื่องของการชั่งน้ำหนักคำพยานว่าพยานฝ่ายใดดีกว่ากันเท่านั้น หากจำเลยในคดีนั้นไม่มีพยานอื่นใดมาแสดงให้ชัดแจ้งว่าพยานโจทก์เบิกความเท็จแล้ว ก็จะสันนิษฐานว่าพยานโจทก์เบิกความเท็จหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฟ้องเท็จตามมาตรา 175 อาญา: การกล่าวหาโดยรู้อยู่ว่าเป็นเท็จ
มาตรา 175 แห่งประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติเพียงว่าเอาความอันเป็นเท็จฟ้องกล่าวหาเขาในทางอาญาเท่านั้นก็เป็นความผิดมิได้บัญญัติว่า เป็นความเท็จที่จะทำให้มีความผิดทางอาญาทั้งนี้ ก็เพื่อหวังจะป้องกันมิให้แกล้งกล่าวหากันในทางอาญาอันจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาถูกฟ้องได้รับความเดือดร้อนเสียหายฉะนั้น เมื่อจำเลยแกล้งฟ้องโดยรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเป็นความเท็จจึงย่อมมีความผิดตามมาตรานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จเกี่ยวกับตัวผู้กระทำผิด: การแจ้งความโดยไม่รู้ตัวผู้กระทำผิดก่อน แล้วจึงกล่าวหาภายหลังถือเป็นความเท็จ
จำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจว่ารถจักยานถูกขโมยไป ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้าย ต่อมาจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า โจทก์เป็นคนร้าย โดยตนเห็นและได้ไล่ติดตามโจทก์ในคืนเกิดเหตุด้วย เช่นนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 940/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของฟ้องฐานฉ้อโกงเมื่อมีการบรรยายลักษณะเช็คที่ใช้เป็นเท็จและไม่ตรงกับความเป็นจริง
ตามคำบรรยายฟ้องเป็นที่เข้าใจได้ว่า จำเลยแสดงเท็จโดยออกเช็คแลกเงินสดของผู้เสียหายไป แต่ความจริงกลับเป็นว่า เช็คนั้นเป็นเช็คในบัญชีชื่อบุคคลที่ 3 ลายเซ็นชื่อในเช็คไม่ใช่ลายมือชื่อบุคคลที่ 3 ทั้งไม่มีเงินจ่ายตามเช็ค อีกนัยหนึ่ง ก็คือ จำเลยออกเช็คว่าเป็นของจำเลย แต่ความจริงกลับเป็นเช็คของคนอื่น จึงไม่มีการจ่ายเงิน และฟ้องกล่าวพร้อมด้วยองค์ประกอบอื่น ๆ ตามกฎหมายแล้ว ย่อมเป็นฟ้องฐานฉ้อโกงถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2503)
of 8