พบผลลัพธ์ทั้งหมด 65 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืนจากผู้ทำละเมิด: อายุความ 1 ปี ไม่ใช้บังคับ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนหรือใช้เงินซึ่งจำเลยยักยอกของโจทก์ไป เป็นเรื่องเจ้าของทรัพย์สินฟ้องเรียกเอาทรัพย์ที่ผู้ทำละเมิดยึดถือครอบครองของเขาไว้ในฐานละเมิด ซึ่งโจทก์ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336ฉะนั้นจึงนำอายุความ 1 ปี นับแต่โจทก์ได้ทราบมูลละเมิดตามมาตรา 448มาใช้บังคับในกรณีนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการคืนทรัพย์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้ประมาทเลินเล่อในการคืนรถยนต์ให้โจทก์
จำเลยเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของ น. เมื่อ น. ไม่ชำระหนี้จำเลยชอบที่จะขอศาลบังคับคดียึดทรัพย์ของ น. ชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ เป็นการใช้สิทธิทางศาลตามกฎหมาย จำเลยนำยึดรถยนต์พิพาทซึ่ง น. ขับขี่รับจ้างส่งคนโดยสารและสินค้ามาก่อนที่จำเลยจะนำยึดถึงสองปี พฤติการณ์ที่รถยนต์พิพาทอยู่ในความครอบครองของ น. เช่นนี้แสดงให้จำเลยเข้าใจว่ารถยนต์พิพาทเป็นของ น. โจทก์มิได้อ้างว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์พิพาทของโจทก์ไว้โดยไม่สุจริตหรือประมาทเลินเล่อ อ้างเพียงว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้ปล่อยรถยนต์พิพาทที่ยึด แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปล่อยรถยนต์พิพาท แม้จำเลยจะเป็นผู้รักษารถยนต์พิพาทไว้ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมอบให้รักษา โจทก์ก็มิได้ร้องขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้คืนรถให้โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยได้ทราบคำพิพากษาอุทธรณ์หลังจากที่จำเลยได้คืนรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์แล้ว จะถือว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้คืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายหาได้ไม่โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการสั่งให้คืนทรัพย์ในคดีอาญา สิ้นสุดเมื่อไม่มีความผิดฐานยักยอก ผู้เสียหายต้องฟ้องทางแพ่ง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ประกอบกับมาตรา 44 วรรค 2 อำนาจของพนักงานอัยการที่จะเรียกทรัพย์สิน หรือราคาแทนผู้เสียหายในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ย่อมเป็นส่วนหนึ่งแห่งคดีอาญา และอำนาจการพิพากษาในส่วนเรียกทรัพย์สินหรือราคา ก็เป็นส่วนหนึ่งแห่งคดีอาญา เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานยักยอกดังที่โจทก์ฟ้อง อำนาจของพนักงานอัยการที่จะเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 43 ย่อมสิ้นไป ศาลจึงไม่มีอำนาจที่จะพิพากษาให้คืน หรือใช้ราคาทรัพย์ได้
(ถูก 1039/2516 ประชุมใหญ่ ทับเสียแล้ว)
(ถูก 1039/2516 ประชุมใหญ่ ทับเสียแล้ว)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งคืนทรัพย์ในคดีอาญา แม้ศาลยกฟ้อง คำขอส่วนแพ่งยังคงมีผล
ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายด้วยนั้น แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องคดีส่วนอาญา แต่เมื่อคำขอส่วนแพ่ง เป็นคำขอที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้อำนาจของพนักงานอัยการที่จะว่ากล่าวเกี่ยวกับคำขอส่วนแพ่งยังคงมีต่อไป ศาลจึงมีอำนาจสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2516)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2248/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในคดีฉ้อโกง: ศาลไม่อาจบังคับจำเลยคืนทรัพย์ให้โจทก์ร่วมได้หากทรัพย์ตกอยู่ในครอบครองของตัวการ
ผู้ว่าคดีเป็นโจทก์ และผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วม ฟ้องหาว่าจำเลยฉ้อโกงรถยนต์ขอให้ลงโทษและขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายมาด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่ารถยนต์ที่พิพาทตกไปอยู่ในความครอบครองของภรรยาเจ้าของรถยนต์ที่พิพาทแล้ว ทั้งรถยนต์ที่พิพาทก็ยังไม่ได้นำเข้ามาเป็นของกลางในคดีนี้ด้วย ตามรูปคดียังไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับจำเลยคืนรถยนต์รายนี้ให้โจทก์ร่วมได้ ทั้งจะบังคับให้จำเลยใช้ราคารถยนต์ก็ไม่ได้ เพราะรถยนต์ยังมีตัวอยู่ ดังนี้ ศาลจะพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคารถยนต์แก่โจทก์ร่วมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนทรัพย์ที่ได้จากการปล้นทรัพย์ ศาลพิจารณาจากคำขอท้ายฟ้องที่รวมราคาทรัพย์ทั้งหมด แม้จำเลยบางส่วนได้รับการยกฟ้อง
โจรปล้นทรัพย์เงิน 11,962 บาท อาวุธปืนและทรัพย์อย่างอื่นรวมราคา 32,582 บาท จับคนร้ายได้ 2 คน ได้เงิน 5,233 บาทจากจำเลยที่ 1 และได้อาวุธปืน 1 กระบอกจากจำเลยที่ 2 โจทก์ขอให้ศาลสั่งคืนเงิน 5,233 บาท และอาวุธปืนที่จับได้จากจำเลยทั้งสองแก่เจ้าทรัพย์ และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 24,849 บาท แก่เจ้าทรัพย์ ศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 คืนเงิน 5,233 บาทแก่จำเลยที่ 1 ไป เมื่อเงินจำนวน 5,233 บาทที่จับได้จากจำเลยที่ 1 จะเอามาคืนหรือใช้ให้แก่เจ้าทรัพย์ไม่ได้เพราะศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 และคืนเงินจำนวนนี้ให้จำเลยที่ 1 ไป ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ยังต้องคืนหรือใช้เงินจำนวน 5,233 บาทแก่เจ้าทรัพย์ตามความหมายในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ทั้งหมดนั้นด้วย.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดอาญา แม้ศาลยกฟ้องจำเลยบางส่วน ก็ต้องถือว่าจำเลยที่เหลือมีหน้าที่คืนทรัพย์สินทั้งหมด
โจรปล้นทรัพย์เงิน 11,962 บาท อาวุธปืนและทรัพย์อย่างอื่นรวมราคา 32,582 บาท จับคนร้ายได้ 2 คน ได้เงิน 5,233 บาท จากจำเลยที่ 1 และได้อาวุธปืน 1 กระบอกจากจำเลยที่ 2 โจทก์ขอให้ศาลสั่งคืนเงิน 5,233 บาท และอาวุธปืนที่จับได้จากจำเลยทั้งสองแก่เจ้าทรัพย์ และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 24,849 บาท แก่เจ้าทรัพย์ ศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1คืนเงิน 5,233 บาทแก่จำเลยที่ 1 ไปเมื่อเงินจำนวน 5,233 บาทที่จับได้จากจำเลยที่ 1 จะเอามาคืนหรือใช้ให้แก่เจ้าทรัพย์ไม่ได้เพราะศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 และคืนเงินจำนวนนี้ให้จำเลยที่ 1 ไปก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ยังต้องคืนหรือใช้เงินจำนวน 5,233 บาทแก่เจ้าทรัพย์ตามความหมายในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ทั้งหมดนั้นด้วย(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์แทนผู้อื่นและสิทธิในการคืนทรัพย์เมื่อผู้รับประโยชน์บรรลุนิติภาวะ โดยสถานะบิดาโดยพฤตินัยมิอาจเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม
บิดาโดยพฤตินัย อยู่กินกับมารดาโจทก์โดยมิได้จดทะเบียนสมรสแม้จะได้ปกครองเลี้ยงดูโจทก์ตลอดมาก็ไม่อาจเป็นบิดาหรือเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายได้
จำเลยครอบครองทรัพย์สินแทนโจทก์อยู่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนาจะยึดถือดังกล่าวต่อไป หรือฝ่ายจำเลยครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอกตราบนั้นจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของ
โจทก์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม ฟ้องเรียกมรดกเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วสามเดือนเศษแม้เจ้ามรดกจะตายมาสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังไม่ขาดอายุความ
จำเลยครอบครองทรัพย์สินแทนโจทก์อยู่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนาจะยึดถือดังกล่าวต่อไป หรือฝ่ายจำเลยครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอกตราบนั้นจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของ
โจทก์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม ฟ้องเรียกมรดกเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วสามเดือนเศษแม้เจ้ามรดกจะตายมาสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินพร้อมมอบทรัพย์เป็นประกัน เมื่อเสนอชำระหนี้แล้ว เจ้าหนี้ต้องคืนทรัพย์ประกันให้ทันที
จำเลยกู้เงินโจทก์ มอบปืนให้ไว้เป็นประกันการชำระหนี้ เมื่อจำเลยเสนอขอชำระหนี้เงินกู้ โจทก์ก็ต้องคืนปืนที่เป็นประกันให้ จะให้จำเลยชำระหนี้เสียก่อน ส่วนปืนจะคืนภายหลังหาได้ไม่ ฉะนั้น เมื่อโจทก์ไม่ยอมคืนปืน ก็ถือว่าจำเลยไม่ผิดนัด ยังไม่ต้องชำระหนี้เงินกู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมรู้ร่วมคิดชิงทรัพย์: ผู้สมรู้ต้องรับผิดร่วมกับตัวการในการคืนทรัพย์
ผู้ที่มีผิดแม้เพียงฐานสมรู้ ก็ต้องร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์กับผู้ที่มีผิดฐานเป็นตัวการด้วยเหมือนกัน
ความผิดฐานสมรู้ในการชิงทรัพย์ ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 และ 86 เพราะเป็นบทกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยว่า กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298 และ 65
ความผิดฐานสมรู้ในการชิงทรัพย์ ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 และ 86 เพราะเป็นบทกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยว่า กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298 และ 65