คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าธรรมเนียมศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6167/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดเวลาวางค่าธรรมเนียมศาลและการดำเนินการตามกระบวนพิจารณา แม้มีการอุทธรณ์คำสั่ง
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่กำหนดเวลาให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลมิใช่เป็นการขยายเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23อันจะทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและจะต้องทำก่อนสิ้นระยะเวลานั้นศาลมีอำนาจโดยทั่วไปที่จะกำหนดระยะเวลาได้ การยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวมิได้มีผลทำให้คำสั่งศาลชั้นต้นหรือสิทธิในการวางเงินค่าธรรมเนียมต้องสะดุดหยุดอยู่จนกว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นไม่ หากศาลฎีกามีคำสั่งเป็นอย่างอื่นย่อมลบล้างคำสั่งของศาลชั้นต้นไปในตัว ดังนั้น ศาลชั้นต้นจึงไม่ต้องรอฟังคำสั่งของศาลฎีกาก่อนมิฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นก็จะไร้ผล การที่จำเลยจะรอคำสั่งของศาลฎีกาโดยที่มิได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นก่อนจึงไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขออุทธรณ์ค่าธรรมเนียมศาลในฐานะคนยากจน จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานใหม่ที่ต่างจากเดิม
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งแม้หลักทรัพย์ดังกล่าวจะติดจำนองอยู่แก่ธนาคารและจำเลยยังไม่มีเงินไถ่ถอน ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยากจนที่ไม่อาจเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว กลับยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจน แต่ตามคำร้องที่ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานหลักฐานใหม่ไม่ปรากฏว่าเหตุที่จำเลยอ้างตามคำร้องเป็นเหตุอื่นนอกเหนือไปจากที่เคยอ้างไว้เดิม ตามพฤติการณ์ย่อมเป็นที่เห็นได้อยู่ในตัวว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติมไปจากที่ศาลชั้นต้นเคยวินิจฉัยแล้ว ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่ของจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6415/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลที่ชอบด้วยกฎหมาย และการส่งคำร้องอุทธรณ์ที่ไม่ถูกต้อง
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาล เนื่องมาจากศาลฎีกามีคำสั่งให้ยก คำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเสียนั้น มิใช่คำสั่งในเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ดำเนินคดี อย่างคนอนาถาในชั้นฎีกา อันจะต้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคท้าย แต่เป็นการสั่งไปตามที่ ป.วิ.พ. มาตรา 23 ให้อำนาจไว้ หากจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว จะต้องอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ ตามมาตรา 223 ที่ศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยมายังศาลฎีกาจึงไม่ชอบ
การขอขยายหรือย่นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ใน ป.วิ.พ. หรือตามที่ศาลกำหนดไว้หรือระยะเวลาที่เกี่ยวด้วย วิธีพิจารณาความแพ่งอันกำหนดไว้ในกฎหมายอื่นเพื่อให้ดำเนินหรือมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ก่อนสิ้น ระยะเวลานั้น ให้พึงทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ และศาลได้มีคำสั่งหรือคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีมีเหตุสุดวิสัย ตามนัยแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 23
จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลเมื่อสิ้นระยะเวลาที่ศาลฎีกาได้กำหนดไว้เพื่อให้จำเลยชำระเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวแล้ว เมื่อจำเลยฎีกาว่า เหตุที่ไม่ได้ชำระภายในกำหนดเพราะหลงผิดไปว่าศาลชั้นต้นจะแจ้งคิดรายการจำนวนเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องเสียเท่าไรให้จำเลยทราบอีกครึ่งหนึ่งนั้น มิได้เป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยที่จำเลยไม่อาจยื่นคำร้องก่อนสิ้นระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2883/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาวางค่าธรรมเนียมศาล การไม่ถือเหตุผลเรื่องการขอยืมเงินเป็นเหตุสุดวิสัย
จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้ว โดยอ้างเหตุผลว่าเพิ่งจะขอยืมเงินจากผู้อื่นได้เมื่อพ้นเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์และรับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2883/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลเกินกำหนด และเหตุสุดวิสัยที่ไม่เพียงพอ
จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้ว โดยอ้างเหตุผลว่าเพิ่งจะขอยืมเงินจากผู้อื่นได้ เมื่อพ้นเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์และรับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2883/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลและการรับอุทธรณ์ หากพ้นกำหนดต้องมีเหตุสุดวิสัย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์เป็นเงินจำนวน 2,500 บาท นอกจากนี้ยกเว้นให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้ โดยให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาชำระ ภายใน 30 วัน คือภายในวันที่ 25 กรกฎาคม 2540 แต่เมื่อครบกำหนด จำเลยไม่ได้วางค่าธรรมเนียมศาล จำเลยมายื่นคำร้องขอวางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวในวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 และตามเหตุผลในคำร้องดังกล่าวพอถือได้ว่าเป็นคำร้องขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่งตามบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอขยาย ระยะเวลาการวางค่าธรรมเนียมศาลภายในกำหนดเวลาคือวันที่ 25 กรกฎาคม2540 หากพ้นกำหนดจำเลยจะสามารถยื่นคำร้องได้ต่อเมื่อมีเหตุสุดวิสัย ฉะนั้น เมื่อจำเลยยื่นคำร้องนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้ว และเหตุผลตาม คำร้องที่อ้างว่าเพิ่งจะขอยืมเงินจากผู้อื่นได้เมื่อพ้นเวลาที่ศาลชั้นต้น กำหนดแล้วถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์และรับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8586/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำค่าธรรมเนียมศาลพร้อมอุทธรณ์ หากไม่ปฏิบัติตาม ศาลมีสิทธิไม่รับวินิจฉัย
เป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ที่จะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 229 ผู้อุทธรณ์จะอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ศาลที่ไม่ได้แจ้งค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนให้ผู้อุทธรณ์ทราบหาได้ไม่ ทั้งกรณีมิใช่เรื่องการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วนตาม มาตรา 18 ซึ่งศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อน เมื่อโจทก์ผู้อุทธรณ์ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8586/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ผู้อุทธรณ์ในการวางค่าธรรมเนียมศาลพร้อมอุทธรณ์ หากไม่ปฏิบัติตาม ศาลมีสิทธิไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ได้
เป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ที่จะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ผู้อุทธรณ์จะอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ศาลที่ไม่ได้แจ้งค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนให้ผู้อุทธรณ์ทราบหาได้ไม่ ทั้งกรณีมิใช่เรื่องการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา 18ซึ่งศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อน เมื่อโจทก์ผู้อุทธรณ์ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3503/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีอย่างคนอนาถา: การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาต และการพิจารณาฐานะทางการเงินของผู้ขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใน ชั้นฎีกาของจำเลยแล้ว จำเลยต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลฎีกาภายใน กำหนด เจ็ดวัน นับแต่วันมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้ายเพราะเป็นเรื่องอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลฎีกา การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ จึงเป็นการไม่ชอบกรณีเช่นนี้ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไปให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่งต่อไป ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องเสียเอง จึงไม่ชอบเช่นกัน ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของ ประชาชนศาลฎีกาย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5),246 และ 247 โดยให้เพิกถอนคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่สั่งยกคำร้องดังกล่าว
จำเลยฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งพอถือได้ว่าจำเลยประสงค์จะขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น อันเป็นเรื่องอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลฎีกา เพราะจำเลยได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ดำเนินคดี อย่างคนอนาถาภายในกำหนดแล้ว ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยปัญหาตามอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ของจำเลยให้ แม้ขณะยื่นฎีกาจำเลยจะอยู่ในฐานะลำบาก กิจการที่ดำเนินการอยู่ต้องลดสัดส่วนและต้องนำรายได้มาเป็นค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง ทั้งมีหนี้สินถูกฟ้อง หลายคดี ทุนทรัพย์ประมาณ 1,000 ล้านบาท หลักทรัพย์ถูกยึดเป็นประกันหนี้จำนอง และมีราคาลดลง และจำเลยยังมีภาระอุปการะเลี้ยงดูบุตรก็ตาม แต่เมื่อจำเลยยังดำเนินกิจการ มีรายได้ ตลอดจนมีทรัพย์สินอยู่ ประกอบกับในชั้นอุทธรณ์จำเลยก็สามารถเสียค่าธรรมเนียม ศาลได้ กรณีจึงยังไม่เป็นที่พอใจว่าจำเลยเป็นคนยากจนไม่สามารถเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ศาลฎีกาจึงไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาถ้าจำเลยประสงค์จะ ดำเนินคดีในชั้นฎีกาต่อไป ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมชั้นฎีกามาชำระต่อศาลชั้นต้น ภายในเวลาที่ศาลฎีกากำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2160/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ เนื่องจากมิได้วางค่าธรรมเนียมศาลพร้อมอุทธรณ์ แม้ศาลจะไม่อนุญาตขยายเวลา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 บัญญัติบังคับ ไว้ให้ผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความ อีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียม ที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลให้ครบถ้วนพร้อมกับ อุทธรณ์ย่อมเป็นการไม่ชอบ จำเลยยื่นอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายกำหนดระยะเวลา ที่จะนำเงินค่าธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 มาวางศาลแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องเพราะไม่มีพฤติการณ์พิเศษแม้ต่อ มาหลังจากครบกำหนดอายุอุทธรณ์ จำเลยจะได้นำเงิน ค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลก็ตาม แต่ก็เป็น เวลาภายหลังที่ศาลสั่งไม่รับอุทธรณ์แล้วกรณีเช่นว่านี้ ศาลชั้นต้นที่จะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยได้ทันที เพราะไม่ใช่เรื่องการมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาล โดยถูกต้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ซึ่งศาลจะต้องสั่งให้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ ถูกต้องครบถ้วนเสียก่อนที่จะสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความ
of 15