คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าไถ่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 54 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานจับคนเรียกค่าไถ่ สำเร็จเมื่อลักพาตัวโดยเจตนาเรียกค่าไถ่ แม้ยังไม่ได้เรียก
จับคนไปเพื่อเรียกค่าไถ่เป็นความผิดสำเร็จเมื่อนำตัวคนไปโดยเจตนาพิเศษเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ แม้ยังไม่ได้ติดต่อเรียกค่าไถ่ก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1925/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล่อยตัวผู้ถูกลักพาตัวก่อนมีคำพิพากษา ทำให้ความผิดฐานลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่สิ้นสุดลง
จำเลยกับพวกร่วมกันเอาตัวผู้เสียหายไปโดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ขณะคุมตัวผู้เสียหายไปกลางทาง ผู้เสียหายนั่งร้องไห้จำเลยเห็นใจ ได้พูดกับพี่สาวของจำเลยว่าจะส่งคืนผู้เสียหายให้แก่พ่อแม่จำเลยเอาผู้เสียหายไปพักที่บ้าน ป. ว่าจะไปเอารถมารับแล้วออกจากบ้านไปกับพี่สาว ต่อมาพี่สาวจำเลยกลับมาบอกผู้เสียหายให้หลบหนีไปกันเอง โดยชี้ทางให้ ดังนี้เป็นการที่ผู้เสียหายได้รับเสรีภาพเนื่องจากจำเลยปล่อยตัวให้ผู้เสียหายพักอยู่ที่บ้าน ป. และพี่สาวจำเลยได้บอกให้หลบหนีโดยชี้ทางให้ถือได้ว่าจำเลยได้จัดให้ผู้เสียหายได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าไถ่ทรัพย์สินที่ถูกลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นราคาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียจากการรับของโจร
โจทก์ฟ้องว่าขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาเครื่องพิมพ์ดีดเป็นเงิน 1,500 บาทแก่ผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายได้ไถ่เครื่องพิมพ์ดีดคืนมาแล้วจากโรงรับจำนำเป็นเงิน 350 บาท เงินค่าไถ่ที่ผู้เสียหายเสียไปนี้ มิใช่ทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไป เนื่องจากการกระทำผิดรับของโจรของจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 จึงไม่พิพากษาให้จำเลยใช้เงินค่าไถ่แก่ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่ผู้ขายฝากออกจากเรือนหลังขายฝากแล้วไม่ชำระค่าไถ่
ผู้ซื้อฝากฟ้องขับไล่ผู้ขายฝากที่อยู่ในเรือนที่ขายฝากโดยไม่มีสิทธิได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวให้ออกไปก่อน
ฟ้องขับไล่จากเรือนโดยอ้างว่าจำเลยเช่าจากโจทก์ ได้ความว่าจำเลยไม่ได้เช่า แต่ได้อยู่ในเรือนของโจทก์โดยไม่มีสิทธิ ศาลพิพากษาขับไล่ได้ไม่นอกฟ้อง
ชั้นอุทธรณ์โจทก์มิได้แก้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จะให้จำเลยใช้ค่าทนายความแทนโจทก์ไม่ได้
จำเลยขายฝากเรือนแก่โจทก์ชำระค่าไถ่เรือนบางส่วนในกำหนดแต่ส่วนที่เหลือจำเลยมิได้ชำระจนเกินกำหนดไถ่คืนเรือนตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่โจทก์เด็ดขาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับเงินค่าไถ่โดยมีส่วนได้เสียกับคนร้าย ไม่ถือเป็นความช่วยเหลือโดยสุจริต
รับเงินจากผู้เสียหายไปให้คนร้ายเป็นค่าไถ่โดยมีส่วนได้เสียร่วมกับคนร้าย ไม่ใช่ช่วยเหลือผู้เสียหายโดยสุจริต เป็นความผิดตามมาตรา 315

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากตัวเด็กเรียกค่าไถ่: เจตนาเพื่อหากำไรเป็นสำคัญ
จำเลยใช้อุบายหลอกลวงเอาตัวผู้เสียหายไป แล้วมาหามารดาของผู้เสียหายเรียกเอาเงินค่าไถ่ตัวผู้เสียหาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคแรก เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาเพื่อหากำไรด้วย จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 319อีกบทหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778-1779/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานจับคนเรียกค่าไถ่: พฤติการณ์สำคัญกว่ากรรโชกธรรมดา
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า คนร้าย 7 คนไปที่บ้านผู้เสียหาย 2 คน อยู่ข้างล่าง 5 คน ซึ่งมีจำเลยทั้งสองอยู่ด้วยขึ้นไปบนเรือน พวกจำเลยคนหนึ่งเรียกเอาเงิน 2,000 บาท ครั้นผู้เสียหายว่าไม่มี พวกจำเลยคนนั้นจึงใช้ปืนจี้พาผู้เสียหายลงเรือนไป โดยบอกภรรยาผู้เสียหายว่าถ้าต้องการสามีคืนให้หาเงินจำนวนดังกล่าวไปให้ เมื่อคนร้ายไปแล้ว มีผู้ช่วยพาภรรยาผู้เสียหายติดตามไปนำเงิน 100 บาท ไปด้วยเพื่อไถ่ตัวผู้เสียหาย เมื่อไปพบจำเลยกับพวกนั่งอยู่กลางทุ่งนา ภรรยาผู้เสียหายเอาเงินจำนวนนั้นมอบให้แก่พวกจำเลยคนที่เป็นผู้เรียกเงิน แต่พวกจำเลยไม่ยอมปล่อยตัวผู้เสียหายจนกว่าจะได้เงินครบตามที่เรียกร้อง ภรรยาผู้เสียหายจึงแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่รับผิดชอบให้ดำเนินคดีต่อไปพฤติการณ์ดังนี้ถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดฐานจับคน(อายุเกิน 13 ปี)ไปเรียกค่าไถ่ หาใช่กรรโชกธรรมดาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานรับของโจร: การเรียกค่าไถ่กระบือที่ถูกลักไป แม้รายละเอียดวันเวลาในฟ้องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้
ในคดีลักทรัพย์หรือรับของโจรที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า ข้อ 1 วันที่ 17 เมษายน 2507 มีคนร้ายลักกระบือไป ข้อ 2 วันที่ 19 เมษายน 2507 จำเลยได้รับเงินเป็นค่าไถ่กระบือแล้วนำกระบือมาคืน ทั้งนี้ตามวันเวลาดังกล่าวในข้อ 1 จำเลยเป็นคนร้ายลักเอากระบือไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นตามวันเวลาดังกล่าวใน ข้อ 1 ถึงวันที่ 19 เมษายน 2507 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยรับเอากระบือรายนี้ไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายได้มาโดยการกระทำผิดต่อกฎหมายอันเข้าลักษณะลักทรัพย์ จำเลยให้การปฏิเสธและนำสืบต่อสู้ว่าไถ่มาจากบุคคลอื่น เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้นำกระบือของผู้เสียหายไปซ่อนแล้วเรียกค่าไถ่จริง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 (ฐานรับของโจร) เช่นนี้ การที่โจทก์กล่าวในฟ้องข้อ 2 ว่าจำเลยรับเงินค่าไถ่และคืนกระบือให้แก่ผู้เสียหายในวันที่ 19 เมษายน 2507 แต่ทางพิจารณาได้ความเป็นวันที่ 18 เมษายน 2507 นั้น ถือว่าเป็นการบรรยายรายละเอียดมิใช่ข้อสารสำคัญ และทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ คดีลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: การเรียกค่าไถ่กระบือที่ถูกลักย้อมทรัพย์ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357
ในคดีลักทรัพย์หรือรับของโจรที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อ 1. วันที่ 17 เมษายน 2507 มีคนร้ายลักกระบือไป ข้อ 2. วันที่ 19 เมษายน 2507 จำเลยได้รับเงินเป็นค่าไถ่กระบือแล้วนำกระบือมาคืน ทั้งนี้ตามวันเวลาดังกล่าวในข้อ 1. จำเลยเป็นคนร้ายลักเอากระบือไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นตามวันเวลาดังกล่าวในข้อ 1.ถึงวันที่ 19 เมษายน 2507 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยรับเอากระบือรายนี้ไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายได้มาโดยการกระทำผิดต่อกฎหมายอันเข้าลักษณะลักทรัพย์จำเลยให้การปฏิเสธและนำสืบต่อสู้ว่าไถ่มาจากบุคคลอื่นเมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้นำกระบือของผู้เสียหายไปซ่อนแล้วเรียกค่าไถ่จริงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 (ฐานรับของโจร) เช่นนี้ การที่โจทก์กล่าวในฟ้องข้อ 2.ว่าจำเลยรับเงินค่าไถ่และคืนกระบือให้แก่ผู้เสียหายในวันที่ 19 เมษายน 2507 แต่ทางพิจารณาได้ความเป็นวันที่ 18 เมษายน 2507 นั้น ถือว่าเป็นการบรรยายรายละเอียดมิใช่ข้อสารสำคัญ และทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้คดีลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองโคที่หลงฝูง และการเรียกค่าไถ่ ไม่เข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
โจทก์ฟ้องว่า มีผู้ลักโคของผู้เสียหายไป ต่อมาเจ้าทรัพย์และพวกพบโคที่ถูกคนร้ายลักไปอยู่ในความครอบครองของจำเลย โดยจำเลยนำโคนั้นมาให้เจ้าทรัพย์ และเอาเงินจำนวน 800 บาทจากเจ้าทรัพย์เป็นค่าไถ่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335,337
ทางพิจารณาฟังได้ว่าโคของผู้เสียหายนั้นตามโคตัวเมียในฝูงของจำเลยไป จำเลยบอกผู้เสียหายให้ไปเอาโคคืน โดยขอเงินค่าไถ่จากผู้เสียหายแล้วจำเลยคืนโคให้ ไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยลักโค ดังนี้ จะลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ย่อมไม่ได้ และการที่จำเลยรับเงินค่าไถ่โคจากผู้เสียหาย แม้จะด้วยเจตนาทุจริตและคืนโคให้ผู้เสียหายไป ก็ไม่เป็นความผิดฐานรับของโจรเพราะฟังไม่ได้เสียแล้วว่าโคของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักไปแล้วจำเลยรับไว้ ศาลก็ต้องยกฟ้อง
of 6