คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค้าประเวณี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 86 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมหลอกลวงพาผู้อื่นไปค้าประเวณี โดยมีเจตนาช่วยเหลือและนัดหมายล่วงหน้า
จำเลยพาผู้เสียหายและนางสาวพ. ขึ้นรถจากอำเภอก. ไปลงที่สี่แยกอำเภอน.พบผู้หญิงคนหนึ่งรออยู่ จำเลยลงจากรถไปพบพูดกับผู้หญิงนั้นถึงครึ่งชั่วโมง โดยผู้เสียหายไม่รู้ถึง เรื่องที่พูดจากัน แล้วจำเลยให้ผู้เสียหายและนางสาวพ. ไปกับผู้หญิงนั้น ผู้หญิงคนนั้นพาผู้เสียหายและนางสาวพ. ตระเวนไปตามแหล่งที่มีผู้หญิงค้าประเวณีและพาไปที่ ซ่องโสเภณี ดังนี้ พฤติการณ์เห็นได้ว่าผู้หญิงคนนั้นมิใช่เจตนาพาไปหางานที่สุจริต แต่เป็นการพาไปเพื่อให้ผู้เสียหายค้าประเวณีอันอยู่ในความหมายของคำว่าพาไปเพื่อการอนาจาร และจำเลยกับผู้หญิงนั้นได้นัดหมายกันไว้ล่วงหน้าแล้ว และหากจำเลยมีเจตนาพาผู้เสียหายไปทำงานสุจริต ก็น่าจะพูดจากับผู้หญิงที่มารับตัวต่อหน้าผู้เสียหายให้ได้รับรู้ด้วย พฤติการณ์ของจำเลยที่ได้นัดหมายกับผู้หญิงคนนั้นให้มารับตัวผู้เสียหาย และได้มีการพูดจากันเป็นส่วนตัวก่อนที่จะพาผู้เสียหายไปเช่นนี้เป็นข้อบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยย่อมรู้แล้วว่า ผู้หญิงคนนั้นจะพาผู้เสียหายไปเพื่อการใดถือได้ว่าจำเลยมีส่วนร่วมในการหลอกลวงผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร อันเป็นตัวการในการกระทำผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงผู้เยาว์เพื่อค้าประเวณีถือเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ
จำเลยกับพวกใช้อุบายหลอกลวงนางสาว ป. กับนางสาว จ.ผู้เยาว์อ้างว่าจะพาไปทำงานแต่กลับพาไปขายให้เป็นหญิงโสเภณี ดังนี้เห็นได้ว่า ที่จำเลยหลอกลวงผู้เยาว์ทั้งสองก็โดยเจตนาจะให้เกิดผลต่างกรรมกัน แม้จะพาผู้เยาว์ทั้งสองไปในครั้งเดียวคราวเดียวก็เป็นการกระทำต่อผู้เยาว์แต่ละคนโดยเฉพาะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ จำเลยมีความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารรวม 2 กระทง ความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสองกับความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ตาม ป.อ. มาตรา 318 วรรคสาม เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำรงชีพจากรายได้ค้าประเวณี ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยไม่มีปัจจัยอื่นเพียงพอ
ความผิดฐาน ดำรงชีพ จากรายได้ของหญิงซึ่ง ค้าประเวณีตามป.อ. มาตรา 286 นั้น จะต้อง ได้ความว่าจำเลยไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ หรือไม่มีปัจจัยอันพอเพียงสำหรับดำรงชีพจึงจะลงโทษจำเลยได้ เมื่อโจทก์นำสืบได้ แต่ เพียงว่าจำเลยได้รับเงิน ค่าบริการจากหญิงซึ่ง ค้าประเวณีเท่านั้น โดย ไม่ นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ หรือไม่มีปัจจัย อันพอเพียงสำหรับดำรงชีพ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด ฐาน ดำรงชีพ อยู่ จากรายได้ของหญิงซึ่ง ค้าประเวณี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามพาหญิงออกนอกประเทศเพื่อค้าประเวณี ขั้นตอนการกระทำและความใกล้ชิดต่อความสำเร็จ
จำเลยกับพวกประสงค์จะหาผู้เสียหายทั้งสองออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม แต่ จำเลยถูก จับกุมเสียก่อนที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ ในขณะที่จำเลยกำลังเข้าแถวขอรับบัตรเลขที่นั่งในเครื่องบินสำหรับจำเลยและผู้เสียหายทั้งสองการกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าว เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการพาผู้เสียหายทั้งสองออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม เป็นการกระทำที่ใกล้ชิดต่อ ความผิดสำเร็จที่จะเกิดขึ้น จึงต้อง ถือ ว่าการกระทำของจำเลยกับพวกพ้นขั้นตระเตรียมการเข้าสู่การลงมือกระทำความผิดแล้ว หากแต่ ยังไม่สำเร็จเพราะมีเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้เสียก่อน เช่นนี้ ย่อมเป็นความผิดฐาน พยายามพาหญิงออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม ตามฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามพาหญิงออกนอกประเทศเพื่อการค้าประเวณี: ขั้นตอนสุดท้ายของการกระทำความผิด
จำเลยพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงเดินทางจากที่พักไปยัง ท่าอากาศยานกรุงเทพ โดยจำเลยประสงค์จะพาผู้เสียหายออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรม แต่จำเลยถูกจับกุมเสียก่อนที่ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ในขณะที่จำเลยกำลังเข้าแถวขอรับบัตรเลขที่นั่งเครื่องบินสำหรับจำเลยและผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการพาผู้เสียหายออกไปจากประเทศ ไทย และใกล้ชิดต่อความผิดสำเร็จที่จะเกิดขึ้น พ้นขั้นตระเตรียมการแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามพาหญิงออกไปจากประเทศ ไทย เพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. 2471 มาตรา 4ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4021/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกทำนองแย่งการครอบครองในคดีค้าประเวณี การพิเคราะห์เจตนาและความชอบด้วยเหตุผล
น. มีอาชีพหาหญิงโสเภณีบริการแก่ผู้ชาย ส่วนผู้เสียหายเป็นหญิงโสเภณีที่อยู่กับ น.จำเลยทั้งห้าไปที่บ้านเกิดเหตุของผู้เสียหายโดยการชักชวนของ น. ที่ต้องการได้รับผลประโยชน์ส่วนแบ่งตอบแทนจากผู้เสียหายที่ให้บริการค้าประเวณีกับจำเลย ดังนี้ การที่จำเลยเข้าไปบ้านที่เกิดเหตุดังกล่าว จึงมิใช่เป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุสมควร ส่วนการที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ดึงประตูห้องพักผู้เสียหายไม่ยอมให้ผู้เสียหายปิดประตูใส่กลอนได้ เพราะสาเหตุจากตกลงราคาค่าจ้างร่วมประเวณีกันไม่ได้หรือเพราะต้องการให้จำเลยที่ 1 ออกจากห้องพักของผู้เสียหายก็ตาม พฤติการณ์ดังกล่าวเมื่อประกอบกับบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ติดกับทางเดินซึ่งใช้ร่วมกันระหว่างผู้เช่าห้องพักที่อยู่ชั้นล่าง และผู้ที่จะมาพบผู้เช่าห้อง ดังนี้รูปคดีจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5มีเจตนารบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายโดยปกติสุข

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5410/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานค้าประเวณีและพรากเด็ก: การกระทำเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม
การที่จำเลยหาผู้เสียหายไปขายให้แก่ จ. ซึ่งเป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณีเพื่อให้ผู้เสียหายค้าประเวณี ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดให้เกิดผลเป็นกรรมในความผิดฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยใช้อุบายหลอกลวงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสาม ฐานหนึ่งแล้ว และขณะเดียวกันการที่จำเลยพรากผู้เสียหายไปเสียจากมารดาของผู้เสียหาย จำเลยก็มีเจตนากระทำความผิดให้เกิดผลเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีไปเสียจากอำนาจ ปกครองของมารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร เพื่อการอนาจารตามมาตรา 317 วรรคสามอีกฐานหนึ่งต่างหากจากความผิดตามมาตรา 283 วรรคสาม มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวกัน
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 กับพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 มาตรา 8 จำเลยกระทำเพียงครั้งเดียวและเกิดผลเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3704/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธุรกิจจัดหางานผิดกฎหมาย: การจัดหางานค้าประเวณีไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.จัดหางาน
การประกอบธุรกิจหางานให้แก่คนงานตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2511 นั้น หมายถึงงานหรือการประกอบธุรกิจที่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้เสียหายทั้งสองได้รับการติดต่อจากจำเลยให้ไปค้าประเวณีที่ต่างประเทศ จึงเป็นงานรับจ้างเขาทำเมถุนกรรมที่ผิดกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3142/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานดำรงชีพจากค้าประเวณีและเป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณี จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุนคำให้การ
ความผิดฐานดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286 นั้น เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพหรือไม่มีปัจจ่ัยอันเพียงพอสำหรับดำรงชีพ จำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาลโจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความดังกล่าวให้สมฟ้องจึงจะลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4302/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานค้าประเวณีและดำรงชีพจากรายได้จากการค้าประเวณี: การใช้บทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90
ข้อหาความผิดฐานเป็นเจ้าของและผู้จัดการสถานการค้าประเวณีและความผิดฐานดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณีของจำเลยเองนั้นเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แม้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ฎีกา แต่การปรับบทลงโทษเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้
of 9