คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จดทะเบียนโอน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 48 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5607/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: สิทธิในการฟ้องขอให้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เมื่อมีข้อตกลงเรื่องวันจดทะเบียน
โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม2528 โดยมีการตกลงกันว่าจำเลยจะต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2529 จึงมิใช่การซื้อขายเสร็จเด็ดขาดแต่เป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขายไม่เป็นโมฆะ และโจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ตามข้อตกลงได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5607/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินที่ไม่เป็นโมฆะ และสิทธิในการฟ้องขอให้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์
โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม2528 โดยมีการตกลงกันว่าจำเลยจะต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2529 จึงมิใช่การซื้อขายเสร็จเด็ดขาดแต่เป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขายไม่เป็นโมฆะ และโจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ตามข้อตกลงได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายโดยชำระด้วยหินทราย การชำระหนี้ครบถ้วน และสิทธิในการจดทะเบียนโอน
จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดินพิพาทจากโจทก์โดย การส่งหินทรายให้โจทก์เป็นการชำระราคาครบถ้วนแล้วกรณีถือ ว่าจำเลยได้ ชำระหนี้ตาม สัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดินพิพาทนั้นให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยจึงมีอำนาจฟ้องบังคับให้โจทก์จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้จำเลยได้ โดย หาจำเป็นต้อง มีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อโจทก์ฝ่ายต้อง รับผิดจึงจะฟ้องบังคับคดีได้ แต่ ประการใดไม่ ทั้งนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2141/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงเจตจงใจเท็จเพื่อรับมรดก ทำให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์โดยมิชอบ
จำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องต่อ เจ้าพนักงานที่ดินขอรับมรดกที่ดินมีโฉนด แล้วจำเลยทั้งสี่ให้ถ้อยคำและยืนยันรับรองบัญชีเครือญาติต่อ เจ้าหน้าที่ที่ดินที่สอบสวนที่ดินมรดกว่า ผู้ตายมีทายาทเพียง 4 คน คือ จำเลยทั้งสี่ อันเป็นเท็จ ซึ่ง ความจริงจำเลยทั้งสี่ต่าง ทราบดี อยู่แล้วว่าผู้ตายยังมีบุตรสาวอีก 2 คน เป็นทายาทโดยธรรม เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 ถึง ที่ 4 ตาม คำขอของจำเลยทั้งสี่ทำให้กรมที่ดินและบุตรสาวอีก 2 คน ของผู้ตายเสียหาย จำเลยทั้งสี่ย่อมมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 และกรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จในวันที่กระทำความผิดนั้นเอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์หลังเกิดเหตุ และความสุจริตของผู้ร้องในการซื้อขาย
ผู้ร้องจดทะเบียนรับโอนรถยนต์ของกลางมาจากผู้ให้เช่าซื้อหลังจากทราบว่าจำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำผิดและถูกเจ้าพนักงานยึดไว้ ส่อให้เห็นความไม่สุจริตของผู้ร้องทั้งคดียังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด จึงคืนรถยนต์ของกลางที่สั่งริบให้ผู้ร้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1900/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งทรัพย์สินหลังหย่า: แม้ยังมิได้จดทะเบียนโอน แต่หากมีหลักฐานการแบ่งทรัพย์สินโดยสุจริต ศาลต้องรับฟังพยาน
ผู้ร้องอ้างว่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์นำยึดเดิมเป็นสินสมรสของจำเลยกับผู้ร้อง ต่อมาจำเลยกับผู้ร้องตกลงหย่าขาดจากกันและทำบันทึกยกที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ร้อง แต่ยังมิได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นของผู้ร้อง เช่นนี้หากฟังได้ดังที่ผู้ร้องอ้าง กรณีก็มิใช่เป็นการยกให้โดยเสน่หา แต่เป็นการแบ่งทรัพย์สินกันระหว่างสามีภริยาตาม ป.พ.พ. มาตรา 1532 แม้ยังมิได้จดทะเบียนการได้มาก็ต้องฟังพยานทั้งสองฝ่ายให้สิ้นกระแสความ การที่ศาลงดสืบพยานผู้ร้องและพิพากษาให้ผู้ร้องเป็นฝ่ายแพ้คดีนั้นย่อมเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ผิดพลาด การเพิกถอนโฉนด และความรับผิดของผู้เกี่ยวข้อง
ผู้รับมอบอำนาจตายก่อนจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ หนังสือมอบอำนาจย่อมระงับสิ้นไปหรือหมดสภาพไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 826 จำเลยร่วมซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินทราบแล้วว่าผู้มอบอำนาจตายแต่ยังดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินจนเสร็จสิ้น ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยร่วมเป็นการปฏิบัติราชการในหน้าที่ฝ่าฝืนกฎหมายเป็นการละเมิดต่อโจทก์ เมื่อจำเลยร่วมเป็นข้าราชการในสังกัดของกรมที่ดินจำเลยที่ 1 ทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่เป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย จำเลยที่ 1 ย่อมต้องร่วมรับผิดด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76
กรมที่ดินย่อมมีอำนาจสั่งเพิกถอนและแก้ไขรายการจดทะเบียนที่ดินและโฉนดที่ดินซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์และแบ่งแยกโฉนดโดยมิชอบ โดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่ระงับสิ้นไปแล้วเพราะผู้มอบอำนาจตายได้ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา61
แม้จำเลยที่ 3 จะซื้อที่พิพาทมาโดยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันทางทะเบียนและเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตก็ตาม แต่โจทก์ก็รับซื้อทรัพย์สินดังกล่าวไว้จากจำเลยที่ 3 โดยสุจริตเช่นกัน เมื่อกรมที่ดินสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนที่พิพาทและโฉนดที่พิพาท เป็นเหตุให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นกลับคืนไปยังเจ้าของที่แท้จริงกรณีเช่นนี้ถือว่า โจทก์ถูกรอนสิทธิ์ จำเลยที่ 3 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 479.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3669/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยมีหน้าที่จดทะเบียนโอนรถยนต์ตามคำพิพากษา แม้กรรมสิทธิ์โอนไปแล้ว แต่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาให้ครบถ้วน
คำพิพากษาของศาลฎีกาที่บังคับให้จำเลยโอนรถยนต์โดยสารพิพาท ให้เป็นชื่อโจทก์เป็นเจ้าของ โดยให้ไปจดทะเบียนโอนนั้น จำเลยย่อม มีหน้าที่ดำเนินการจดทะเบียนโอนรถยนต์โดยสารพิพาทให้เป็นชื่อโจทก์ เป็นเจ้าของ และกระทำการอันจำเป็นเพื่อให้มีการจดทะเบียนได้ตาม คำพิพากษา การที่จำเลยเพียงแต่นำเอาเอกสารหลักฐานการโอนทะเบียนไปมอบไว้ต่อศาลชั้นต้น เพื่อให้โจทก์รับไปจัดการจดทะเบียนเอง ครั้นโจทก์นำไปจัดการปรากฏว่ามีเหตุขัดข้อง เพราะต้องไปดำเนินการต่อเจ้าพนักงานทะเบียนรถยนต์กรมตำรวจเสียก่อน และผู้ที่จะไปจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้คือบุคคลอื่นผู้มีชื่อเป็นเจ้าของในทะเบียน ทั้งต้องนำรถไปตรวจสภาพด้วย จำเลยจึงยังหาได้ดำเนินการจดทะเบียนโอน รถยนต์โดยสารพิพาทให้เป็นชื่อโจทก์ตามคำพิพากษาไม่ แม้ขณะศาล พิพากษารถยนต์โดยสารได้ตกมาอยู่ในความควบคุมของนายทะเบียนขนส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 4 จำเลยจึงได้ดำเนินการทำหลักฐานการโอนทะเบียนให้ต่อนายทะเบียนขนส่งเพื่อให้ คำพิพากษาของศาลมีผลบังคับได้แต่เมื่อตามหลักฐานที่จำเลยทำให้ ไปยังไม่อาจจดทะเบียนโอนรถยนต์โดยสารพิพาทให้เป็นชื่อโจทก์ เป็นเจ้าของได้ เพราะต้องให้บุคคลอื่นผู้มีชื่อเป็นเจ้าของในทะเบียน ไปดำเนินการต่อเจ้าพนักงานทะเบียนรถยนต์กรมตำรวจเสียก่อน จำเลยจึงจะอ้างว่าได้ปฏิบัติชอบด้วยคำพิพากษาแล้วมิได้
หากรถยนต์โดยสารพิพาททรุดโทรมจนไม่อยู่ในสภาพที่จะจดทะเบียนโอนกันได้ ก็ถือได้ว่าเป็นกรณีจำเลยไม่สามารถจดทะเบียน โอนรถยนต์โดยสารพิพาทได้ ซึ่งตามคำพิพากษากำหนดว่าจำเลยจะ ต้องชำระเงินค่ารถพิพาท 2 คัน จำนวน 300,000บาท ให้โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยนั่นเอง จำเลยจะอ้างเอาการที่รถทรุดโทรมเพราะ การใช้ตามปกติของโจทก์มาเป็นข้ออ้างเพื่อไม่ชำระเงินตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วมิได้
แม้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์โดยสารพิพาทได้โอนไปยังโจทก์แล้วตั้งแต่ที่จำเลยส่งมอบแก่โจทก์มิใช่ด้วยการโอนทะเบียนนั้น จำเลยก็ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา คือโอนทะเบียนรถยนต์โดยสารพิพาทให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3479/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ และสิทธิในการรับเงินค่าซื้อขาย
โจทก์จำเลยต่างปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความกันถูกต้องแล้ว โดยจำเลยได้นำโฉนดที่ดินมาวางศาล ส่วนโจทก์ก็ได้ นำเงิน ค่าซื้อที่ดินมาวางศาลครบถ้วนและได้รับโฉนดที่ดินไปแล้ว แต่ตาม สัญญาประนีประนอมยอมความมิได้กำหนดวันเดือนปีที่ จะไป จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินกัน กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลย ผิดนัด ไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์ตามที่ระบุ ใน สัญญาประนีประนอมยอมความและถือไม่ได้ว่าโจทก์ผิดนัดด้วย โจทก์จำเลยจึงต้องกำหนดวันนัดไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันต่อไป และในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันนั้น แม้จำเลยผู้โอนจะต้องเสียภาษีเงินได้ และหากจำเลยไม่ชำระเจ้าพนักงานที่ดินจะไม่ยอมจดทะเบียนโอนตามที่โจทก์ยื่นคำแถลงก็ตาม ก็เป็น เรื่อง กาลภายภาคหน้า ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะดำเนินการในทางอื่น ต่อไปได้ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์จำเลยมิได้ตกลง กันไว้ ให้โจทก์หักหรือกันเงินค่าภาษีเงินได้ที่จำเลยจะต้องเสีย ออกจากเงิน ค่าซื้อที่ดินที่โจทก์นำมาวางศาลแต่อย่างใด โจทก์จึง หามีสิทธิขอให้ ศาลหักหรือกันเงินดังกล่าวไม่ จำเลยมีสิทธิรับเงิน ไปตาม สัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องให้จดทะเบียนโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขาย เป็นคดีอสังหาริมทรัพย์ให้อุทธรณ์ได้
คดีฟ้องให้จดทะเบียนโอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขาย เป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
of 5