คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ชี้สองสถาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 101 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2180/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องหลังชี้สองสถาน: ข้อบกพร่องของโจทก์ในการตรวจสอบหลักฐานก่อนฟ้อง
เมื่อปรากฏจากคำร้องของโจทก์ว่า เอกสารอันเป็นหลักฐานที่แสดงว่าจำเลยยังมียอดหนี้เพิ่มเติมจากยอดหนี้ที่โจทก์ยื่นฟ้องไว้เดิมอีกจำนวนหนึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์แล้วตั้งแต่ก่อนฟ้องคดี แสดงว่าโจทก์สามารถตรวจสอบหลักฐานดังกล่าวได้ตั้งแต่ก่อนฟ้องคดีแล้ว แต่โจทก์ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานให้ละเอียดก่อนฟ้องคดีว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เท่าไรกันแน่ การที่โจทก์เพิ่งทราบยอดหนี้ที่จำเลยมีต่อโจทก์เพิ่มหลังจากโจทก์ยื่นฟ้องและศาลชั้นต้นชี้สองสถานไปแล้วนับเป็นข้อบกพร่องของโจทก์เอง ความบกพร่องดังกล่าวไม่อาจจะยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อแก้ไขคำฟ้องหลังวันชี้สองสถานได้ ทั้งข้อเท็จจริงดังกล่าวก็หาใช้ข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้อง จึงไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่โจทก์จะยื่นคำร้องขอแก้คำฟ้องได้หลังวันชี้สองสถานตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 บัญญัติยกเว้นไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1425/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งคำสั่งศาลชี้สองสถาน: คำร้องแก้ไขประเด็นข้อพิพาทไม่ใช่คำร้องตามมาตรา 27(2)
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนโดยไม่ชอบวันนัดสืบพยานโจทก์โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดหน้าที่นำสืบใหม่โดยให้จำเลยเป็นฝ่ายนำสืบก่อน ดังนี้ ถือได้ว่าคำร้องของ โจทก์ดังกล่าวเป็นคำโต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่กำหนดประเด็นข้อพิพาทโดยไม่ชอบตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(2) เพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ มิใช่คำร้องที่จะต้องยื่นต่อศาลภายใน 8 วันตามมาตรา 27 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนตัวทนาย, การชี้สองสถานโดยผู้พิพากษาคนเดียว และการดำเนินการตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร
คำร้องขอถอนตัวของทนายโจทก์ไม่ปรากฏว่าทนายโจทก์ได้แจ้งให้ตัวความทราบแล้วหรือหาตัวความไม่พบ จึงเป็นคำร้องขอถอนตนจากการตั้งแต่งให้เป็นทนายความที่ไม่ชอบ ไม่มีเหตุที่ศาลต้องอนุญาตให้ทนายถอนตัว และศาลไม่มีหน้าที่คอยระวังความเสียหายให้โจทก์จากการกระทำที่ไม่ชอบของทนายความที่โจทก์เป็นผู้แต่งตั้งการสั่งคำร้องดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณานอกจากการนั่งพิจารณาและพิพากษาคดี ที่ผู้พิพากษาศาลภาษีอากรคนใดคนหนึ่งมีอำนาจกระทำ หรือออกคำสั่งได้ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรฯ มาตรา 16 แม้ทนายของคู่ความหรือตัวความไม่มาศาลในวันชี้สองสถาน ศาลก็ทำการชี้สองสถานไปได้ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 13 โดยไม่จำต้องเลื่อนการชี้สองสถาน ศาลภาษีอากรกลางนำรายงานกระบวนพิจารณาการชี้สองสถานมาอ่านให้คู่ความฟังที่หน้าห้องโดยมิได้ขึ้นนั่งพิจารณาบนบัลลังก์เป็นการชอบตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 20 ที่กำหนดไว้ว่าศาลอาจมีคำสั่งกำหนดการนั่งพิจารณาคดี ณ สถานที่ใด หรือในวันเวลาใด ๆ ก็ได้ ตามที่เห็นสมควร ในการชี้สองสถาน ศาลไม่จำต้องสอบถามคู่ความเสมอไปเกี่ยวกับข้ออ้างข้อเถียงว่าฝ่ายใดยอมรับหรือโต้แย้งข้ออ้างข้อเถียงนั้นอย่างไร หากเป็นข้อที่คู่ความโต้แย้งกันในคำฟ้องและคำให้การโดยตรงอยู่แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนตัวทนาย, การชี้สองสถาน, และการดำเนินการพิจารณาคดีภาษีอากรที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำร้องของ ทนายโจทก์ที่ขอถอนตนเองจากการเป็นทนาย มิได้กล่าวว่าทนายโจทก์ได้แจ้งให้ตัวความทราบแล้วหรือหาตัวความไม่พบถือได้ว่าทนายโจทก์มิได้แสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลถึงเหตุดังกล่าวตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 65 วรรคแรกประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 17 บังคับไว้ จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบ ไม่มีเหตุที่ศาลต้องอนุญาตให้ทนายถอนตัว การสั่งคำร้องของ ทนายโจทก์ที่ขอถอนตัวจากการเป็นทนายและขอเลื่อนคดี เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณานอกจากการนั่งพิจารณาและพิพากษาคดี ผู้พิพากษาศาลภาษีอากรคนใดคนหนึ่งมีอำนาจกระทำหรือออกคำสั่งดังกล่าวได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 16 ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 20 ได้กำหนดไว้ว่า ศาลอาจมีคำสั่งกำหนดการนั่งพิจารณาคดี ณ สถานที่ใด หรือในวันเวลาใด ๆก็ได้ตามที่เห็นสมควร การที่ศาลภาษีอากรกลางจดรายงานกระบวนพิจารณาการชี้สองสถานมาอ่านให้คู่ความฟังที่หน้าห้องโดยมิได้ขึ้นนั่งพิจารณาบนบัลลังก์ก็ชอบด้วยข้อกำหนดดังกล่าว การที่ผู้พิพากษาคนเดียวทำการชี้สองสถานไม่ครบองค์คณะโจทก์มิได้คัดค้านในขณะนั้นถือว่าไม่ติดใจคัดค้านในเรื่ององค์คณะ จึงยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ไม่ได้ ศาลภาษีอากรกลางทำการชี้สองสถานโดยนำข้ออ้างข้อเถียงที่ปรากฏในคำคู่ความเทียบกันดูแล้ว กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทและหน้าที่นำสืบโดยศาลมิได้สอบถามคู่ความถึงข้ออ้างข้อเถียงว่าฝ่ายใดยอมรับหรือโต้แย้งข้ออ้างข้อเถียงนั้นอย่างไร ถ้าเป็นกรณีที่ไม่จำต้องสอบถามเนื่องจากเป็นข้อที่คู่ความโต้แย้งกันในคำฟ้องและคำให้การโดยตรงอยู่แล้ว การชี้สองสถานนั้นก็ชอบด้วยข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 12

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนตัวทนาย & การชี้สองสถานคดีภาษี: เหตุผลการถอนตัวไม่ชอบ & การดำเนินการชี้สองสถานชอบตามกฎหมาย
คำร้อง ของ ทนายโจทก์กล่าวเพียงว่าทนายโจทก์กับโจทก์มีความเห็นทางคดีไม่ตรงกัน และโจทก์ไม่ชำระค่าทนายความตามที่ตกลงกันจึงขอถอนตัวจากการเป็นทนาย มิได้กล่าวในคำร้องว่าทนายโจทก์ได้แจ้งให้ตัวความทราบแล้ว หรือหาตัวความไม่พบ ถือได้ว่าทนายโจทก์มิได้แสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลถึงเหตุดังกล่าวตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 65 วรรคแรก ประกอบพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลภาษีอากรฯ มาตรา 17 บังคับไว้ เป็นคำร้องขอถอนตัวจากการตั้งแต่งให้เป็นทนายความที่ไม่ชอบ แม้ทนายของคู่ความหรือตัวความไม่มาศาลในวันชี้สองสถานศาลภาษีอากรกลางก็มีอำนาจทำการชี้สองสถานไปได้โดยไม่จำต้องเลื่อนการชี้สองสถานออกไป ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากรข้อ 13 การที่ศาลภาษีอากรกลางสั่งคำร้อง ของ ทนายโจทก์ที่ขอถอนตัวจากการเป็นทนายและขอเลื่อนคดี เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณา นอกจากการนั่งพิจารณาและพิพากษาคดีที่ผู้พิพากษาศาลภาษีอากรคนใดคนหนึ่งมีอำนาจกระทำ หรือออกคำสั่งได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรฯมาตรา 16 การที่ศาลภาษีอากรกลางจดรายงานกระบวนพิจารณาการชี้สองสถานมาอ่านให้คู่ความฟังที่หน้าห้องโดยมิได้ขึ้นนั่งพิจารณาบนบัลลังก์นั้นชอบด้วยข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 20 ซึ่งกำหนดว่า ศาลอาจมีคำสั่งกำหนดการนั่งพิจารณาคดี ณ สถานที่ใด หรือในวันเวลาใด ๆก็ได้ ตามที่เห็นสมควร โจทก์มิได้คัดค้านว่าผู้พิพากษาคนเดียวทำการชี้สองสถานไม่ครบองค์คณะในขณะนั้น ถือว่าไม่ติดใจคัดค้านในเรื่ององค์คณะไม่อาจยกขึ้นอุทธรณ์ได้ ศาลภาษีอากรกลางนำข้ออ้างข้อเถียงที่ปรากฏในคำคู่ความเทียบกันดูแล้ว ทำการชี้สองสถานไปโดยมิได้สอบถามคู่ความถึงข้ออ้าง ข้อเถียงว่าฝ่ายใดยอมรับหรือโต้แย้ง ข้ออ้าง ข้อเถียงนั้นอย่างไร เพราะเห็นว่าไม่จำเป็นต้องสอบถาม เนื่องจากเป็นข้อที่คู่ความโต้แย้งกันในคำฟ้องและคำให้การโดยตรงอยู่แล้วเป็นการชี้สองสถานที่ชอบตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 12

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การหลังวันชี้สองสถานต้องเป็นเรื่องแก้ไขข้อบกพร่องเล็กน้อย ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงข้อต่อสู้ใหม่
การที่จำเลยขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การโดยยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่ เป็นข้อแก้ข้อหาเดิม เปลี่ยนแปลงข้ออ้าง ข้อเถียงเพื่อสนับสนุน ข้อหา หรือเพื่อหักล้างข้อหาของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 179(3) และไม่ใช่กรณีแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดเล็กน้อย ในรายละเอียด ทั้งเรื่องดังกล่าวมิใช่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชนด้วยแล้ว จำเลยจะต้องขอแก้ไขเสียก่อนวันชี้สองสถาน มิฉะนั้นไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา180 ประกอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การหลังวันชี้สองสถานต้องไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงประเด็นข้อหาเดิม หากทำเช่นนั้นถือเป็นการยื่นคำร้องที่ไม่ชอบ
ข้อความที่จำเลยขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเป็นเรื่องจำเลยยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่เป็นข้อแก้ข้อหาเดิม เปลี่ยนแปลงข้ออ้างข้อเถียงเพื่อสนับสนุนข้อหา หรือเพื่อหักล้างข้อหาของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(3)ไม่ใช่เป็นการแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดจำเลยจึงต้องขอแก้ไขเสียก่อนวันชี้สองสถาน เมื่อจำเลยได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การหลังจากวันชี้สองสถาน โดยไม่ปรากฏว่ามิอาจยื่นคำร้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานและมิใช่เรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นการยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานหลังวันชี้สองสถาน ต้องแสดงเหตุสมควรที่ไม่อาจยื่นก่อนได้ พยานหลักฐานที่โจทก์ทราบอยู่แล้วไม่อาจอ้างเหตุใหม่ได้
การที่ศาลจะอนุญาตให้คู่ความยื่นบัญชีระบุพยานภายหลังวันชี้สองสถานได้นั้น คู่ความจะต้องแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลได้ว่ามีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามที่บัญญัติไว้ในข้อ 8วรรคท้าย แห่งข้อกำหนดคดีภาษีอากร แต่พยานบุคคลและพยานเอกสารที่โจทก์ระบุอ้างไว้ในบัญชีระบุพยานของโจทก์ ล้วนแต่เป็นพยานหลักฐานที่โจทก์ทราบดีอยู่แล้วตั้งแต่ขณะฟ้องคดีว่าต้องนำมาสืบเพื่อประโยชน์แก่คดีของโจทก์ การที่โจทก์อ้างว่า โจทก์เพิ่งทราบว่าต้องอ้างอิงพยานหลักฐานอะไรบ้าง เมื่อโจทก์ได้ตรวจสอบเอกสารที่จำเลยยื่นต่อศาลแล้วนั้น ไม่อาจรับฟังได้ ทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องอย่างใดที่โจทก์ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันได้ ที่โจทก์อ้างว่าเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็มิใช่เป็นเหตุที่อ้างได้ตามกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานหลังวันชี้สองสถานต้องมีเหตุอันสมควร และพยานหลักฐานต้องไม่เป็นที่โจทก์ทราบอยู่แล้ว
โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานหลังวันชี้สองสถานแต่จากบัญชีระบุพยานทั้ง 9 อันดับ เห็นได้ว่าทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารที่ระบุอ้างล้วนแต่เป็นพยานหลักฐานที่โจทก์ทราบดีอยู่แล้วตั้งแต่ขณะฟ้องคดีว่าต้องนำมาสืบเพื่อประโยชน์แก่คดีของโจทก์ทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องอย่างใดที่โจทก์ไม่สามารถจะยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันได้ โจทก์คงอ้างแต่เพียงว่าเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ซึ่งมิใช่เหตุที่จะอ้างได้ตามกฎหมาย กรณีจึงไม่มีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาในข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 วรรคสี่ดังกล่าวได้ ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องและไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์ชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1803/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การหลังชี้สองสถาน หากข้อเท็จจริงใหม่เพิ่งทราบหลังการชี้สองสถาน
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2527 จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้งเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2527 ว่า จากการตรวจ สภาพอาคารพิพาทเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2527 ปรากฏว่า คานคอนกรีตรองรับชั้นดาดฟ้าแตก ร้าวรวม 18 แห่ง ซึ่ง จำเลยทั้งสองได้ แจ้งให้โจทก์ทราบในวันเดียวกัน โจทก์ไม่ยอมรับผิดในงานที่ชำรุด บกพร่องดังกล่าว จำเลยทั้งสองจึงจ้าง ให้บุคคลภายนอกซ่อมแซม สิ้นค่าใช้จ่ายไปเป็นเงิน 81,800 บาท จำนวนค่าเสียหายที่โจทก์ต้อง รับผิดจึงเพิ่มขึ้นเป็นเงิน 258,490 บาท ข้อความที่จำเลยทั้งสองขอแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองเพิ่งทราบภายหลังจากการชี้สองสถานแล้ว ฉะนั้น จำเลยทั้งสองจึงมีสิทธิขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้งหลังจากชี้สองสถานแล้วได้ เพราะเป็นข้อที่จำเลยไม่อาจยื่นคำร้องได้ ก่อนวันชี้สองสถาน ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 180(2).
of 11