พบผลลัพธ์ทั้งหมด 86 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธปืน: การพิจารณาช่วงเวลาการกระทำความผิดและการปรับบทลงโทษ
จำเลยปล้นกระท่อมนาผู้เสียหาย แล้วต้อนกระบือผู้เสียหายพร้อมทั้งบังคับให้ผู้เสียหายกับพวกติดตามมาด้วย ครั้นจำเลยคุมตัวผู้เสียหายกับพวกห่างจากกระท่อมที่เกิดเหตุได้ประมาณ 40 เส้น จึงปล่อยให้ผู้เสียหายกับพวกกลับ ก่อนจะปล่อยตัวจำเลยได้ใช้ปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า 2 นัด ดังนี้ การที่จำเลยใช้ปืนยิงในภายหลังไม่ใช่เพื่อความสะดวกในการปล้น หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมอย่างใดการปล้นได้ขาดตอนไปแล้ว จึงมิใช่เป็นการยิงปืนอันต่อเนื่องกับการปล้นแต่ประการใด จะปรับเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสี่ ไม่ได้ จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การระบุช่วงเวลาที่จำเลยกระทำผิด ทำให้เข้าใจข้อหาได้ชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องในตอนแรกว่า เมื่อระหว่างวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2510 ถึงวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2511 เวลากลางวัน และกลางคืน จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายแล้วต่อมาบรรยายรายละเอียดว่าจำเลยคนไหนมีหน้าที่อย่างไร แล้วบรรยายว่าจำเลยได้รับมอบหมายจากสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันให้เป็นผู้ดำเนินการรับสมัครสมาชิกประเภทสามัญโดยรับเงินจากผู้สมัครส่งเป็นผลประโยชน์รายได้ของสมาคม แล้วบรรยายต่อไปว่า ตามวันเวลาดังกล่าวนี้ จำเลยทั้งสองได้รับเงินของสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันไว้จากประชาชนที่สมัครเป็นสมาชิกดังกล่าวแล้ว และเงินซึ่งสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตันยืมจากบริษัทนฤมิตรธนาคมจำกัด แล้วจำเลยทั้งสองโดยเจตนาทุจริตได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเงินค่าสมัคร... กับเงินยืมอันเป็นทรัพย์สินของสมาคมพุทธศาสนิกชนวัดไผ่ตัน.... ดังนี้ คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงวันเวลาที่บ่งว่าจำเลยกระทำผิดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว เป็นคำฟ้องสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเว้นโทษอาวุธปืนตามกฎหมายแก้ไขใหม่ในช่วงเวลาที่กำหนด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืน ฯลฯ นำไปขอรับอนุญาตหรือนำไปมอบให้นายทะเบียนท้องที่ได้ภายใน 90 วัน โดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษซึ่งเมื่อคดียังอยู่ในระหว่างเวลา 90 วัน ก็ต้องถือว่าในระหว่างระยะเวลานี้กฎหมายได้ยกเว้นโทษให้แก่จำเลยแล้ว ศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับให้จำเลยออกจากที่ดินหลังใช้ พ.ร.บ.ป่าไม้ โดยแบ่งแยกช่วงเวลาการกระทำผิดเป็นก่อนและหลังใช้กฎหมาย
คำขอที่ขอให้บังคับจำเลยออกจากป่าที่จำเลยแผ้วถางครอบครองก่อนใช้พระราชบัญญัติป่าไม้ ฉบับที่ 4 นั้น เป็นคำขอให้ทางแพ่ง โจทก์มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำขอที่เป็นทางแพ่งศาลจึงไม่บังคับให้คำขอที่ขอให้บังคับจำเลยออกจากป่าที่จำเลยแผ้วถางครอบครองภายหลังใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นคำขอในทางอาญา เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยแผ้วถางในที่ตอนใด จึงไม่มีทางจะบังคับให้ได้
ปัญหาที่ว่าความผิดของจำเลยเป็นความผิดต่อเนื่องกันนั้นเป็นปัญหาที่โจทก์มิได้ยกขึ้นมาว่าในชั้นอุทธรณ์จะมายกขึ้นว่าในชั้นฎีกา เป็นการไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นคำนวณลดโทษไม่ถูกต้อง แม้จำเลยมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ให้ถูกต้องได้ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ปัญหาที่ว่าความผิดของจำเลยเป็นความผิดต่อเนื่องกันนั้นเป็นปัญหาที่โจทก์มิได้ยกขึ้นมาว่าในชั้นอุทธรณ์จะมายกขึ้นว่าในชั้นฎีกา เป็นการไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นคำนวณลดโทษไม่ถูกต้อง แม้จำเลยมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ให้ถูกต้องได้ เพราะเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301-302/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำละเมิดปิดกั้นทางน้ำ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน การพิสูจน์ช่วงเวลาการกระทำ
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อเดือนกรกฎาคม 2500 จำเลยทำคันดินปิดคลองบางเทพ เป็นเหตุให้น้ำท่วมนาโจทก์ จำเลยให้การปฏิเสธ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ คู่ความตกลงกันว่า ขอสืบพยานร่วมกัน 3 ปากว่า คันดินตามแผนที่กลางนั้น จำเลยทำขึ้นเมื่อใด ถ้าได้ความว่าทำขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2500 ่ตามฟ้องแล้ว ถือว่าจำเลยแพ้ในข้อนี้ ถ้าได้ความว่าจำเลยได้ทำมาก่อนแล้ว ถือว่าโจทก์แพ้ทั้งคดี ปรากฏว่าพยานร่วมเบิกความว่าชั้นเดิมจำเลยทำเป็นคันนาธรรมดาและไม่ติดต่อเป็นแนวเดียวกัน ถึงหน้าน้ำ ๆ ไหลผ่านพ้นไปได้ ครั้นเดือนกรกฎาคม 2500 จำเลยได้ทำคันดินเสริมคันนาเดิมสูงเพิ่มขึ้นเป็น 60 เซ็นติเมตร และกั้นตลอดเป็นแนวเดียวกัน น้ำไหลผ่านไม่ได้ จึงท่วมนาโจทก์ ดังนี้ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยทำคันดินในเดือนกรกฎาคม 2500 ตามที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องคดีอาญา: การระบุช่วงเวลากระทำผิดที่โจทก์กล่าวอ้างเพียงใด จึงถือว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดระหว่างวันที่ 25 ถึงวันที่ 28 มกราคม 2502 เวลากลางวันและกลางคืน ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การเชื่อมโยงข้อความในฟ้องเพื่อให้เข้าใจช่วงเวลาการกระทำผิด
ฟ้องข้อ ค. ระบุวันเดือนปีที่จำเลยทำผิด แม้ไม่ได้ระบุว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน แต่เมื่อข้อความในฟ้อง ข้อ ค.ต่อเนื่องกับฟ้อง ข้อ ข. ซึ่งระบุวันเดือนปีตรงกับฟ้อง ข้อ ค. และระบุเวลากลางวันไว้ด้วย ทำให้เข้าใจได้ดีว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้อง ข้อ ค. ได้เกิดขึ้นแล้วในฟ้อง ข้อ ข. อันเป็นวันเวลาเดียวกัน นั้นเอง เช่นนี้ ฟ้องข้อ ค. ไม่เคลือบคลุมในข้อที่ไม่ระบุเวลาว่า กลางวันหรือกลางวัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานปลอมแปลงเอกสารและการใช้เอกสารปลอม โดยมีการระบุช่วงเวลาและกรณีแพ่งที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่กล่าวหาจำเลยว่า จำเลยได้สมคบกันกระทำผิดในการเปลี่ยนแปลงเอกสาร ทำปลอมเอกสาร พอสมควรที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วและกล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อระหว่าง วันที่ 21 กันยายน2495 ถึง วันที่ 26 ตุลาคม 2499 ทั้งนี้ โดยจำเลยนำเอกสารที่ทำปลอมไปใช้ในการฟ้องโจทก์ในคดีแพ่งดำที่324/2499 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งวันเวลาที่จำเลยนำเอกสารปลอมไปใช้ก็มีปรากฏอยู่ในคดีดังกล่าวจึงหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พ.ร.บ.ล้างมลทินมีผลย้อนหลังหรือไม่: การพิจารณาช่วงเวลาพ้นโทษของผู้ต้องโทษ
พ.ร.บ. ล้างมลทิน ฯ พ.ศ. 2499 เป็นกฎหมายที่ออกมาล้างมลทินให้แก่ผู้ที่มีมลทินอยู่ก่อนแล้ว คือ ผู้ต้องคำพิพากษาให้ลงโทษที่ได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ คือ วันที่ 13 พ.ค. 2500 หาใช่จะล้างมลทินให้แก่ผู้ที่มีมลทินต่อ ๆ ไปจนกว่า พ.ร.บ. นี้จะยกเลิกไม่ จำเลยต้องโทษและพ้นโทษเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2500 ซึ่งเป็นวันหลังจากวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ กรณีย่อมไม่เข้าเกณฑ์ตาม มาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว จำเลยจึงไม่ได้รับผลแห่งการล้างมลทินประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษที่รอการลงโทษต้องพิจารณาช่วงเวลาการกระทำผิด หากกระทำผิดก่อนศาลพิพากษาคดีที่รอการลงโทษ จะบวกโทษไม่ได้
จำเลยถูกฟ้อง 2 คดี คดีที่ศาลพิพากษาเสร็จก่อนนั้น ศาลรอการลงโทษไว้ ส่วนอีกคดีหนึ่งตัดสินภายหลังศาลลงโทษจำเลย เช่นนี้ศาลจะเอาโทษที่รอไว้ในคดีที่ตัดสินก่อน มาบวกกับโทษในคดีที่ตัดสินภายหลังไม่ได้เพราะการกระทำผิดในคดีที่ตัดสินภายหลังนี้เกิดขึ้นก่อนศาลพิพากษาคดีที่เสร็จก่อน