คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฐานะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 62 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1920/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายแทนผู้เยาว์ แม้ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ชีวิต โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทั้งในฐานะตนเองและฐานะผู้แทนโดยชอบธรรม
จำเลยกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ผู้เยาว์ของโจทก์บาดเจ็บสาหัสแม้โจทก์ในฐานะส่วนตัวจะเรียกค่าเสียหายมิได้เพราะบุตรไม่ถึงตายก็ตามแต่โจทก์ก็ยังมีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายแทนบุตรผู้เยาว์ได้ ดังนั้น การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าบุตรโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอคิดค่าเสียหายจึงถือว่าโจทก์เรียกค่าเสียหายแทนบุตรผู้เยาว์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเรียกค่าทำศพ: ต้องมีฐานะเป็นผู้จัดการทำศพที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าโจทก์เป็นญาติของนางเหมียน ไชยพิทักษ์ผู้ตาย โจทก์ได้จัดการศพของผู้ตายตามฐานานุรูปของผู้ตายสิ้นเงินไป 22,899 บาท ต่อมาจำเลยทั้งอสงเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้ตายได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อศาลจังหวัภูเก็ต ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดก ตามฟ้องของโจทก์แสดงว่าผู้ตายมิได้ตั้งโจทก์ให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และไม่ได้ความว่าผู้ตายหรือศาลตั้งโจทก์หรือทายาทได้มอบหมายตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการทำศพตามความในมาตรา 1649 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าทำศพที่โจทก์อ้างว่าได้ใช้จ่ายไปในการจัดการทำศพของผู้ตาย
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-845/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกทรัพย์สินให้บุตรโดยไม่ได้รับความยินยอมจากคู่สมรส ศาลพิจารณาความสมเหตุสมผลและผลกระทบต่อฐานะของคู่สมรส
โจทก์เป็นภรรยาของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เป็นบุตรของจำเลยที่ 1 เกิดกับภริยาคนก่อนซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสและเลิกร้างกันไปแล้วส่วนจำเลยที่ 3 ถึงที่ 7 เป็นบุตรของโจทก์กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมยกที่ดินให้บุตรเหล่านี้ทุกคนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์เป็นหนังสือ ที่ดินมีโฉนดอันเป็นสินสมรสที่จำเลยที่ 1 ยกให้จำเลยที่ 2 นั้นมีเนื้อที่เพียง 65 ตารางวาจำเลยที่ 2 เป็นบุตรของจำเลยที่ 1 ผู้ให้เอง และได้สมรสแยกครอบครัวไปอยู่ต่างหากแล้ว และไม่ปรากฏว่าขณะที่ยกให้นั้น จำเลยที่ 1 ไม่มีหลักทรัพย์อันมีค่าอย่างอื่นอีก ถือได้ว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีฯ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3) จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิให้ได้ (อ้างนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 524/2506)
ที่ดินตาม น.ส.3 อีกแปลงหนึ่งเป็นที่ดินที่มารดายกให้จำเลยที่ 1 โดยระบุไว้ว่าให้เป็นสินส่วนตัว แม้จะไม่ได้จดทะเบียนไว้ก็ไม่สำคัญเพราะขณะที่ยกให้นั้นยังไม่มีโฉนดหรือหนังสือสำคัญ (อ้างนัยคำพิพากษาฎีกาที่134/2513) จำเลยที่ 1 มีสิทธิยกให้จำเลยที่ 2 โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์
จำเลยที่ 1 ยกที่ดินมีโฉนดอันเป็นสินสมรสแปลงหนึ่งให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรของโจทก์กับจำเลยที่ 1 เองที่ดินแปลงนี้มีเนื้อที่เพียง 2 งานศษและเมื่อให้แล้วโจทก์กับจำเลยที่ 1 ยังมีทรัพย์ร่วมกันอีกมากถือได้ว่าเป็นการให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1473(3) โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอน ส่วนจำเลยที่1 ยังให้ที่ดินสินสมรสแก่จำเลยที่ 3 อีกแปลงหนึ่งแม้จะมีราคาเพียง 70,000 บาท แต่มีเนื้อที่ถึง 7 ไร่เศษและไม่จำเป็นต้องให้อีก เพราะได้ให้ไปแปลงหนึ่งแล้วถือไม่ได้ว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมดี และอาจทำให้ฐานะของโจทก์ตกต่ำลงได้ จึงสมควรเพิกถอนนิติกรรมการยกให้ที่ดินแปลงนี้
ส่วนที่จำเลยที่ 1 ยกที่ดินสินสมรสแปลงหนึ่งให้จำเลยที่ 7 โดยที่ได้ยกให้ไปสองแปลงแล้ว ถือว่าไม่เป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีฯ จึงต้องเพิกถอนเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกล้างสัญญาประกันชีวิต การปกปิดฐานะ และการระบุผู้รับประโยชน์
การประกันชีวิตที่ผู้รับประกันภัยมีสิทธิบอกล้างได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 นั้น จะต้องเป็นการปกปิดความจริงหรือแถลงความเท็จในข้อสารสำคัญเฉพาะในเวลาเข้าทำสัญญาประกันชีวิตเท่านั้น
แม้ผู้ขอประกันชีวิตจะปกปิดหรือแถลงเท็จเกี่ยวกับฐานะอันแท้จริง หากผู้รับประกันภัยควรจะได้รู้เท่าทันถึงฐานะของบุคคลนั้น โดยใช้ความระมัดระวังสอดส่องเยี่ยงวิญญูชนแล้วสัญญาประกันชีวิตนั้นก็เป็นอันสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 866 ผู้รับประกันภัยหามีสิทธิบอกล้างไม่
ไม่มีกฎหมายบทใดจำกัดสิทธิผู้เอาประกันภัยว่าจะระบุใครเป็นผู้รับประโยชน์ไม่ได้บ้าง แม้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ญาติของผู้เอาประกันภัยก็อาจถูกระบุเป็นผู้รับประโยชน์ได้
ผู้เอาประกันชีวิตถูกคนร้ายยิงตาย โดยไม่ปรากฏว่าคนร้ายเป็นใคร ถือว่าเป็นการเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฟ้องแย้งของผู้จัดการมรดก: การฟ้องแย้งในฐานะผู้จัดการมรดกย่อมทำได้ แม้ฟ้องคู่สมรสของเจ้ามรดก
โจทก์ซึ่งเป็นบิดาจำเลย ฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดก จำเลยย่อมฟ้องแย้งในฐานะผู้จัดการมรดกได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1534(ประชุมใหญ่ครั้งที่18/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 88/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงเจตนาทำสัญญาซื้อขายในฐานะเจ้าของที่ดิน แม้มิได้เป็นเจ้าของจริง ก็ผูกพันตามสัญญา
จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์ โดยจำเลยมิได้แสดงออกว่าจำเลยทำในฐานะตัวแทนผู้ใด จำเลยกลับแสดงว่าจำเลยมีฐานะเป็นเจ้าของที่ดินเสียเองที่มีอำนาจจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์ได้ ดังนี้ แม้โจทก์ได้รู้หรือควรจะรู้ว่าที่ดินรายนี้เป็นของ ป. และ ร. มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน โดยจำเลยมิได้เป็นเจ้าของที่แท้จริง จำเลยก็จะปัดความรับผิดของจำเลยให้ไปตกอยู่กับบุคคลทั้งสองไม่ได้ เพราะบุคคลทั้งสองไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องรู้เห็นอะไรด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 88/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงเจตนาทำสัญญาซื้อขายในฐานะเจ้าของที่ดิน แม้ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง ก็ผูกพันตามสัญญา
จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์ โดยจำเลยมิได้แสดงออกว่าจำเลยทำในฐานะตัวแทนผู้ใดจำเลยกลับแสดงว่าจำเลยมีฐานะเป็นเจ้าของที่ดินเสียเองที่มีอำนาจจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์ได้ดังนี้ แม้โจทก์ได้รู้หรือควรจะรู้ว่าที่ดินรายนี้เป็นของ ป. และ ร. มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินโดยจำเลยมิได้เป็นเจ้าของที่แท้จริงจำเลยก็จะปัดความรับผิดของจำเลยให้ไปตกอยู่กับบุคคลทั้งสองไม่ได้ เพราะบุคคลทั้งสองไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องรู้เห็นอะไรด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาจำเลย: คู่ความต้องเข้ามาในฐานะก่อนจึงมีสิทธิฎีกา
เมื่อศาลยังมิได้สั่งประทับฟ้องโจทก์ จำเลยจึงยังไม่ได้เข้ามาสู่ฐานะเป็นคู่ความ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีอาญา: โจทก์ฟ้องในฐานะใด - ผู้เสียหายโดยตรงหรือผู้แทนโดยชอบธรรม
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกา และในฎีกานั้นจำเลยได้อ้างอิงหลักฐานและเหตุผลเพื่อแสดงว่าโจทก์ฟ้องในนามของตนเอง มิใช่ฟ้องในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหาย ดังนี้ ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของโจทก์: การฟ้องในฐานะตนเองหรือผู้แทนโดยชอบธรรม มีผลต่อการรับคำฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกา และในฎีกานั้นจำเลยได้อ้างอิงหลักฐานและเหตุผลเพื่อแสดงว่าโจทก์ฟ้องในนามของตนเอง มิใช่ฟ้องในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหาย ดังนี้ ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
of 7