พบผลลัพธ์ทั้งหมด 115 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2155/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถามถึงความสัมพันธ์ชู้สาวไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นซึ่งหน้า
จำเลยถาม ป. ว่า มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับโจทก์จริงหรือไม่ถ้าจริงก็ให้เลิกเสีย ไม่ได้ยืนยันว่า ป. มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับโจทก์ยังไม่เข้าลักษณะเป็นการใส่ความอันจะเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ และเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยกล่าวเช่นนั้นต่อหน้าโจทก์จึงมิใช่เป็นการดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้าอีกเช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากการถูกดูหมิ่น: การกระทำผิดเนื่องจากคำพูดรุนแรงและข่มเหง
แม้ผู้ตายจะโกรธแค้นที่เคยถูกจำเลยผู้เป็นสามีตบตี ผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะด่าว่าจำเลยในลักษณะดูถูกเหยียดหยามด้วยถ้อยคำหยาบคายพาดพิงถึงวงศ์สกุลของจำเลยในที่ว่าการอำเภอซึ่งมีคนอื่นได้ยินด้วยย่อมทำให้จำเลยรู้สึกอับอายขายหน้าและแค้นเคืองอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดแสดงความเห็นถึงยศของเจ้าหน้าที่ ไม่ถึงขั้นดูหมิ่นหรือสบประมาท ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
จำเลยพูดโต้ตอบกับพลตำรวจ ม. ในระหว่างพลตำรวจ ม. ตรวจดูรถแท็กซี่คันที่จำเลยกับพวกนั่งมา เมื่อพลตำรวจ ม. บอกจำเลยว่าหัวหน้าด่านตรวจคือ ร้อยตำรวจโทปรีชา และพูดต่อไปว่า ถ้าหากจำเลยสงสัย (ว่าเป็นด่านตรวจรถที่ตั้งขึ้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่) ให้ไปสอบถามหัวหน้าด่านได้ จำเลยพูดว่า 'แค่ร้อยตำรวจโทนั้นกระจอก ไม่อยากคุยด้วยหรอก' ซึ่งแปลความหมายได้ว่า จำเลยพูดกับพลตำรวจ ม.ว่า จำเลยไม่อยากพูดคุยกับหัวหน้าด่านตรวจที่มียศแค่ร้อยตำรวจโท เพราะจำเลยเห็นว่าหัวหน้าด่านตรวจมียศต่ำไป จำเลยหาได้เจาะจงสบประมาทโจทก์ร่วมว่าเป็นคนต่ำต้อยหรือเลวแต่อย่างใดไม่ คำพูดดังกล่าวจึงเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพเท่านั้น หาใช่เป็นคำด่าหรือเป็นการสบประมาทเหยียดหยามโจทก์ร่วมให้ได้รับความอับอายแต่ประการใดไม่ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดดูหมิ่นด้วยเหตุผลเรื่องยศ ไม่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
จำเลยพูดโต้ตอบกับพลตำรวจม. ในระหว่างพลตำรวจม.ตรวจดูรถแท๊กซี่คันที่จำเลยกับพวกนั่งมาเมื่อพลตำรวจม.บอกจำเลยว่าหัวหน้าด่านตรวจคือร้อยตำรวจโทปรีชา และพูดต่อไปว่าถ้าหากจำเลยสงสัย(ว่าเป็นด่านตรวจรถที่ตั้งขึ้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่)ให้ไปสอบถามหัวหน้าด่านได้จำเลยพูดว่า"แค่ร้อยตำรวจโทนั้นกระจอกไม่อยากคุยด้วยหรอก"ซึ่งแปลความหมายได้ว่าจำเลยพูดกับพลตำรวจม. ว่าจำเลยไม่อยากพูดคุยกับหัวหน้าด่านตรวจที่มียศแค่ร้อยตำรวจโทเพราะจำเลยเห็นว่าหัวหน้าด่านตรวจมียศต่ำไปจำเลยหาได้เจาะจงสบประมาทโจทก์ร่วมว่าเป็นคนต่ำต้อยหรือเลวแต่อย่างใดไม่คำพูดดังกล่าวจึงเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพเท่านั้นหาใช่เป็นคำด่าหรือเป็นการสบประมาทเหยียดหยามโจทก์ร่วมให้ได้รับความอับอายแต่ประการใดไม่ไม่เป็นความผิดตามป.อ.มาตรา136.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพูดถึงยศของผู้อื่นไม่เข้าข่ายดูหมิ่นหรือสบประมาท หากไม่ได้เจาะจงกล่าวถึงความประพฤติหรือลักษณะส่วนตัว
จำเลยพูดโต้ตอบกับพลตำรวจม.ในระหว่างพลตำรวจม.ตรวจดูรถแท็กซี่คันที่จำเลยกับพวกนั่งมาเมื่อพลตำรวจม.บอกจำเลยว่าหัวหน้าด่านตรวจคือร้อยตำรวจโทปรีชาและพูดต่อไปว่าถ้าหากจำเลยสงสัย(ว่าเป็นด่านตรวจรถที่ตั้งขึ้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ให้ไปสอบถามหัวหน้าด่านได้จำเลยพูดว่า'แค่ร้อยตำรวจโทนั้นกระจอกไม่อยากคุยด้วยหรอก'ซึ่งแปลความหมายได้ว่าจำเลยพูดกับพลตำรวจม.ว่าจำเลยไม่อยากพูดคุยกับหัวหน้าด่านตรวจที่มียศแค่ร้อยตำรวจโทเพราะจำเลยเห็นว่าหัวหน้าด่านตรวจมียศต่ำไปจำเลยหาได้เจาะจงสบประมาทโจทก์ร่วมว่าเป็นคนต่ำต้อยหรือเลวแต่อย่างใดไม่คำพูดดังกล่าวจึงเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพเท่านั้นหาใช่เป็นคำด่าหรือเป็นการสบประมาทเหยียดหยามโจทก์ร่วมให้ได้รับความอับอายแต่ประการใดไม่ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา136.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3324/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ไม่ถือเป็นหมิ่นประมาท แต่เป็นดูหมิ่นซึ่งหน้า
คำพูดของจำเลยที่ด่าว่าผู้เสียหายต่อเด็กหญิงก. ว่า"ให้ไอ้อุ่มเอาควยตำหีตำแตด ครั้งก่อนเคยให้ไอ้อุ่มเอาควยตำหีตำปากไปทีหนึ่งแล้ว"และที่จำเลยพูดกับส. ว่า"เมื่อเช้าอีรุณ (หมายถึงผู้เสียหาย)มาแหกปากร้านลัดดากูเลยให้ลูกชายเอาควยทิ่มหีทิ่มปากกลับไป"มิใช่คำยืนยันใส่ความผู้เสียหายว่าเคยร่วมประเวณีกับนายอุ่ม นายอุ่มที่กล่าวถึงก็เป็นบุตรของจำเลยและยังเป็นเด็กไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นชู้กับผู้เสียหายไม่ทำให้บุคคลที่สามเข้าใจไปว่าผู้เสียหายมีความประพฤติไม่ดีเคยร่วมประเวณีกับนายอุ่ม ไม่หมิ่นประมาทตามป.อ.มาตรา326แต่เป็นคำด่าผู้เสียหายด้วยคำหยาบในที่ลับหลังผู้เสียหายซึ่งเป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามมาตรา393 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามป.อ.มาตรา326ลงโทษสองกระทงเป็นจำคุก2เดือนปรับ2,000บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามป.อ.มาตรา393กระทงเดียวลงโทษปรับ1,000บาทเป็นคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทแม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้แต่ก็ยังคงลงโทษจำคุกหรือปรับจำเลยไม่เกินกำหนดดังกล่าวจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ.มาตรา219.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2314/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การบุกรุกเพื่อดูหมิ่นผู้เสียหาย ถือเป็นกรรมเดียว ใช้บทลงโทษหนักสุด
การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายแล้วดูหมิ่นผู้เสียหายในทันทีทันใดนั้น เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกัน โดยมีเจตนาอันแท้จริงเพื่อดูหมิ่นผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว. เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลย
สำหรับความผิดฐานบุกรุก เมื่อศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 แล้ว ก็ไม่จำต้องยกมาตรา 362, 364 ขึ้นปรับบทลงโทษอีก
สำหรับความผิดฐานบุกรุก เมื่อศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 แล้ว ก็ไม่จำต้องยกมาตรา 362, 364 ขึ้นปรับบทลงโทษอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2314/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: บุกรุกและดูหมิ่นต่อเนื่อง ศาลใช้บทหนักลงโทษ
การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายแล้วดูหมิ่นผู้เสียหายในทันทีทันใดนั้นเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาอันแท้จริงเพื่อดูหมิ่นผู้เสียหายเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว.เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลย. สำหรับความผิดฐานบุกรุกเมื่อศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา365แล้วก็ไม่จำต้องยกมาตรา362,364ขึ้นปรับบทลงโทษอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดแดกดัน ไม่ถึงขั้นดูหมิ่น หรือทำให้เสียหาย ไม่เป็นความผิดอาญา
จำเลยต่อว่าผู้เสียหายทั้งสี่ว่าไม่ล้างจานข้าว ผู้เสียหายว่าไม่มีคนล้างจาน จำเลยจึงกล่าวต่อผู้เสียหาย ทั้งสี่ว่า 'สี่คนไม่ใช่คนหรือไง' ดังนี้ เป็นเพียงคำแดกดันหรือประชดประชันด้วยความไม่พอใจเท่านั้น ไม่มีความหมายอันจะเป็นการดูหมิ่นผู้เสียหาย ทั้งยังไม่พอถือว่าทำให้ผู้เสียหายได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393, 397
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดแดกดัน/ประชดประชัน ไม่ถึงขั้นดูหมิ่น/ทำให้เดือดร้อน ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393, 397
จำเลยต่อว่าผู้เสียหายทั้งสี่ว่าไม่ล้างจานข้าวผู้เสียหายว่าไม่มี คนล้างจานจำเลยจึงกล่าวต่อผู้เสียหายทั้งสี่ว่า 'สี่คนไม่ใช่คนหรือไง' ดังนี้ เป็นเพียง คำแดกดันหรือประชดประชันด้วยความไม่พอใจเท่านั้น ไม่มีความหมายอันจะเป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายทั้งยังไม่พอถือว่าทำให้ ผู้เสียหายได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393,397