พบผลลัพธ์ทั้งหมด 67 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5479/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดขวางการตรวจค้นและดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่
จำเลยมีพฤติการณ์น่าสงสัย ตอนกลางวันจะปิดบ้านและเก็บตัวอยู่ในบ้าน ตอนกลางคืนจึงออกจากบ้านไม่ยุ่งเกี่ยวกับชาวบ้านและไม่ปรากฎว่าประกอบอาชีพอะไร ถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ อันเป็นเหตุให้ออกหมายค้นได้
ก่อนเข้าตรวจค้นร้อยตำรวจโท ส. ได้แสดงหมายค้นเพื่อขอตรวจค้นแล้ว แต่ ถ.ไม่ยอมให้ตรวจค้น ขณะร้อยตำรวจโท ป. จะเดินเข้าประตูบ้านจำเลยใช้มือผลักหน้าอกร้อยตำรวจโท ป. พร้อมกับร้องด่าว่า "ไอ้พวกอันธพาลไอ้พวกฉิบหาย ไอ้มือปืน" ร้อยตำรวจโท ส.เข้าไปห้ามปรามจำเลยแต่จำเลยก็ยังด่าอีก การกระทำดังกล่าวในขณะตำรวจจะเข้าทำการตรวจค้นซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
ก่อนเข้าตรวจค้นร้อยตำรวจโท ส. ได้แสดงหมายค้นเพื่อขอตรวจค้นแล้ว แต่ ถ.ไม่ยอมให้ตรวจค้น ขณะร้อยตำรวจโท ป. จะเดินเข้าประตูบ้านจำเลยใช้มือผลักหน้าอกร้อยตำรวจโท ป. พร้อมกับร้องด่าว่า "ไอ้พวกอันธพาลไอ้พวกฉิบหาย ไอ้มือปืน" ร้อยตำรวจโท ส.เข้าไปห้ามปรามจำเลยแต่จำเลยก็ยังด่าอีก การกระทำดังกล่าวในขณะตำรวจจะเข้าทำการตรวจค้นซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2892/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: การตรวจค้น, การรับของกลางหลายครั้ง, และการบันทึกการจับกุม/ตรวจค้น
ร.ต.อ.อุทัยได้ทำการตรวจค้นบริเวณด้านหลังอู่ที่พบชิ้นส่วนเครื่องรับวิทยุของกลางภายหลังวันที่จำเลยที่ 1 ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวนแล้ว จึงมิใช่กรณีของการค้นที่อยู่ของผู้ต้องหาซึ่งถูกควบคุมหรือขังอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 102 วรรคสอง แต่เป็นการค้นตามมาตรา 102 วรรคแรก และ ร.ต.อ.อุทัยก็ได้แสดงหมายค้นและค้นต่อหน้าผู้ครอบครองดูแลอู่ในขณะนั้นและได้ทำบันทึกการตรวจค้นโดยมีรายละเอียดสิ่งของที่ค้นพบรวมถึงกล่องวิทยุที่ถูกเผาให้ผู้ครอบครองดูแลอู่ลงชื่อไว้แล้ว การตรวจค้นของ ร.ต.อ.อุทัยจึงชอบด้วยมาตรา 102 จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 รับเอาทรัพย์ของกลางทั้งหมดไว้ในครอบครอง และจากพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1กับพวกได้ร่วมกันแยกเอาชิ้นส่วนออกและพ่นสีรถใหม่ รวมทั้งทำลายหลักฐานบางส่วนโดยการเผา แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 กับพวกทราบดีแล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานรับของโจร ความผิดฐานรับของโจรนั้น อาจเกิดขึ้นหลายครั้งในวันเดียวกันได้ หากจำเลยรับทรัพย์ของกลางไว้หลายคราวและต่างเวลากัน และข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ยอมรับว่าจำเลยที่ 1ได้รับเอาทรัพย์ของกลางตามที่โจทก์ฟ้องทุกคดีในคราวเดียวกันอันจะเป็นความผิดกรรมเดียวแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้อนหรือฟ้องซ้ำกับคดีอื่นที่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยแล้ว กฎหมายไม่ได้บังคับว่าจะต้องทำบันทึกการจับกุมในสถานที่ที่จับกุมหรือตรวจค้น อีกทั้งได้ความว่าจำเลยที่ 1 กับพวกถูกจับกุมในสถานที่ต่างกันในเวลาไล่เลี่ยกัน การทำบันทึกการจับกุมที่สถานีตำรวจจึงเป็นวิธีที่เหมาะสมแล้ว และเนื่องจากเป็นการบันทึกการจับกุม มิใช่บันทึกการตรวจค้น จึงไม่จำต้องบันทึกของกลางที่ตรวจพบไว้โดยละเอียด เพียงแต่บันทึกของกลางที่ตรวจพบหรือทำบัญชีของกลางไว้ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 103 พนักงานสอบสวนได้นำภาพถ่ายวัตถุของกลางให้จำเลยที่ 1ดูแล้ว ทั้งจำเลยที่ 1 มิได้ร้องขอดูวัตถุของกลางโดยตรงจึงนับว่าเพียงพอและไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 242แต่อย่างใด และเนื่องจากวัตถุของกลางเป็นรถยนต์และชิ้นส่วนของรถยนต์ ย่อมไม่สะดวกที่จะบรรจุหีบห่อและตีตราไว้ แต่การที่เจ้าพนักงานตำรวจได้บันทึกภาพวัตถุของกลางดังกล่าวไว้นั้นถือได้ว่าได้ทำเครื่องหมายไว้เป็นสำคัญแก่วัตถุของกลางนั้นชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 101 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดขวางการตรวจค้นของเจ้าพนักงานสรรพสามิตและการทำร้ายร่างกาย ถือเป็นกรรมเดียว
เจ้าพนักงานสรรพสามิตมีอำนาจเข้าไปตรวจค้นในสถานที่ของผู้ได้รับอนุญาตให้ขายสุราในเวลาทำการได้ตามพระราชบัญญัติสุราพ.ศ. 2493 มาตรา 28 โดยไม่ต้องมีหมายค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92 จำเลยใช้ขวดตีผู้เสียหายที่ 1 ที่ 2 และใช้ขวานเงื้อจะฟันผู้เสียหายที่ 3 ในขณะที่ผู้เสียหายทั้งสามทำการตรวจค้น แสดงว่าจำเลยมีเจตนาเพื่อการขัดขวางในครั้งนี้เท่านั้น จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5455/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตรวจค้นโดยไม่มีหมายค้นในกรณีฉุกเฉินและอำนาจเจ้าพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่
สารวัตรสืบสวนสอบสวนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทำการตรวจค้นได้ในเมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าสิ่งของที่ได้มาโดยการกระทำผิดได้ซ่อนหรืออยู่ในที่รโหฐาน และถ้ากรณีมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าหากเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมา ตรวจค้นในวันรุ่งขึ้นสิ่งของเหล่านั้นจะถูกโยกย้ายเสียก่อน และพยานหลักฐานสำคัญจะสูญหาย กรณีมีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่ง ฉะนั้นการค้นของสารวัตรสืบสวนสอบสวนแม้จะไม่มีหมายค้นและตรวจค้นในเวลากลางคืนก็อาจจะทำการค้นได้ ของกลางจำนวนมากเป็นชิ้นส่วนรถที่ได้จากที่รโหฐาน ซึ่งได้มีการตรวจสอบกันแล้ว และให้จำเลยรับรองไว้ว่าของกลางต่าง ๆ นั้นค้นได้ที่ที่รโหฐานดังกล่าวซึ่งจำเลยก็ได้ลงชื่อรับรองความถูกต้องไว้ตามบัญชีของกลาง ของกลางอันเป็นพยานวัตถุเหล่านี้จึงใช้ยันจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5455/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตรวจค้นโดยไม่มีหมายค้นในเหตุฉุกเฉิน และการใช้ของกลางเป็นหลักฐาน
พฤติการณ์ที่พวกของจำเลยนำชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์ที่ได้มาโดยการกระทำผิดบรรทุกรถยนต์ออกจากโกดังที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม โดยภายในโกดังที่เกิดเหตุมีการขน ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ตัดเป็นชิ้นแล้วบรรทุกรถยนต์กระบะอีกคันหนึ่งซึ่ง สามารถขับขนย้ายออกไปได้โดยง่าย มีเหตุผลเชื่อได้ว่าหากเนิ่นช้า กว่าจะเอาหมายค้นมาทำการตรวจค้นในวันรุ่งขึ้น สิ่งของดังกล่าว จะถูกโยกย้ายเสียก่อน และพยานหลักฐานสำคัญจะสูญหาย กรณีมีเหตุ ฉุกเฉินอย่างยิ่งพันตำรวจโท ป. ตำแหน่งสารวัตรสืบสวนสอบสวน ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่ย่อมทำการตรวจค้นโกดังที่ เกิดเหตุในเวลากลางคืนโดยไม่มีหมายค้นได้ ของกลางจำนวนมากเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ที่ได้จากโกดังที่เกิดเหตุได้มีการตรวจสอบและให้จำเลยลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องไว้ในบัญชีของกลางแล้ว ย่อมใช้ยันจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดทางอาญา, อำนาจฟ้อง, การปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ, การตรวจค้น, เหตุสมควร
คำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงองค์ประกอบอันเป็นความผิดตามป.อ.มาตรา 200 การเพิ่มเติมเฉพาะบทมาตรา 200 ในคำขอท้ายฟ้อง จึงไม่มีผลทำให้ศาลลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวได้ กรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้
จำเลยละเว้นไม่จับกุมผู้ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรแม้เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่จำเลยมิได้กระทำไปโดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ส.บอกจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจว่าโจทก์หยิบอาวุธปืนสั้นออกมาจากรถ การที่จำเลยตรวจค้นรถโจทก์จึงเป็นการกระทำโดยมีเหตุอันสมควรที่จะตรวจค้น มิใช่เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและทำให้โจทก์ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อหาดังกล่าวตาม ป.วิ.อ.มาตรา 220 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
จำเลยละเว้นไม่จับกุมผู้ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรแม้เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่จำเลยมิได้กระทำไปโดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ส.บอกจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจว่าโจทก์หยิบอาวุธปืนสั้นออกมาจากรถ การที่จำเลยตรวจค้นรถโจทก์จึงเป็นการกระทำโดยมีเหตุอันสมควรที่จะตรวจค้น มิใช่เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและทำให้โจทก์ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อหาดังกล่าวตาม ป.วิ.อ.มาตรา 220 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าพนักงาน การตรวจค้น การหน่วงเหนี่ยวกักขัง และการแจ้งความเท็จ
คำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงองค์ประกอบอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200 การเพิ่มเติมเฉพาะบทมาตรา 200 ในคำขอท้ายฟ้อง จึงไม่มีผลทำให้ศาลลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวได้กรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ จำเลยละเว้นไม่จับกุมผู้ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรแม้เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่จำเลยมิได้กระทำไปโดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ส.บอกจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจว่าโจทก์หยิบอาวุธปืนสั้นออกมาจากรถ การที่จำเลยตรวจค้นรถโจทก์จึงเป็นการกระทำโดยมีเหตุอันสมควรที่จะตรวจค้น มิใช่เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์การกระทำของจำเลยเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและทำให้โจทก์ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อหาดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2128/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉายภาพยนตร์ลามกและขัดขวางการตรวจค้นของเจ้าพนักงาน
การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันเพื่อความประสงค์แห่งการค้าหรือโดยการค้าทำให้แพร่หลายด้วยการฉายภาพยนตร์ที่แสดงความสัมพันธ์ทางเพศ อันเป็นภาพลามกอนาจาร เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 287(1) และการที่จำเลยทั้งสามขัดขวางมิให้เจ้าพนักงานตำรวจงัดกุญแจเข้าไปตรวจค้นภายในห้องซึ่งจำเลยนำเอาเครื่องฉายภาพยนตร์และฟิล์มไปเก็บไว้การกระทำของจำเลยทั้งสามดังกล่าวแสดงให้เห็นเจตนาว่าประสงค์มิให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานในการตรวจค้นจับกุมลุล่วงไปโดยสะดวก ถือได้ว่าเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ตาม ป.อ. มาตรา 138.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3322/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน: การกระชากรถเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้นเข้าข่ายความผิดมาตรา 298
ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นรถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับโดยโหนตัวขึ้นไปยืนบนบันไดรถ จำเลยขับรถกระชากออกไปโดยเร็วและไม่ยอมหยุดรถโดยเจตนาให้ผู้เสียหายตกจากรถจำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสจำเลยจึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 298
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3227/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมและการตรวจค้นสุราที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย: เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
จำเลยทั้งสี่ตรวจพบสุรากลั่นจำนวน 14 ขวด มีแรงแอลกอฮอล์สูงกว่าสุราที่ชอบด้วยกฎหมายและโจทก์ว่าเป็นสุราที่ซื้อมาจาก ล. ตัวแทนจำหน่ายสุราในอำเภอจักราช ดังนี้ ไม่ใช่ความผิดซึ่งเจ้าพนักงานเห็นโจทก์กำลังกระทำหรือพบในอาการซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่าโจทก์กระทำผิดมาแล้วสด ๆ จึงไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้าซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะจับโจทก์ได้โดยไม่มีหมายจับ.