คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ถอนอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 50 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาถอนฟ้อง vs. ถอนอุทธรณ์ ศาลต้องพิจารณาเจตนาที่แท้จริงของโจทก์ในการยื่นคำร้อง
คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การที่โจทก์ผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องฉบับหนึ่งว่า ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป จึงขอถอนฟ้องแล้วต่อมาได้ยื่นคำร้องอีกฉบับหนึ่งว่าที่ว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปจึงขอถอนฟ้องนั้น เกิดจากความบกพร่องและเข้าใจผิด ความจริงโจทก์ไม่มีความประสงค์จะดำเนินคดีนี้ต่อไป จึงขอถอนอุทธรณ์ ไม่ใช่ขอถอนฟ้อง ดังนี้ ต้องถือว่า โจทก์ประสงค์ที่จะถอนอุทธรณ์เท่านั้นไม่เจตนาที่จะขอถอนฟ้องคดีด้วย การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีโดยอาศัยเหตุที่โจทก์ขอถอนฟ้อง และขอถอนอุทธรณ์ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องตามคำร้องขอของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนอุทธรณ์หลังจำเลยยื่นคำแก้อุทธรณ์ จำเป็นต้องฟังจำเลยก่อน
โจทก์ถอนฟ้องอุทธรณ์เมื่อจำเลยยื่นคำแก้อุทธรณ์แล้ว จะต้องฟังจำเลยก่อน มิฉะนั้นห้ามมิให้ศาลอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนอุทธรณ์แล้วยื่นใหม่มิได้ แม้ยังอยู่ในอายุอุทธรณ์ หากคู่ความอีกฝ่ายมิได้อุทธรณ์
ภายหลังยื่นอุทธรณ์แล้ว จำเลยยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์โดยว่าไม่ประสงค์จะยื่นอุทธรณ์อีกต่อไป แต่ครั้นแล้วจำเลยกลับยื่นอุทธรณ์ใหม่โดยว่าที่ถอนไปนั้นเพราะหลงเชื่อผู้แนะว่าจะมีการอภัยโทษ ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์มิได้อุทธรณ์ด้วย คำพิพากษาศาลชั้นต้นย่อมเด็ดขาดถึงที่สุดสำหรับจำเลยแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ใหม่อีก แม้จะยังอยู่ภายในกำหนดอายุอุทธรณ์ก็ตาม
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2512)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนอุทธรณ์แล้วยื่นใหม่: ผลเด็ดขาดเมื่อคู่ความอีกฝ่ายไม่ยื่นอุทธรณ์
ภายหลังยื่นอุทธรณ์แล้ว จำเลยยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์โดยว่าไม่ประสงค์จะยื่นอุทธรณ์อีกต่อไปแต่ครั้นแล้วจำเลยกลับยื่นอุทธรณ์ใหม่โดยว่าที่ถอนไปนั้นเพราะหลงเชื่อผู้แนะว่าจะมีการอภัยโทษดังนี้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์มิได้อุทธรณ์ด้วยคำพิพากษาศาลชั้นต้นย่อมเด็ดขาดถึงที่สุดสำหรับจำเลยแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ใหม่อีกแม้จะยังอยู่ภายในกำหนดอายุอุทธรณ์ก็ตาม
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2512)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนอุทธรณ์แล้วยื่นใหม่ไม่ได้ แม้ในอายุอุทธรณ์ หากคู่ความอีกฝ่ายไม่ยื่นอุทธรณ์ คดีเด็ดขาดแล้ว
ภายหลังยื่นอุทธรณ์แล้ว จำเลยยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์โดยว่าไม่ประสงค์จะยื่นอุทธรณ์อีกต่อไป. แต่ครั้นแล้วจำเลยกลับยื่นอุทธรณ์ใหม่โดยว่าที่ถอนไปนั้นเพราะหลงเชื่อผู้แนะว่าจะมีการอภัยโทษ. ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์มิได้อุทธรณ์ด้วย. คำพิพากษาศาลชั้นต้นย่อมเด็ดขาดถึงที่สุดสำหรับจำเลยแล้ว. จำเลยไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ใหม่อีก.แม้จะยังอยู่ภายในกำหนดอายุอุทธรณ์ก็ตาม. (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2512).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฉ้อโกง: การสะดุดหยุดของอายุความเมื่อมีการอุทธรณ์ และการนับอายุความใหม่เมื่อถอนอุทธรณ์
จำเลยทำผิดฐานฉ้อโกงตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2492 และถูกฟ้องที่ศาลแขวงพระนครใต้ ศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2492 ให้ยกฟ้อง อ้างว่าคดีเกินอำนาจศาลแขวง จำเลยอุทธรณ์ว่า ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ระหว่างอุทธรณ์ จำเลยขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์ได้ โจทก์และจำเลยได้ฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2493 โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาเมื่อวันที่13 พฤษภาคม 2498 จากวันที่ 16 ตุลาคม 2493 ถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2498 ยังไม่ล่วงพ้นกำหนด5 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ เพราะระหว่างที่จำเลยยังอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแขวงพระนครใต้อยู่นั้น ต้องถือว่าคดีที่จำเลยถูกฟ้องนี้ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 79 ถือว่าอายุความยังสะดุดหยุดอยู่ตลอดมาจนถึงวันที่จำเลยได้ฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ คือ วันที่ 16 ตุลาคม 2493 ที่อนุญาตให้จำเลยถอนอุทธรณ์ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่17/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลและผลการถอนอุทธรณ์: คดีถึงที่สุดเฉพาะจำเลยที่ถอนอุทธรณ์
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า คดีเกินอำนาจโจทก์มิได้อุทธรณ์ แต่จำเลยกลับอุทธรณ์ว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาคดีนั้นได้แต่ภายหลังจำเลยบางคนขอถอนฟ้องอุทธรณ์เฉพาะตัวศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยที่ขอถอนถอนฟ้องอุทธรณ์ไปได้คงพิจารณาพิพากษาเฉพาะจำเลยคนอื่นแล้วพิพากษาว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนั้น ให้ศาลแขวงดำเนินการพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาพิพากษายืน ดังนี้คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ถอนอุทธรณ์นั้นถึงที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 202โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยที่ถอนอุทธรณ์มาดำเนินการพิจารณารวมเป็นคดีเดียวกับจำเลยอื่นตามฟ้องเดิมของโจทก์อีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมต้องมีข้อระงับข้อพิพาท การยื่นคำร้องถอนอุทธรณ์ไม่ใช่สัญญาประนีประนอม
คำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์มีข้อความกล่าวอ้างว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมายอมความเลิกความไม่ติดใจว่ากล่าวกันต่อไป แต่ไม่มีข้อความแสดงว่าได้มีการระงับข้อพิพาทระหว่างคู่สัญญาด้วยกันต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันอย่างใด นั้นเรียกไม่ได้ว่าเป็นหลักฐานสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 850 คงเป็นแต่เพียงคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536-560/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับอุทธรณ์คดีมโนสาเร่ การถอนอุทธรณ์ และการพิจารณาคดีที่จำเลยไม่ได้ลงนามในใบแต่งทนาย
การที่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอค้านว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นโมฆะเพราะมีจำเลย 5 รายไม่ได้เซ็นในใบแต่งทนายนั้น เมื่อปรากฏในสำนวนว่า ศาลชั้นต้นได้เรียกจำเลยสอบสวนแล้วว่า จำเลยทั้ง 5 ได้เซ้นชื่อในใบแต่งทนาย มิใช่ลายเซ็นปลอม ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ก็มิจำต้องสั่งคำร้องของฟ้องโจทก์นั้นประการใดอีก
การที่โจทก์กับทนายจำเลยทำสัญญาปราณีประนอมกัน โดยให้โจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาเรื่องปลอมหนังสือ แล้วจำะลยจะถอนฟ้องอุทธรณ์คดีนั้น โจทก์ได้ถอนฟ้องคดีอาญาแล้ว และทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์ แต่ตัวจำเลยได้ทำคำร้องขอถอนทนายเสีย และไม่ยอมถอนฟ้องอุทธรณ์นั้น ศาลอุทธรณ์ย่อไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องอุทธรณ์ได้
จำเลนหลายสำนวน ซึ่งศาลชั้นต้นได้รวมพิจารณาและพิพากษาฉะบับเดียว ได้ยื่นฟ้องอุทธรณ์รวมมาฉะบับเดียวกัน ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นอุทธรณ์ ส่งสำเนาให้โจทก์ แม้จะปรากฏว่าคดีทั้งหมดนี้เป็นคดีสามัญ เพียง 2 สำนวน นอกนั้นเป็นคดีมโนสาเร่ อันคู่ความจะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไม่ได้ก็ดี แต่เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านโต้แย้งความข้อนี้ในชั้นอุทธรณ์ จนกระทั่งศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นเหตุให้คดีฎีกาขึ้นมาได้ เพราะไม่ต้องห้ามแล้วเช่นนี้ โจทก์จะโต้แย้งศาลฎีกา ให้ศาลฎีกากลับพิจารณาถึงการรับอุทธรณ์ว่าเป็นการชอบไม่ชอบไม่ได้ เพราะไม่มีประเด็นในชั้นศาลฎีกาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, การถอนอุทธรณ์, พยานหลักฐาน, การคัดค้านผู้พิพากษา และการพิจารณาคดีแพ่ง-อาญาแยกกัน
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งในทางแพ่งและอาญารวมกันมา ศาลฎีกาแยกพิจารณาแลพิพากษาคดีแพ่งแลคดีอาญาคนละส่วนได้
ขอถอนอุทธรณ์ ยืนคำร้องขอถอนอุทธรณ์โดยทางไปรษณีย์ ศาลไม่รับไว้วินิจฉัย
ฏีกาอุทธรณ์การคัดค้านผู้พิพากษาว่าไม่มีอำนาจตัดสินต้องคัดค้านมาในชั้นศาลล่างมิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ฎีกาที่ไม่มีเหตุผลสนับสนุนเสียเลย ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
ที่ดิน ใบเหยียบย่ำ ไม่ใช่หนังสือสำคัญแห่งกรรมสิทธิ์ เป็นเพียงพยานหลักฐานว่ามีชื่อในใบเหยียบย่ำมาจองที่รายนั้นเมื่อใดเท่านั้น
of 5