คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทนาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 220 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจงใจประวิงคดีและการงดสืบพยาน
ผู้ร้องขอเลื่อนการสืบพยานผู้ร้องตั้งแต่วันนัดสืบพยานผู้ร้องนัดแรกติดต่อกันมาสี่ครั้ง ในวันนัดครั้งที่ 5 ผู้ร้องทั้งสามไม่มาศาล และทนายผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายความ พฤติการณ์ของผู้ร้องดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการจงใจประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานผู้ร้องจึงชอบแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการที่ทนายผู้ร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายความให้ผู้ร้องทั้งสามเป็นการจงใจที่จะประวิงคดีและเห็นไม่สมควรอนุญาตให้ทนายผู้ร้องถอนตัว จึงไม่จำเป็นที่ศาลจะต้องสอบถามผู้ร้องทั้งสามก่อน ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานผู้ร้องทั้งสามและพิพากษาคดีไปจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6319/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำขอพิจารณาใหม่ล่าช้า – พฤติการณ์นอกเหนือควบคุม – ความบกพร่องของทนาย
ทนายจำเลยได้ยื่นคำแถลงขอตรวจสำนวนคดีก่อนยื่นคำร้องพิจารณาใหม่แล้วถึง2ครั้งซึ่งศาลชั้นต้นก็อนุญาตจึงถือได้ว่าทนายจำเลยได้ทราบถึงข้อเท็จจริงแห่งคดีเพียงพอแล้วข้ออ้างของทนายจำเลยที่ว่าทนายจำเลยเป็นทนายความใหม่ยังไม่มีความชำนาญเพียงพอที่จะดำเนินการได้นั้นเป็นข้อบกพร่องของทนายจำเลยเองในการปฎิบัติหน้าที่กรณีมิใช่เป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ - เหตุไม่ทราบการส่งหมาย ไม่เป็นเหตุให้พิจารณาใหม่
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย อ้างว่าเพิ่งทราบการส่งหมายและสำเนาคำฟ้องหลังจากพ้นกำหนดยื่นคำให้การแล้ว แต่ตั้งใจที่จะแต่งทนายเพื่อซักค้านพยานโจทก์ เนื่องจากยอดหนี้ที่โจทก์ฟ้องสูงกว่าความจริงจำเลยมีหลักฐานต่อสู้คดีได้ คำขอดังกล่าวไม่มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลคำขอให้พิจารณาใหม่จึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 208 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5058/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อไม่พบผู้รับที่สำนักงานทนาย
พนักงานเดินหมายนำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้แก่ทนายจำเลยที่ 3 และที่ 4 ณ สำนักทำการงานของทนายจำเลยที่ 3 และที่ 4 แล้ว แต่ไม่พบตัวทนายความและไม่มีผู้รับหมายไว้แทน โดยปรากฏว่าสำนักงานถูกปิดไว้และใส่กุญแจ พนักงานเดินหมายจึงปิดหมายนัดไว้ตามคำสั่งศาลชั้นต้นเมื่อปรากฏว่าสำนักทำการงานที่ทนายจำเลยที่ 3 และที่ 4 ทำงานอยู่นั้นก็ได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นนานแล้ว ก่อนพนักงานเดินหมายนำหมายนัดไปปิดไว้ เช่นนี้จึงฟังไม่ได้ว่าได้ส่งหมายนัด ณ สำนักทำการงานของทนายจำเลยที่ 3 และที่ 4 ทั้งไม่ปรากฏว่าได้มีการส่งหมายนัดแก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 โดยตรงแต่อย่างใด การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงยังไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 ทราบนัดของศาลแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3352/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การย้ายสำนักงานทนายก่อนส่งหมายนัดฟังคำพิพากษา ทำให้การส่งหมายไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทนายจำเลยได้ย้ายสำนักงานไปจากที่เดิมก่อนวันที่พนักงานเดินหมายนำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปปิด การปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 79ดังนั้น กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ทนายจำเลย ตลอดจนการจดรายงานการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ย่อมเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ ชอบที่ศาลจะเพิกถอนเสียได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา27 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3219/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหลังย้ายสำนักงานทนาย และผลต่อการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่2ตุลาคม2533ไม่ปรากฎว่ามีคู่ความฝ่ายใดฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีจึงยังไม่ได้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลใดต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังใหม่ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ในวันที่26พฤษภาคม2535ซึ่งโจทก์ได้ยื่นฎีกาวันที่15มิถุนายน2535คำสั่งของศาลชั้นต้นในวันที่26พฤษภาคม2535จึงเป็นคำสั่งภายหลังที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาและเป็นคำสั่งตามคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังซึ่งศาลชั้นต้นได้ทำการไต่สวนเสร็จแล้วจึงไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาที่คู่ความจะต้องโต้แย้งไว้เพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปแต่อย่างใด ขณะส่งหมายนัดให้ทนายโจทก์โดยวิธีปิดหมายนัดสำนักงานทนายความของทนายโจทก์ย้ายไปแล้วการปิดหมายดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427-1428/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายในการถอนอุทธรณ์: สิทธิถอนฟ้องครอบคลุมถึงการถอนอุทธรณ์ได้
ใบแต่งทนายความมีข้อความให้ทนายโจทก์ทั้งสองมีอำนาจถอนฟ้องและสละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์รวมอยู่ด้วยทนายโจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5241/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายหลังตัวการถึงแก่กรรม: สัญญาตัวแทนระงับ แต่ทนายยังปกปักรักษาประโยชน์ได้จนกว่าจะมีผู้แทน
การที่คู่ความแต่งตั้งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวน-พิจารณาแทนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 60 นั้น เป็นการแต่งตั้งตัวแทนตาม ป.พ.พ.ลักษณะ 15 ว่าด้วยตัวแทน เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวการถึงแก่กรรม สัญญาตัวแทนย่อมระงับไป ทนายโจทก์คงมีอำนาจและหน้าที่จัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักรักษาประโยชน์ของโจทก์ต่อไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 828 จนกว่าทายาทหรือผู้แทนของโจทก์จะอาจเข้ามาปกปักรักษาประโยชน์ของโจทก์ อำนาจทนายโจทก์หาได้หมดสิ้นไปทันทีเมื่อโจทก์ถึงแก่กรรมไม่ ทนายโจทก์มีอำนาจลงนามเป็นผู้ฎีกาแทนโจทก์ได้ แต่เมื่อครบกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ที่ปรากฏต่อศาลว่าโจทก์ถึงแก่กรรมแล้วไม่มีผู้ใดยื่นคำขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ จึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารรบบความศาลฎีกาตามป.วิ.พ. มาตรา 42

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5175/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการมีทนายคดีอาญาอัตราโทษสูง - ศาลต้องสอบถามก่อนเริ่มพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชา ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522มาตรา 75 วรรคแรก และมาตรา 76 วรรคสอง แต่ละกระทงมีอัตราโทษจำคุกถึง 15 ปี ซึ่งตาม ป.วิ.อ. มาตรา 173 วรรคสอง บัญญัติว่าในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการ ก็ให้ศาลตั้งทนายให้ คดีนี้ศาลชั้นต้นมิได้สอบถามจำเลยเรื่องทนายเสียก่อนเริ่มพิจารณา แต่ได้ดำเนินคดีไปโดยจำเลยไม่มีทนายแล้วพิพากษาลงโทษจำเลย ในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1ได้พิพากษาลงโทษจำเลยอีกโดยไม่ได้ให้ศาลชั้นต้นจัดการเรื่องทนายเสียให้ถูกต้อง เป็นการฝ่าฝืนบทกฎหมายที่กล่าวแล้ว ศาลฎีกาเห็นควรให้ปฏิบัติเสียให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5175/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการได้รับทนายในคดีอัตราโทษสูง – การดำเนินการที่ไม่ถูกต้องของศาล
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกัญชา ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 75 วรรคแรก และมาตรา 76 วรรคสอง แต่ละกระทงมีอัตราโทษจำคุกถึง 15 ปี ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสองบัญญัติว่าในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการ ก็ให้ศาลตั้งทนายให้ คดีนี้ศาลชั้นต้นมีได้สอบถามจำเลยเรื่องทนายเสียก่อนเริ่มพิจารณาแต่ได้ดำเนินคดีไปโดยจำเลยไม่มีทนายแล้วพิพากษาลงโทษจำเลยในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้พิพากษาลงโทษจำเลยอีกโดยไม่ได้ให้ศาลชั้นต้นจัดการเรื่องทนายเสียให้ถูกต้องเป็นการฝ่าฝืนทบกฎหมายที่กล่าวแล้ว ศาลฎีกาเห็นควรให้ปฏิบัติเสียให้ถูกต้อง
of 22