คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทนายจำเลย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 82 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายจำเลยขาดนัดพิจารณาคดีด้วยเหตุผลส่วนตัว ถือเป็นการจงใจละเลยหน้าที่
ศาลชั้นต้นกำหนดวันเวลานัดสืบพยานโจทก์และทนายจำเลยได้ทราบกำหนดนัดแล้ว ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยไม่ไปศาลตามกำหนดนัดการที่ทนายจำเลยอ้างว่าเดินทางไปต่างจังหวัดและเกิดท้องเดินต้องรักษาตัวที่คลีนิกของแพทย์ที่ต่างจังหวัดจนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์อาการดีขึ้นจึงเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ในวันรุ่งขึ้นมาปฏิบัติราชการได้ตรวจสมุดนัดความจึงทราบว่าไม่ได้มาศาลในวันสืบพยานนั้นแม้เหตุดังกล่าวจะเป็นความจริงดังที่ทนายจำเลยอ้างก็ตามทนายจำเลยก็เป็นพนักงานอัยการย่อมรู้กฎหมายและกระบวนวิธีพิจารณาคดีของศาลดีว่า ความสำคัญของผลคดีที่ขาดนัดพิจารณานั้นเป็นอย่างไร เมื่อทนายจำเลยเองทราบว่าในเข้าวันนัดสืบพยานโจทก์นั้น ตนเองมาปฏิบัติราชการไม่ได้ก็น่าจะขวนขวายดำเนินการโทรศัพท์ถามไปยังจำเลยตัวความ หรือโทรศัพท์ไปยังผู้บังคับบัญชาให้ช่วยตรวจสอบว่า มีคดีที่ตนรับผิดชอบนัดพิจารณาในวันนั้นหรือไม่เพื่อจะได้ดำเนินการขอเลื่อนหรือแก้ไขต่อไป แต่ทนายจำเลยก็หาได้กระทำไม่ ทั้งได้ความจากทนายจำเลยเองว่า ที่คลินิกที่ทนายจำเลยพักรักษาตัวอยู่นั้นก็มีโทรศัพท์แต่ทนายจำเลยไม่ได้โทรศัพท์แจ้งให้ทางที่ทำงานทราบ นอกจากนี้ยังได้ความอีกว่า ทนายจำเลยไม่ได้คิดเรื่องงานเลย ประกอบกับเมื่อทนายจำเลยทราบวันเวลานัดในวันรุ่งขึ้นแล้ว ทนายจำเลยน่าจะกระตือรือร้นรีบยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่โดยเร็ว แต่กลับปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปประมาณ 25 วันทนายจำเลยมีหน้าที่ต้องเอาใจใส่ในการต่อสู้คดีของตัวความการที่ทนายจำเลยไม่ขวนขวายดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งและปล่อยปละละเลยดังกล่าวมา จึงเป็นการไม่เอาใจใส่ในหน้าที่และเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยเอง กรณีเช่นนี้ต้องถือว่าการขาดนัดพิจารณาของจำเลยเป็นไปโดยจงใจไม่มีเหตุอันสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตเลื่อนนัดสืบพยานเนื่องจากทนายจำเลยป่วยและยื่นคำร้องหลังศาลสั่งงดสืบพยาน ศาลใช้ดุลพินิจชอบแล้ว
ตามคำร้อง ของ ทนายจำเลยขอเลื่อนวันนัดสืบพยานจำเลย ซึ่งนัดเวลา 13.30 นาฬิกา ปรากฏว่าทนายจำเลยป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างแรงก่อนวันนัด 1 วัน นั้น ทนายจำเลยมีโอกาสยื่นคำร้องขอเลื่อนได้ก่อนเวลา 13.30 น. ของวันนัด แต่เสมียนทนายจำเลยยื่นคำร้องดังกล่าวในวันนัดเวลา 14.00 น.หลังจากศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้ว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนการสืบพยานจึง ชอบ แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1588/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีโดยทนายจำเลย: เหตุจำเป็น & สิทธิในการแต่งตั้งทนาย
ศาลเคยอนุญาตให้ทนายจำเลยเลื่อนคดีครั้งหนึ่งแล้ว ในนัดต่อมาทนายจำเลยคนเดิมขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยและศาลอนุญาตและในวันเดียวกันนั้นจำเลยได้แต่งตั้งทนายความคนใหม่ ทนายความคนใหม่มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างว่าทนายความคนใหม่ติดว่าความที่ศาลอื่น ดังนี้เป็นกรณีจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ ศาลชอบที่จะสั่งอนุญาตให้เลื่อนการนั่งพิจารณาไปได้อีกแม้จะเกินกว่าหนึ่งครั้งก็ตาม ทั้งนี้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5987/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย: ศาลต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริง ไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์
การร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุว่าป่วยเจ็บนั้น ป.วิ.พ.มาตรา 40 และ 41 มิได้บังคับว่าผู้ที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะต้องมีใบรับรองแพทย์มาแสดงด้วย จึงอยู่ที่ข้อเท็จจริงว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บจริงหรือไม่ หากศาลมีความสงสัยว่าทนายจำเลยจะป่วยเจ็บจริงหรือไม่ และอาการที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะร้ายแรงถึงกับไม่สามารถจะมาศาลได้หรือไม่ ศาลก็มีอำนาจไต่สวนคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 21(4) หรือจะตั้งเจ้าพนักงานศาลไปทำการตรวจดู ว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บหรือไม่เพียงใดแล้วจึงวินิจฉัยและมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับคำร้องนั้น ตามมาตรา 41.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5040/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลยทำให้จำเลยทราบวันนัดสืบพยานแล้วถือว่าขาดนัดจงใจ
ทนายจำเลยมาศาลภายหลังที่ศาลได้ทำการชี้สองสถานและกำหนดวันเวลานัดสืบพยานโจทก์โดยทนายจำเลยมิได้ ตรวจดูรายงานกระบวนพิจารณาเพียงแต่สอบถามวันเวลานัดสืบพยานโจทก์จากเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์จึงเป็นความ ประมาทเลินเล่อของทนายจำเลย ต้องถือว่าจำเลยทราบกระบวนพิจารณาและวันนัดสืบพยานโจทก์ของศาลแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 183วรรคสอง เมื่อจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยจึงขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5040/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลยทำให้จำเลยขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 183 วรรคสอง
ทนายจำเลยมาศาลภายหลังที่ศาลได้ทำการชี้สองสถานและกำหนดวันเวลานัดสืบพยานโจทก์โดยทนายจำเลยมิได้ตรวจดูรายงานกระบวนพิจารณาเพียงแต่สอบถามวันเวลานัดสืบพยานโจทก์จากเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์จึงเป็นความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลย ต้องถือว่าจำเลยทราบกระบวนพิจารณาและวันนัดสืบพยานโจทก์ของศาลแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 183วรรคสอง เมื่อจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยจึงขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องเนื่องจากทนายจำเลยลงชื่อรับทราบวันนัดฟังคำสั่งศาล และเพิกเฉยต่อการนำส่งสำเนาฎีกา
ฎีกาของจำเลยหน้าแรกมีข้อความซึ่งประทับด้วยตรายางของศาลชั้นต้นว่า "ให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 24 ตุลาคม 2532 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว" โดยมีทนายจำเลยลงชื่อไว้ ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยผู้ยื่นฎีกาจัดการนำส่งสำเนาฎีกาให้อีกฝ่ายหนึ่งภายใน15 วัน แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งในวันรุ่งขึ้นหลังจากจำเลยยื่นฎีกา(วันที่ 20 ตุลาคม 2532) ก็ตาม แต่การที่ทนายจำเลยลงชื่อทราบวันนัดให้มาฟังคำสั่งศาลดังกล่าว เป็นการแสดงเจตนายอมรับผูกพันตนเองว่าจะมาฟังคำสั่งในวันดังกล่าว ถ้าไม่มาก็ให้ถือว่าจำเลยทราบคำสั่งแล้ว ดังนั้นแม้จำเลยจะมิได้มาฟังคำสั่ง ก็ถือว่าคำสั่งศาลนั้นได้ส่งให้จำเลยโดยชอบ และจำเลยทราบคำสั่งนั้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2532 เมื่อจำเลยเพิกเฉยมิได้จัดการนำส่งสำเนาฎีกาภายในกำหนดเวลาที่ศาลสั่ง จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความโดยทนายจำเลยมีอำนาจ ทำให้สิทธิฟ้องอาญาของโจทก์ระงับ
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯระหว่างพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยตกลงกันได้และต่างแถลงร่วมกันว่าจำเลยได้ชำระเงินแก่โจทก์เกือบหมดแล้วส่วนที่เหลือจำเลยจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ในวันรุ่งขึ้นจากวันที่ตกลงกันโดยจำเลยจะออกเช็คเงินสดให้โจทก์ไว้ โจทก์รับว่าเมื่อได้รับเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้แล้ว โจทก์จะคืนเช็คอีก2 ฉบับที่จำเลยที่ 3 ออกให้ไว้ล่วงหน้าแก่จำเลย และโจทก์จะถอนฟ้องจำเลย ศาลชั้นต้นจึงเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป เมื่อถึงวันนัดฟังคำพิพากษา ทนายโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ชำระหนี้ตามเช็คแล้ว ทนายโจทก์เห็นควรให้ถอนฟ้อง แต่โจทก์ไม่ยอมถอนฟ้อง ดังนี้เมื่อคดีเป็นความผิดต่อส่วนตัว และใบแต่งทนายความปรากฏว่าทนายโจทก์มีอำนาจประนีประนอมยอมความแทนโจทก์ได้ทนายโจทก์ย่อมจะขอยอมความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรคสองและมีผลผูกพันโจทก์ เมื่อโจทก์ได้รับเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้แก่โจทก์แล้ว จึงมีผลเป็นการยอมความ ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4101-4102/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย ศาลเชื่อถือใบรับรองแพทย์ได้ แม้ภายหลังจะพบว่าไม่ตรงความจริง
การที่ศาลเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริงเพราะมีใบรับรองแพทย์แนบมาพร้อมคำร้องขอเลื่อนคดีจึงอนุญาตให้เลื่อนคดีเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบ มิได้เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อการสั่งเลื่อนคดีดังกล่าวไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบแล้ว แม้ความจะปรากฏต่อมาว่าจำเลยเสนอใบรับรองแพทย์ซึ่งไม่ตรงต่อความจริงต่อศาลเพื่อขอเลื่อนคดี ศาลจะยกเลิกเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวในภายหลังหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4044/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายจำเลยทิ้งคดี ทำให้จำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลฎีกาให้พิจารณาใหม่ได้
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยอาจให้ทนายความไปศาลถามค้านพยานโจทก์ โดยจำเลยไม่ต้องไปศาลก็ได้ แต่ทนายจำเลยได้ทิ้งคดีไม่ไปศาลเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาตามหน้าที่โดยไม่แจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบ ทั้งได้ย้ายภูมิลำเนาหลบหนีการถูกดำเนินคดีอาญาในคดีอื่นไปอยู่ที่ใดไม่ปรากฏ ทำให้จำเลยทั้งสองไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาในวันนัดนั้นได้ การที่จำเลยทั้งสองไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองจงใจขาดนัดพิจารณา จึงสมควรที่จะให้มีการพิจารณาคดีใหม่ตามคำร้องของจำเลยทั้งสอง
of 9