พบผลลัพธ์ทั้งหมด 38 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตที่ดินพิพาท: การพิจารณาตามเส้นเขตที่คู่ความยอมรับและหลักการที่ดินงอก
เมื่อคู่ความรับว่าที่พิพาทคือที่ที่ปรากฏอยู่ภายในเส้นสีแดงตามแผนที่พิพาท เป็นแต่เถียงกันว่าเป็นของฝ่ายใดดังนี้แล้วก็ให้ศาลพิจารณาคดีไปตามนั้น ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงว่าจะควรวัดเขตที่ดินที่งอกออกไปอย่างไรเพราะไม่มีข้อเถียงกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินถูกน้ำเซาะพังกลายเป็นทางน้ำ กรรมสิทธิ์ในที่ดินงอกใหม่เป็นของใคร ต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ที่ดินที่ถูกน้ำเซาะพัง+เปลี่ยนสภาพกลาย+ทางน้ำแล้ว ก็จะเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน+คลังผู้ใดจะได้กรรมสิทธิ+นั้นก็ต้องเป็นไปตาม+ว่าด้วยการได้มาแห่ง+สิทธิ
+เพียงแต่ตลิ่งพังทลายลง+ไปชั่วคราวอาจยังไม่พอถือว่าตรงนั้นเป็นทางน้ำ+ต้องฟังข้อเท็จจริงให้+ว่าที่ดินที่พังลงไปนั้นทางน้ำมาแล้วหรือไม่
+เพียงแต่ตลิ่งพังทลายลง+ไปชั่วคราวอาจยังไม่พอถือว่าตรงนั้นเป็นทางน้ำ+ต้องฟังข้อเท็จจริงให้+ว่าที่ดินที่พังลงไปนั้นทางน้ำมาแล้วหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1535/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินงอกริมตลิ่ง: การครอบครองโดยอาศัยอำนาจผู้อื่นไม่ทำให้เกิดกรรมสิทธิ์
+งอกริมตลิ่งย่อมเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น ไม่ใช่ที่ว่างเปล่าของรัฐบาล, อยู่ในที่ดินโดยอาศัยอำนาจบุคคลอื่น ซึ่งเจ้าของที่ดินอนุญาตให้อยู่ได้นั้น แม้จะได้อยู่มาช้านานเท่าใดก็หาได้กรรมสิทธิ์ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินงอกติดไปกับที่ดินเดิม เจ้าของเดิมโอนขายแล้วสิทธิในที่งอกย่อมตกไปสู่ผู้ซื้อ
ที่ดินริมตลิ่งมีที่งอกเจ้าของขายให้แก่ผู้ซื้อไปโดยมิได้มีการแบ่งแยกที่งอกออกจากที่ดินดังนี้ ที่งอกย่อมตกติดไปกับที่ดินผืนใหญ่นั้นด้วย
เจ้าของที่ดินจะอ้างว่าปกครองปรปักษ์ต่อตนเองไม่ได้
เจ้าของที่ดินจะอ้างว่าปกครองปรปักษ์ต่อตนเองไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินงอกริมตลิ่งและสิทธิหวงห้ามลำน้ำ คดีขับไล่และค่าเสียหาย
+ริมตลิ่งย่อมเปนทรัพย์ของเจ้าของที่ดินแปลงนั้นเจ้าของที่ดินริมตลิ่งย่อมมีสิทธิ+หวงตลอดลำน้ำลำคลอง+ที่ดินของตน ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.242(3) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ที่ขอให้ขับไล่จำเลยเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยตามฟ้องดังนี้ ก็มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดถึงเรื่องเสียหายได้โดยมิต้องสั่งให้ศาลชั้นต้นตัดสินในข้อนี้+
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินงอกริมตลิ่ง: การซื้อขายฝากครอบคลุมที่ดินทั้งแปลง แม้ไม่อยู่ในโฉนด
ที่ดินแปลงใดเกิดที่งอกริมตลิ่ง ที่งอกนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิของเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่และผู้ซื้อที่ดินแปลงใหญ่นั้นย่อมได้ที่งอกริมตลิ่งนั้นด้วย เว้นแต่จะมีข้อกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นโดยแจ้งชัด ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง +-94 การนำสืบตีความหมายเจตนาของคู่กรณีในสัญญาซื้อขายนั้นมิเป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9214/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินงอกริมตลิ่งสาธารณประโยชน์: สิทธิในที่ดินงอกเป็นของที่ดินสาธารณประโยชน์เดิม
ในขณะที่ ข. นำรังวัดที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เพื่อออกโฉนดที่ดินเลขที่ 1837 เมื่อปี 2508 นั้น ข. ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในขณะนั้นได้ตกลงยินยอมให้นายอำเภอบางละมุงกันที่ดินส่วนสุดเขตทางด้านทิศตะวันตกที่ระบุว่าจดทะเลไปจนถึงทะเลในระยะ 15 เมตร ไว้เป็นที่ชายทะเลสาธารณประโยชน์ ซึ่งถือได้ว่า ข. ได้ยกหรืออุทิศที่ดินส่วนนั้นให้เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้ว แม้จะมิได้มีการทำหลักฐานกันไว้เป็นหนังสือหรือจดทะเบียนโอนต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ก็มีผลบังคับได้ตามกฎหมายแล้ว เมื่อที่ดินที่กันไว้เป็นที่สาธารณประโยชน์เกิดที่งอกริมตลิ่งขึ้น ที่ดินที่งอกขึ้นนั้นย่อมเป็นทรัพย์สินของที่สาธารณประโยชน์แปลงนั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1308 หาใช่เป็นที่งอกริมตลิ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 1837 ของโจทก์ไม่
จำเลยให้การตั้งประเด็นต่อสู้คำฟ้องโจทก์ว่า ตามหลักฐานที่ปรากฏในรูปแผนที่โฉนดที่ดินเลขที่ 1837 ระบุว่า ด้านทิศตะวันตกของที่ดินจดชายทะเล ซึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า "ที่ชายทะเล" หมายถึง "เขตระหว่างแนวน้ำทะเลต่ำสุดกับแนวน้ำทะเลขึ้นสูงสุด" ซึ่งแสดงว่า แต่เดิมที่ดินของโจทก์ด้านทิศตะวันตกที่เกิดที่งอกนั้นติดชายทะเลที่น้ำท่วมถึง ที่ดินที่น้ำขึ้นลงดังกล่าว (ชายหาด) ย่อมเป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทประชาชนใช้ร่วมกัน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304 (2) ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ที่ดินของโจทก์ดังกล่าวมิได้อยู่ติดกับทะเล แต่มีชายทะเล (ชายหาด) กั้นอยู่ระหว่างที่ดินของโจทก์กับพื้นน้ำทะเล ที่ดินที่งอกขึ้นจากชายทะเลดังกล่าว จึงเป็นที่ดินที่งอกขึ้นจากที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่งอกดังกล่าวจึงยังคงเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามพื้นที่ที่ดินที่งอกขึ้นมา ตามคำให้การของจำเลยเช่นว่านี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ โดยชัดแจ้งแล้วว่าที่งอกริมตลิ่งที่ดินพิพาท มิใช่ที่งอกริมตลิ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 1837 ของโจทก์ โดยอ้างเหตุแห่งการปฏิเสธว่าที่งอกริมตลิ่งพิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งของที่ชายทะเล ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์หาใช่เป็นที่งอกริมตลิ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 1837 ของโจทก์ไม่ ส่วนที่จำเลยนำสืบว่าที่ชายหาดเป็นที่สาธารณประโยชน์ เนื่องจาก ข. เจ้าของที่ดินเดิมตกลงอุทิศให้แก่อำเภอบางละมุงนั้น เป็นเพียงรายละเอียดที่จำเลยสามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาเพื่อสนับสนุนข้อเถียงตามคำให้การจำเลยในประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่งอกริมตลิ่งพิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งของที่สาธารณประโยชน์นั่นเอง จึงหาใช่เป็นการนำสืบและพิพากษาคดีนอกฟ้องนอกประเด็นอันจักต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 ไม่
จำเลยให้การตั้งประเด็นต่อสู้คำฟ้องโจทก์ว่า ตามหลักฐานที่ปรากฏในรูปแผนที่โฉนดที่ดินเลขที่ 1837 ระบุว่า ด้านทิศตะวันตกของที่ดินจดชายทะเล ซึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า "ที่ชายทะเล" หมายถึง "เขตระหว่างแนวน้ำทะเลต่ำสุดกับแนวน้ำทะเลขึ้นสูงสุด" ซึ่งแสดงว่า แต่เดิมที่ดินของโจทก์ด้านทิศตะวันตกที่เกิดที่งอกนั้นติดชายทะเลที่น้ำท่วมถึง ที่ดินที่น้ำขึ้นลงดังกล่าว (ชายหาด) ย่อมเป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทประชาชนใช้ร่วมกัน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304 (2) ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ที่ดินของโจทก์ดังกล่าวมิได้อยู่ติดกับทะเล แต่มีชายทะเล (ชายหาด) กั้นอยู่ระหว่างที่ดินของโจทก์กับพื้นน้ำทะเล ที่ดินที่งอกขึ้นจากชายทะเลดังกล่าว จึงเป็นที่ดินที่งอกขึ้นจากที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่งอกดังกล่าวจึงยังคงเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามพื้นที่ที่ดินที่งอกขึ้นมา ตามคำให้การของจำเลยเช่นว่านี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ โดยชัดแจ้งแล้วว่าที่งอกริมตลิ่งที่ดินพิพาท มิใช่ที่งอกริมตลิ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 1837 ของโจทก์ โดยอ้างเหตุแห่งการปฏิเสธว่าที่งอกริมตลิ่งพิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งของที่ชายทะเล ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์หาใช่เป็นที่งอกริมตลิ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 1837 ของโจทก์ไม่ ส่วนที่จำเลยนำสืบว่าที่ชายหาดเป็นที่สาธารณประโยชน์ เนื่องจาก ข. เจ้าของที่ดินเดิมตกลงอุทิศให้แก่อำเภอบางละมุงนั้น เป็นเพียงรายละเอียดที่จำเลยสามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาเพื่อสนับสนุนข้อเถียงตามคำให้การจำเลยในประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่งอกริมตลิ่งพิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งของที่สาธารณประโยชน์นั่นเอง จึงหาใช่เป็นการนำสืบและพิพากษาคดีนอกฟ้องนอกประเด็นอันจักต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10534/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินงอกริมตลิ่ง: ที่ดินงอกเกิดขึ้นจากเขื่อน แม้ไม่ใช่ธรรมชาติ ก็ถือเป็นที่ดินงอกของเจ้าของที่ดินเดิม
แม้ที่งอกอันเป็นที่ดินพิพาทในคดีนี้จะเกิดขึ้นจากการที่บุคคลอื่นสร้างเขื่อนหินยื่นลงไปในทะเลใกล้กับที่ดินของโจทก์ทำให้เกิดการสะสมของตะกอนทรายแล้วเกิดที่งอกจากที่ดินดังกล่าวของโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างเขื่อนหินดังกล่าว ก็ถือได้ว่าที่งอกของที่ดินของโจทก์เป็นที่งอกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โจทก์จึงเป็นเจ้าของที่งอกดังกล่าวตาม ป.พ.พ. มาตรา 1308