คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ที่ดินวัด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 39 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีศาสนสมบัติ, การแต่งตั้งทนาย, และการบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินวัด
กรมการศาสนามีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับศาสนสมบัติของวัดได้เพราะมีระเบียบตราไว้ให้มีอำนาจจัดการผลประโยชน์ของวัด
อธิบดีผู้ซึ่งมีกระแสพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับทราบคำสั่งและยังไม่ได้ส่งมอบงานย่อมยังมีอำนาจตั้งทนายแทนกรมได้
เมื่อตำแหน่งอธิบดีว่างลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงย่อมมีอำนาจตั้งข้าราชการชั้นใด ๆ ก็ได้เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งอธิบดี ในเมื่อเห็นเป็นการสมควรผู้รักษาการผู้ได้รับคำสั่งนั้นย่อมมีอำนาจตั้งทนายแทนกรมนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611-612/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินวัดและธรณีสงฆ์ ห้ามโอนกรรมสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โฉนดที่ได้มาจากการแย่งชิงถือเป็นโมฆะ
ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์นั้นผู้ใดจะยกเอาโฉนดมาต่อสู้ถือกรรมสิทธิมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369-370/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าอาวาสในการฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ดินวัด แม้มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการผลประโยชน์
การเช่าที่ดินธรณีสงฆ์ของวัดแม้แต่เดิมผู้เช่าจะได้ทำสัญญาต่อคณะกรรมการอำเภอ ซึ่งเป็นผู้จัดการผลประโยชน์ของวัด แล้วต่อมาทางการได้โอนมาให้เจ้าอาวาสจัดการเอง เมื่อสัญญาเช่าสิ้นอายุและเจ้าอาวาสได้บอกเลิกการเช่าแล้วผู้เช่าไม่ออกไป เจ้าอาวาสย่อมมีสิทธิมอบอำนาจให้ฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ ในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาสมีอำนาจตามกฎหมายอยู่แล้ว จึงไม่จำต้องคำนึงถึงว่าการโอนมาให้เจ้าอาวาสจัดการเองนั้น ได้แจ้งให้ผู้เช่าทราบหรือไม่ และไม่ต้องมีการมอบหมายให้มีอำนาจฟ้องคดีอีกชั้นหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิที่ดินวัด & ละเมิดจากการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง: สัญญาให้ที่ธรณีสงฆ์ถือเป็นทรัพย์สินของวัดได้
เจ้าอาวาสมีอำนาจและหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ปกครองคณะสงฆ์ 2484 ในเรื่องจัดการทรัพย์สมบัติของวัด ถ้ามีกรณีฟ้องร้องเจ้าอาวาสจะฟ้องร้องเอง หรือมอบอำนาจให้เวยยาวัจจกรฟ้องร้องแทนได้.
ในสัญญายกกรรมสิทธิที่ดินให้ปรากฎว่า ที่ธรณีสงฆ์เป็นผู้รับนั้น ย่อมเป็นที่เข้าใจว่าเป็นการให้เป็นทรัพย์สมบัติของวัด เพราะที่ธรณีสงฆ์ไม่ใช่บุคคล
ข้อความในสัญญาปรากฎว่า "สิ่งซึ่งปลูกสร้างลงในที่ดินรายนี้ย่อมยกให้ด้วยทั้งสิ้น" ดังนั้นเรือนที่ปลูกอยู่ในที่ดินในขณะทำสัญญายกให้ ย่อมตกเป็นกรรมสิทธิแก่ผู้รับในขณะทำสัญญาแล้วนั้น ผู้ใดรื้อถอนภายหลังโดยไม่มีอำนาจอย่างใดย่อมต้องรับผิดในลักษณะละเมิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1868/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิในเรือนสร้างบนที่ดินของวัด: สิทธิส่วนควบ & การปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต
เจ้าอาวาสปลูกสร้างเรือนพิพาทในที่ดินธรณีสงฆ์ของวัดโดยใช้เงินของผู้อื่นซึ่งมีศรัทธาถวายเพื่อเป็นที่พักเวลามาทำบุญนั้น เรือนนั้นตกเป็นกรรมสิทธิของวัดเพราะเป็นส่วนควบของที่ดิน
สิทธิที่จะปลูกสร้างในที่ดินของผู้อื่นจะเกิดขึ้นได้โดยเจ้าของที่ดินได้ก่อให้เกิดขึ้นโดยนิติกรรม อันผู้มีสิทธิอาจฟ้องร้องบังคับเอาได้
เจ้าอาวาสมีหน้าที่บำรุงรักษาจัดการสมบัติของวัด จึงมีสิทธิมอบอำนาจให้ไวยาวัจจกรฟ้องร้องคดีแทนวัดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2474

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินวัด: สิทธิเหนือโต้แย้งด้วยการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้
ที่ซึ่งวัดได้ปกครองมาก่อนช้านานต้องสันนิษฐานว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ ที่วัดผู้ใดจะอ้างอำนาจปกครองปรปักษ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 603/2474

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทิศที่ดินให้วัด: แม้ไม่มีหนังสือ เมื่อมีการครอบครองเกิน 10 ปี ถือว่าสำเร็จเด็ดขาด
พิธีอุทิศที่ดินโฉนดเก่าให้เป็นที่ธรณีสงฆ์จะต้องทำอย่างไรบ้าง ยกที่ให้วัดเป็นที่ธรณีสงฆ์ เมื่อมีภิกษุเข้าครอบครองเป็นวัดมาตั้ง 10 ปีกว่าแล้วแม้การให้ไม่ได้ทำหนังสือก็ดีก็ใช้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9359/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินวัด: วัดมีอำนาจฟ้องเองได้ ไม่ต้องผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
โจทก์เป็นนิติบุคคลตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และเป็นเจ้าของที่ดินธรณีสงฆ์ที่พิพาท จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์บางส่วนเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัย เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลง โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาและให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินพิพาทแล้ว จำเลยมิได้ปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท เท่ากับจำเลยยอมรับอำนาจการจัดการที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์ที่เช่าของโจทก์มาตั้งแต่แรก เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าที่ดินต่อไป จำเลยยังคงครอบครองและไม่ยอมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
การฟ้องคดีเพื่อขับไล่ผู้ที่อยู่ในที่ดินของวัดโจทก์ไม่ได้อยู่ในบังคับที่จะต้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 40 เพราะบทบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีหน้าที่ดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติกลางได้แก่ทรัพย์สินของพระศาสนาซึ่งมิใช่ของวัดใดวัดหนึ่งเท่านั้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6460-6472/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินวัด การรวมวัด การครอบครองปรปักษ์ และการฟ้องขับไล่
วัดโคกเป็นวัดร้างที่รวมเข้ากับวัดโจทก์ก่อนที่จะมีพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ รัตนโกสินทร์ศก 121 ออกมาใช้บังคับ จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการรวมวัดที่ไม่ชอบหรือขัดต่อกฎหมายที่ดินวัดโคกที่รวมเข้ากับวัดโจทก์จึงเป็นศาสนสมบัติของโจทก์ มิใช่ศาสนสมบัติกลางซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมการศาสนาที่จะดูแลรักษาและจัดการ โจทก์ชอบที่จะขอออกโฉนดครอบคลุมที่ดินทั้งหมดอันเป็นศาสนสมบัติของตนได้
วัดโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านพักอาศัย ทั้งการฟ้องคดีเพื่อขับไล่ผู้ที่อยู่ในที่ดินของวัดโดยละเมิดไม่ได้อยู่ในบังคับที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมการศาสนาหรือได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคมตามกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2511) ออกตามความใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
จำเลยทั้งสิบสามต่างคนต่างเป็นจำเลยในแต่ละสำนวนที่ถูกโจทก์ฟ้องเท่านั้น มิได้เป็นจำเลยในสำนวนอื่นที่ได้รวมพิจารณาเข้าด้วยกัน การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยมิได้สั่งแยกเป็นรายสำนวนจึงไม่ถูกต้อง
of 4