คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ที่ดินสาธารณสมบัติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 82 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1377-1378/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณสมบัติ: ประกาศสงวนที่ดินย้อนหลังมีผลผูกพัน แม้ไม่มีพระราชกฤษฎีกา
การที่ทางราชการอำเภอจันทึกได้ประกาศสงวนหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าไว้เพื่อใช้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 30 ตุลาคม 2478 นั้นแม้ในภายหลังได้มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 ซึ่ง มาตรา 4 และ มาตรา 5 บัญญัติว่าการหวงห้ามที่ดินดังกล่าวต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกา ก็หามีผลลบล้างถึงที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประกาศดังกล่าวอยู่ก่อนแล้วไม่ ประกาศของอำเภอจันทึกลงวันที่ 30 ตุลาคม 2478 มีข้อความตอนท้ายของประกาศยกเว้นมิให้ที่ดินที่เป็นสิทธิของราษฎรอยู่ก่อนแล้วกลายสภาพเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประกาศ ดังกล่าว ผู้โอนขายที่พิพาทแก่โจทก์ ที่ 1 ได้ที่พิพาทมาโดยการจับจอง เมื่อ พ.ศ. 2493 ส่วน โจทก์ ที่ 2 ได้ที่พิพาทมาโดยการจับจองเมื่อ พ.ศ. 2497 ที่พิพาททั้งสองแปลงมิได้เป็นสิทธิของราษฎรซึ่ง มีมาตั้งแต่ก่อนทางราชการได้ประกาศสงวนที่ดินใน พ.ศ. 2478 จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งจะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305 โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิในที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน: การประกาศสงวนที่ดินย้อนหลังมีผลผูกพันหรือไม่ และสิทธิการครอบครองก่อนประกาศ
การที่ทางราชการอำเภอจันทึกได้ประการสงวนหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าไว้เพื่อใช้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 30 ตุลาคม 2478 นั้น แม้ในภายหลังได้มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 ซึ่งมาตรา 4 และมาตรา 5 บัญญัติว่าการหวงห้ามที่ดินดังกล่าวต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกา ก็หามีผลลบล้างถึงที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประกาศดังกล่าวอยู่ก่อนแล้วไม่ ประกาศของอำเภอจันทึกลงวันที่ 30 ตุลาคม 2478 มีข้อความตอนท้ายของประกาศยกเว้นมิให้ที่ดินที่เป็นสิทธิของราษฎรอยู่ก่อนแล้วกลายสภาพเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประกาศดังกล่าว ผู้โอนขายที่พิพาทแก่โจทก์ที่ 1 ได้ที่พิพาทมาโดยการจับจองเมื่อ พ.ศ. 2493ส่วนโจทก์ที่ 2 ได้ที่พิพาทมาโดยการจับจองเมื่อ พ.ศ. 2497ที่พิพาททั้งสองแปลงมิได้เป็นสิทธิของราษฎรซึ่งมีมาตั้งแต่ก่อนทางราชการได้ประกาศสงวนที่ดินใน พ.ศ. 2478 จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งจะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิในที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3978/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหวงห้ามที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การดำเนินการตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ และการพิจารณาการหวงห้ามโดยไม่ต้องมีพระราชกฤษฎีกา
ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นตามธรรมดารัฐยอมใช้เพื่อประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์รวมกันได้ ส่วนวิธีการที่จะหวงห้ามนั้นย่อมแตกต่างกันไปตามกาลสมัย เพิ่งมาบัญญัติเป็นกฎหมายขึ้นใช้บังคับเมื่อ พ.ศ. 2478 โดยพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่า อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินพ.ศ. 2478 ซึ่งได้หวงห้ามโดยวิธีการออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ต่อมาพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปโดยพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา4(6) ดังนั้นเมื่อการสงวนหวงห้ามที่ดินพิพาทเป็นการสงวนหรือหวงห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 8 ตรี ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 334 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515โดยเป็นกฎหมายที่ออกมาภายหลังจากที่พระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่า อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว การหวงห้ามจึงไม่จำต้องดำเนินการโดยออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5389/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณสมบัติ: การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ออกทับที่ดินสาธารณประโยชน์
เดิมที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ต่อมานายอำเภอท้องที่ ได้ประกาศหวงห้ามที่พิพาทไว้เพื่อให้ประชาชนพักผ่อนหย่อนใจ และอาบน้ำร้อน ซึ่งที่พิพาทมิใช่นายอำเภอท้องที่ประกาศหวงห้ามแล้วไม่มีประชาชนใช้ประโยชน์อะไรเลย กลับปรากฏว่าเป็นที่ที่ประชาชนใช้พักผ่อนหย่อนใจ ใช้อาบน้ำร้อน ทั้งมีท่อซีเมนต์ฝังลงในดิน เป็นบ่อมีศาลาสำหรับพักร้อนตั้งแต่นั้นมา ดังนั้นที่พิพาทจึงเป็นที่ รกร้างว่างเปล่ามีสภาพเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ใช้เพื่อ สาธารณประโยชน์และเป็นที่ดินที่พลเมืองใช้ร่วมกัน จึงเป็นที่ สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(1)(2) การที่นายอำเภอท้องที่ประกาศหวงห้ามที่พิพาทไว้จะดำเนินการถูกต้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามบทบัญญัติพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นที่สาธารณสมบัติของ แผ่นดินพ.ศ. 2478 โดยชอบหรือไม่ หาเป็นข้อสาระสำคัญแต่ประการใด ในเมื่อที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้ว และแม้ต่อมาจะมีผู้ครอบครองที่พิพาทจนกระทั่งทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ และโจทก์ได้รับสิทธิครอบครองมาโดยการซื้อจากการขาย ทอดตลาดตามคำสั่งศาลก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมาย เฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305 โจทก์จึงไม่อาจได้สิทธิครอบครองที่พิพาท รวมทั้งไม่อาจออกเอกสารสิทธิใด ๆ ในที่พิพาทได้หนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทที่โจทก์ได้รับโอนมาจึงเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลย มี อำนาจที่จะออกคำสั่งเพิกถอนเสียได้ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกข้อเท็จจริงตามคำแถลงของโจทก์ และเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์มาเป็นข้อวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็น ที่พลเมืองใช้ร่วมกันหาเป็นการนอกฟ้องไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3205/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณสมบัติ การครอบครองประโยชน์ใช้สอย และข้อจำกัดเรื่องอายุความ
ที่พิพาทเคยเป็นทางเรือที่ประชาชนเคยใช้ประโยชน์ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินมาก่อน แม้จำเลยจะถมที่พิพาทจนเป็นที่ว่างและน้ำท่วมไม่ถึง เมื่อยังไม่มีการเพิกถอนสภาพที่ดินดังกล่าวตาม ป.ที่ดิน และทางราชการยังสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันที่พิพาทจึงยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังนี้ โจทก์ครอบครองมานานเท่าใด ก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง และโจทก์ต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1306.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6180/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นโมฆะ โจทก์ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อ
ที่ดินพิพาทที่โจทก์ให้จำเลยเช่าซื้อเป็นที่ราชพัสดุและเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำที่ดินพิพาทไปให้จำเลยเช่าซื้อ เพราะต้องห้ามมิให้โอนกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305 สัญญาเช่าซื้อจึงตกเป็นโมฆะตามมาตรา 113 เพราะมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการพ้นวิสัยและต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย โจทก์จึงต้องคืนค่าเช่าซื้อให้จำเลยเพราะเป็นการรับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ตามมาตรา 406 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6180/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นโมฆะ โจทก์ต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อให้จำเลย
ที่ดินพิพาทที่โจทก์ให้จำเลยเช่าซื้อเป็นที่ราชพัสดุและเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำที่ดินพิพาทไปให้จำเลยเช่าซื้อ เพราะต้องห้ามมิให้โอนกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305 สัญญาเช่าซื้อจึงตกเป็นโมฆะตามมาตรา 113 เพราะมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการพ้นวิสัยและต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย โจทก์จึงต้องคืนค่าเช่าซื้อให้จำเลยเพราะเป็นการรับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ตามมาตรา 406 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทกรรมสิทธิ์ที่ดินสาธารณสมบัติ การต่อสู้คดีของจำเลยร่วม และการห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ได้กล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจึงไม่เป็นการกล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ แม้ว่าจำเลยร่วมจะได้ยื่นคำร้องสอดอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยร่วมกับสามีก็ตาม แต่จำเลยร่วมขอเข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2) ซึ่งตามมาตรา 58 วรรคสอง ห้ามมิให้ผู้ร้องสอดใช้สิทธิอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่มีอยู่แก่คู่ความฝ่ายซึ่งตนเข้าเป็นโจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมในชั้นพิจารณาเมื่อตนร้องสอด และห้ามมิให้ใช้สิทธิเช่นว่านั้นในทางที่ขัดกับสิทธิของโจทก์หรือจำเลยเดิมดังนั้น จำเลยร่วมจึงต้องต่อสู้คดีด้วยข้อต่อสู้ของจำเลย ที่ว่าที่พิพาทไม่ใช่ที่ดินของโจทก์แต่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งเป็นข้อต่อสู้ที่มิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ แม้ข้อเท็จจริงตามสำนวนจะไม่ปรากฏว่าที่พิพาทอาจให้เช่าในขณะยื่นคำฟ้องเกินเดือนละ 5,000 บาทหรือไม่ แต่ที่พิพาทมิได้ตั้งอยู่ในทำเลการค้าอันจะทำให้ค่าเช่าที่ดินสูงเป็นพิเศษ และจำเลยใช้ที่พิพาทปลูกบ้านอยู่อาศัยมีเนื้อที่เพียงเล็กน้อย ที่พิพาทจึงอาจให้เช่าในขณะยื่นคำฟ้องได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 248 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณสมบัติ: สิทธิของประชาชนในการใช้ประโยชน์ร่วมกัน แม้ไม่มีการขึ้นทะเบียน
การเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ เป็นไปตามสภาพของที่นั่นเองไม่มีกฎหมายบังคับว่าสาธารณสมบัติของแผ่นดินจะต้องขึ้นทะเบียนไว้ ที่ดินพิพาทเป็นที่กักกันสัตว์ป่วยไว้รักษาซึ่งราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 โจทก์จะอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยครอบครองทำประโยชน์มานานแล้วหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณสมบัติ: การพิสูจน์สภาพที่ดินและการใช้ประโยชน์ร่วมกันของประชาชน
การเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ เป็นไปตามสภาพของที่นั้นเอง ไม่มีกฎหมายบังคับว่าสาธารณสมบัติของแผ่นดินจะต้องขึ้นทะเบียนไว้ ที่ดินพิพาทเป็นที่กักกันสัตว์ป่วยไว้รักษาซึ่งราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 โจทก์จะอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยครอบครองทำประโยชน์มานานแล้วหาได้ไม่
of 9