พบผลลัพธ์ทั้งหมด 35 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ราชพัสดุเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้มีการจดทะเบียนโอน สิทธิไม่สมบูรณ์ ทะเบียนที่ราชพัสดุมีน้ำหนักเป็นพยาน
ที่ราชพัสดุราชการใช้สำหรับรับเสด็จและเป็นที่พักกรมการอำเภอ สุขาภิบาลใช้ปลูกสร้างที่ทำการประปา ที่ประชุมสุขาภิบาล จึงเป็นทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (3) แม้จะได้มีการจดทะเบียนโอนไปยังบุคคลภายนอกโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทนก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิประการใด
ทะเบียนที่ราชพัสดุที่จำเลยอ้าง เป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น ย่อมให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง เป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายัน จะต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือไม่ถูกต้องแห่งเอกสาร จำเลยไม่จำต้องนำพยานบุคคลมาสืบประกอบ เมื่อโจทก์สืบหักล้างเอกสารไม่ได้ ศาลก็รับฟังทะเบียนที่ราชพัสดุเป็นพยานได้
ทะเบียนที่ราชพัสดุที่จำเลยอ้าง เป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น ย่อมให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง เป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายัน จะต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือไม่ถูกต้องแห่งเอกสาร จำเลยไม่จำต้องนำพยานบุคคลมาสืบประกอบ เมื่อโจทก์สืบหักล้างเอกสารไม่ได้ ศาลก็รับฟังทะเบียนที่ราชพัสดุเป็นพยานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ราชพัสดุเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้มีการจดทะเบียนโอน สิทธิไม่สมบูรณ์ เอกสารมหาชนมีน้ำหนักเชื่อถือได้
ที่ราชพัสดุราชการใช้สำหรับรับเสด็จและเป็นที่พักกรมการอำเภอ สุขาภิบาลใช้ปลูกสร้างที่ทำการประปา ที่ประชุมสุขาภิบาล จึงเป็นทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3)แม้จะได้มีการจดทะเบียนโอนไปยังบุคคลภายนอกโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทนก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิประการใด
ทะเบียนที่ราชพัสดุที่จำเลยอ้าง เป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น ย่อมให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายัน จะต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือไม่ถูกต้องแห่งเอกสารจำเลยไม่จำต้องนำพยานบุคคลมาสืบประกอบ เมื่อโจทก์สืบหักล้างเอกสารไม่ได้ศาลก็รับฟังทะเบียนที่ราชพัสดุเป็นพยานได้
ทะเบียนที่ราชพัสดุที่จำเลยอ้าง เป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น ย่อมให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายัน จะต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือไม่ถูกต้องแห่งเอกสารจำเลยไม่จำต้องนำพยานบุคคลมาสืบประกอบ เมื่อโจทก์สืบหักล้างเอกสารไม่ได้ศาลก็รับฟังทะเบียนที่ราชพัสดุเป็นพยานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ราชพัสดุเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้มีการจดทะเบียนโอน สิทธิไม่สมบูรณ์ เอกสารมหาชนมีน้ำหนักใช้พิสูจน์ได้
ที่ราชพัสดุราชการใช้สำหรับรับเสด็จและเป็นที่พักกรมการอำเภอ สุขาภิบาลใช้ปลูกสร้างที่ทำการประปา ที่ประชุมสุขาภิบาล. จึงเป็นทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ. จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3). แม้จะได้มีการจดทะเบียนโอนไปยังบุคคลภายนอกโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทนก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิประการใด.
ทะเบียนที่ราชพัสดุที่จำเลยอ้าง เป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น ย่อมให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง. เป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายัน จะต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือไม่ถูกต้องแห่งเอกสาร. จำเลยไม่จำต้องนำพยานบุคคลมาสืบประกอบ. เมื่อโจทก์สืบหักล้างเอกสารไม่ได้. ศาลก็รับฟังทะเบียนที่ราชพัสดุเป็นพยานได้.
ทะเบียนที่ราชพัสดุที่จำเลยอ้าง เป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น ย่อมให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง. เป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายัน จะต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือไม่ถูกต้องแห่งเอกสาร. จำเลยไม่จำต้องนำพยานบุคคลมาสืบประกอบ. เมื่อโจทก์สืบหักล้างเอกสารไม่ได้. ศาลก็รับฟังทะเบียนที่ราชพัสดุเป็นพยานได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2994/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขับไล่จากที่ราชพัสดุ: ผู้เช่า/ผู้ให้เช่ามีอำนาจฟ้องคดีได้อย่างไรเมื่อมีผู้บุกรุก
โจทก์ทำสัญญาก่อสร้างอาคารยกกรรมสิทธิ์ให้กระทรวงการคลังกับโจทก์ร่วมโดยให้โจทก์มีสิทธิเช่าที่ราชพัสดุเป็นเวลา 30 ปี แต่โจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ราชพัสดุพิพาทไม่ได้เพราะมีบ้านจำเลยปลูกอยู่ ทำให้โจทก์ร่วมผู้ให้เช่าส่งมอบที่ราชพัสดุพิพาทให้แก่โจทก์ไม่ได้ เป็นเรื่องที่โจทก์ถูกรอนสิทธิ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ราชพัสดุพิพาทโดยลำพัง
โจทก์ในฐานะผู้เช่าซึ่งเป็นผู้ถูกจำเลยรอนสิทธิชอบที่จะขอให้ศาลเรียกโจทก์ร่วมในฐานะผู้ให้เช่าเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับโจทก์ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเพื่อศาลจะได้วินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างผู้เป็นคู่กรณีทั้งหลายรวมไปเป็นคดีเดียวกัน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 477 ประกอบมาตรา 549 แต่จำเลยกลับเป็นฝ่ายยื่นคำร้องขอให้เรียกโจทก์ร่วมเข้าเป็นจำเลยตามฟ้องแย้งของจำเลยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (3) เมื่อโจทก์ร่วมอยู่ในฐานะจำเลยร่วมตามฟ้องแย้ง มิใช่อยู่ในฐานะเป็นโจทก์ร่วมกับโจทก์ จึงเข้าเป็นคู่ความในฐานะถูกฟ้องตามมาตรา 58 วรรคหนึ่ง โจทก์ร่วมย่อมไม่อาจมีคำขอบังคับให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ราชพัสดุพิพาทได้ดังเช่นคำฟ้อง และคงเป็นเพียงคำให้การแก้ฟ้องแย้งและขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารพร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ราชพัสดุพิพาท
โจทก์ในฐานะผู้เช่าซึ่งเป็นผู้ถูกจำเลยรอนสิทธิชอบที่จะขอให้ศาลเรียกโจทก์ร่วมในฐานะผู้ให้เช่าเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับโจทก์ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเพื่อศาลจะได้วินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างผู้เป็นคู่กรณีทั้งหลายรวมไปเป็นคดีเดียวกัน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 477 ประกอบมาตรา 549 แต่จำเลยกลับเป็นฝ่ายยื่นคำร้องขอให้เรียกโจทก์ร่วมเข้าเป็นจำเลยตามฟ้องแย้งของจำเลยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (3) เมื่อโจทก์ร่วมอยู่ในฐานะจำเลยร่วมตามฟ้องแย้ง มิใช่อยู่ในฐานะเป็นโจทก์ร่วมกับโจทก์ จึงเข้าเป็นคู่ความในฐานะถูกฟ้องตามมาตรา 58 วรรคหนึ่ง โจทก์ร่วมย่อมไม่อาจมีคำขอบังคับให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ราชพัสดุพิพาทได้ดังเช่นคำฟ้อง และคงเป็นเพียงคำให้การแก้ฟ้องแย้งและขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารพร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ราชพัสดุพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6225/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องค่าเสียหายจากที่ราชพัสดุ: เริ่มนับเมื่อใด และระยะเวลาเท่าใด
โจทก์รู้ว่าตนถูกโต้แย้งสิทธิและมีสิทธิฟ้องคดีขอให้เพิกถอนที่ดินพิพาทพ้นจากที่ราชพัสดุและเรียกร้องค่าเสียหายได้ตั้งแต่โจทก์ได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์เมื่อปี 2520 หรืออย่างช้าไม่เกินปี 2527 ซึ่งเป็นปีที่โจทก์ถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกที่ดินพิพาท เมื่อโจทก์เพิ่งจะยื่นคำฟ้องคดีนี้เรียกร้องค่าเสียหายต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2539 ก็ถือเป็นการฟ้องคดีต่อเนื่องจากการที่โจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิและมีสิทธิฟ้องคดีได้ อันเป็นระยะเวลาล่วงเลยมาถึงประมาณ 12 ปีเป็นอย่างน้อย คดีของโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว หาใช่สิทธิเรียกร้องที่เกิดขึ้นโดยคำพิพากษาของศาลที่ถึงที่สุดดังที่โจทก์ฟ้องไม่ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ และมีคำขอด้วยว่า เพื่อมิให้คดีต้องล่าช้าเสียเวลา ขอศาลอุทธรณ์ได้โปรดวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่น ๆ ที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยไปเสียเลยทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนแล้วพิพากษากลับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเต็มตามฟ้องแก่โจทก์ รวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมโดยกำหนดค่าทนายความอัตราขั้นสูงแก่โจทก์ด้วย อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงต้องคิดค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ในศาลชั้นต้นตามบัญชีท้าย ป.วิ.พ. ตาราง 1 ข้อ (1) (ก)
คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ และมีคำขอด้วยว่า เพื่อมิให้คดีต้องล่าช้าเสียเวลา ขอศาลอุทธรณ์ได้โปรดวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่น ๆ ที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยไปเสียเลยทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนแล้วพิพากษากลับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเต็มตามฟ้องแก่โจทก์ รวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมโดยกำหนดค่าทนายความอัตราขั้นสูงแก่โจทก์ด้วย อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงต้องคิดค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ในศาลชั้นต้นตามบัญชีท้าย ป.วิ.พ. ตาราง 1 ข้อ (1) (ก)