คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ที่สุด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นปฏิเสธการอุทธรณ์ เป็นที่สุด ห้ามฎีกา
คำสั่งศาลอุทธรณ์ซึ่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ เป็นที่สุดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 ฎีกา ต่อไปไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น และคำสั่งศาลอุทธรณ์คำสั่งเป็นที่สุด
ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด ฎีกาต่อไปไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2291/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจนายกฯ อายัดทรัพย์สินเพื่อความมั่นคง และการวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด
การที่นายกรัฐมนตรีโดยมติคณะรัฐมนตรีอาศัยอำนาจตาม มาตรา17 ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของ ถ. อันเป็นเหตุให้รถยนต์พิพาทซึ่งมีชื่อภริยาของ ถ. ทางทะเบียนถูกอายัดไปด้วยนั้น เนื่องมาจากคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และเมื่อนายกรัฐมนตรีโดยมติคณะรัฐมนตรีโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 17 ดังกล่าว มีคำสั่งต่อเนื่องจากคำสั่งเดิม ให้ทรัพย์สินที่ถูกอายัดหรือยึดไว้ตามคำสั่งฉบับแรกตกเป็นของรัฐทันที ในกรณีที่บุคคลใดอ้างว่าทรัพย์สินนั้นเป็นของตนให้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น ถ้าคณะกรรมการเห็นว่าผู้ร้องไม่อาจพิสูจน์ให้เป็นที่พอใจได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ตนได้มาโดยสุจริตและโดยชอบ ให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดไม่คืนทรัพย์สินให้ การวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด คำสั่งที่ให้การวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการในกรณีไม่คืนทรัพย์เป็นที่สุดนั้น ก็เป็นดุลพินิจของนายกรัฐมนตรีโดยมติของคณะรัฐมนตรีที่สั่งการไปตามอำนาจที่มีอยู่ตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการที่วินิจฉัยชี้ขาดไม่คืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ แต่โจทก์มิได้กล่าวมาในฟ้องว่าคณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอย่างไรบ้าง การที่โจทก์อ้างมาในฎีกาว่ารถยนต์เป็นของโจทก์ควรจะคืนให้โจทก์จึงเป็นเรื่องโต้เถียงคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการซึ่งโจทก์มีความเห็นไม่ตรงกับคณะกรรมการเท่านั้น หาใช่คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไม่ เมื่อคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการเป็นไปโดยชอบ คำสั่งจึงเป็นอันยุติเด็ดขาดเพียงนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ถือเป็นที่สุดตามกฎหมาย
เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ คำสั่งนั้นเป็นที่สุดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ วรรคท้าย (ฉบับที่8) พ.ศ.2517 มาตรา 5. โจทก์ฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์: ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นถือเป็นที่สุด
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่า เรือนที่โจทก์นำยึดมาขายทอดตลาดใช้หนี้ตามคำพิพากษาเป็นของผู้ร้อง ราคา 2,000 บาท ศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่าอุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์สั่งว่าคดีมีทุนทรัพย์ 2,000 บาท และเรือนในลักษณะถูกยึดมาขายเช่นคดีนี้ย่อมเป็นสังหาริมทรัพย์ ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ให้เป็นที่สุดผู้ร้องฎีกาไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา236

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งรับอุทธรณ์เป็นที่สุด ไม่สามารถฎีกาคัดค้านได้
ในคดีแพ่งหรือคดีอาญาเมื่อศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของคู่ความฝ่ายหนึ่งแล้ว คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะฎีกาคัดค้านว่าไม่ควรรับนั้นหาได้ไม่เพราะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 ประกอบด้วย มาตรา215 และในคดีแพ่งคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ได้รับอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 732/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับการรับหรือไม่รับอุทธรณ์ ถือเป็นที่สุดตามกฎหมาย ไม่สามารถฎีกาได้
ในกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์เพราะยื่นเกินกำหนดเวลานั้น เมื่อ ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นหรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์แล้ว คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่ สุดตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 236 คู่ความจะฎีกาต่อไปมิได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 732/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับการรับหรือไม่รับอุทธรณ์เป็นที่สุด ห้ามฎีกา
ในกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์เพราะยื่นเกินกำหนดเวลานั้นเมื่อศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นหรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์แล้ว คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 236คู่ความจะฎีกาต่อไปมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดเดิม แม้จะใช้บทกฎหมายอื่น โจทก์เลือกฟ้องบทใดแล้วถือเป็นที่สุด
จำเลยนำเอาความที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จไปแจ้งและร้องเรียนต่อปลัดอำเภอว่า ฮ. กับพวกปล้นทรัพย์ปลัดอำเภอจึงจับฮ. กับพวกควบคุมไว้ โจทก์ได้ฟ้องขอให้ลงโทษฐานแจ้งความเท็จ ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษไปแล้ว ดังนี้โจทก์จะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้ ฮ. กับพวกเสื่อมเสียอิสรภาพไม่ได้ เพราะการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท โจทก์ได้เลือกฟ้องขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามบทใดบทหนึ่งเสร็จไปแล้ว ต้องวินิจฉัยว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดของจำเลยซึ่งโจทก์ได้เลือกฟ้องนั้นแล้วตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9284/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลอุทธรณ์ในคดีรื้อฟื้นคดีอาญาถือเป็นที่สุด ผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
การร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 นั้น มาตรา 8 ศาลชั้นต้นต้องไต่สวนคำร้อง แล้วส่งสำนวนการไต่สวนพร้อมความเห็นไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาว่าจะสั่งรับคำร้องนั้นไว้เพื่อดำเนินการพิจารณาคดีนั้นใหม่หรือไม่ตามมาตรา 9 ซึ่งในการพิจารณาคำร้องของศาลอุทธรณ์ตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "...ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำร้องนั้นไม่มีมูล ให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องนั้น" และวรรคสอง บัญญัติว่า "คำสั่งศาลอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งให้เป็นที่สุด" เมื่อคดีอยู่ในชั้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาสำนวนการไต่สวนพร้อมความเห็นของศาลชั้นต้นเพื่อพิจารณาสั่งรับคำร้องของผู้ร้องทั้งสองหรือไม่ตามมาตรา 10 ดังกล่าว มิใช่กรณีที่มีการพิจารณาคดีใหม่แล้วมีคำพิพากษาตามมาตรา 13 ที่จะฎีกาได้ตามมาตรา 15 (2) ดังนั้น คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่วินิจฉัยว่า คำร้องของผู้ร้องทั้งสองไม่มีมูลพอที่จะรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่และให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง จึงเป็นที่สุดตามมาตรา 10 วรรคสอง ผู้ร้องทั้งสองไม่มีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลฎีกาได้ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้องทั้งสองมานั้นเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 6