คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บทหนัก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 66 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1230/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีอาญาก่อนมี พ.ร.บ.ศาลแขวง และการใช้บทกฎหมายที่หนักกว่าเป็นคุณแก่จำเลย
คดีอาญาเหตุเกิดและอยู่ในระหว่างสอบสวนของพนักงานสอบสวนก่อนใช้ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 อัยการโจทก์ย่อมมีอำนาจดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องมีการไต่สวนมูลฟ้องในศาลแขวงก่อน
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดกว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 306 เพราะกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา306 มีกำหนดโทษจำคุกขั้นต่ำและอัตราปรับอย่างต่ำเป็นบทบังคับไว้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำโดยอาศัยบททำร้ายร่างกาย แม้ลงโทษตามบทหนักอื่น
เมื่อศาลพิพากษาจำเลยกระทำผิดตาม ก.ม.อาญา ม.119,120,254 ดังนี้แม้ศาลจะใช้ ม.120 เป็นบทลงโทษจำเลยก็ดี ก็เป็นเรื่องปรับบทลงโทษจำเลยตาม ก.ม.เท่านั้น คดียังต้องฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายตาม ม. 254 ซึ่งเป็นความอาญาอันเป็นเหตุร้ายตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 ถ้ามีเหตุสมควรศาลก็มีอำนาจเพิ่มโทษกักกันจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษตาม ม.74 ต้องเป็นความผิดในหมวดเดียวกันกับความผิดเดิม แม้ศาลลงโทษตามบทหนัก
ความผิดที่จะเป็นเหตุให้เพิ่มโทษเป็นทวีคูณคามความใน ม.74 นั้น จะต้องเป็นความผิดที่อยู่ในประเภท(หมวด) เดียวกับความผิดในครั้งก่อน
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์พ้นโทษแล้วมากระทำผิดครั้งนี้ขึ้นอีก คือ ลักทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกสินไถ่สำหรับความผิดครั้งนี้แม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม ม. 294 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์และ ม. 270 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ แต่เมื่อศาลให้ลงโทษจำเลยตาม ม.270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่มาตราเดียว ดังนี้ความผิดของจำเลยในครั้งนี้จึงเป็นความผิดซึงปรับอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพเท่านั้นและเป็นความผิดคนละหมวดกับผิดครั้งก่อนซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์ ดังนี้จะเพิ่มโทษจำเลยตาม ม. 74 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษซ้ำตามมาตรา 74 ต้องเป็นความผิดในหมวดเดียวกัน ศาลพิพากษาลงโทษตามบทหนักบทเดียว
ความผิดที่จะเป็นเหตุให้เพิ่มโทษเป็นทวีคูณตามความใน มาตรา 74 นั้น จะต้องเป็นความผิดที่อยู่ในประเภท(หมวด)เดียวกับความผิดในครั้งก่อน
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์พ้นโทษแล้วมากระทำผิดครั้งนี้ขึ้นอีกคือลักทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกสินไถ่สำหรับความผิดครั้งนี้แม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 294 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์และมาตรา 270 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพแต่เมื่อศาลให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่มาตราเดียวดังนี้ความผิดของจำเลยในครั้งนี้จึงเป็นความผิดซึ่งปรับอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพเท่านั้นและเป็นความผิดคนละหมวดกับความผิดครั้งก่อนซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์ ดังนี้จะเพิ่มโทษจำเลยตาม มาตรา 74 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดบทหนักในความผิดหลายบท ต้องพิจารณาอัตราโทษจำคุกสูงสุด ไม่ใช่อัตราโทษปรับ
การใช้บทกฎหมายที่อาญาหนักลงโทษความผิดที่ละเมิดกฎหมายหลายบทนั้นต้องถืออัตราโทษจำคุกสูงสุดที่ศาลอาจวางกำหนดลงโทษแก่จำเลยสำหรับความผิดที่จำเลยกระทำลงได้นั้นเป็นสำคัญ มิใช่ถืออัตราโทษปรับมากน้อยหรือต้องลงโทษทั้งจำทั้งปรับ
ตาม พระราชบัญญัติศุลกากรนั้น ความผิดฐานพยายามมีโทษเท่ากับความผิดสำเร็จ เมื่อความผิดของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามพระราชบัญญัติศุลกากรจึงเป็นบทหนักกว่า พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกฯ
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2497

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปรับบทหนัก พ.ร.บ.ศุลกากรและควบคุมการส่งออก-นำเข้า: ปรับตามราคาสินค้า
จำเลยกระทำผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากรและพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่างซึ่งศาลให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติฉบับหลังเป็นบทหนักนั้นตามมาตรา 3 แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปฯลฯ (ฉบับที่3)2490 ศาลย่อมมีอำนาจปรับจำเลยเป็นรายตัวคนละ5 เท่าของราคาสินค้าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1869/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวง: ความผิดหลายบท ใช้บทหนัก แม้บทเบาอยู่ในอำนาจ
ในกรณีที่ฟ้องอ้างว่าจำเลยกระทำความผิดซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบทด้วยกันนั้น หากพิจารณาได้ข้อเท็จจริงตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์แล้ว ศาลก็ต้องใช้อาญาที่เป็นบทหนักลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 70 ฉะนั้นเมื่อความผิดตามบทกฎหมายที่หนักนั้น เกินอำนาจศาลแขวงแม้ความผิดบทเบา จะอยู่ในอำนาจศาลแขวง ศาลแขวงก็ต้องพิพากษายกฟ้องเสีย เพราะต้องถือว่าเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับโทษทางศุลกากรและยาสูบ: แยกปรับเป็นรายตัวได้, ความผิดกรรมเดียวกันใช้บทหนัก
ความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรมาตรา 27 ศาลจะแยกปรับจำเลยเป็นรายตัวหรือปรับจำเลยรวมกันก็ได้ เมื่อรวมกันเป็น 4 เท่าราคาของรวมค่าอากรด้วย.
ในกรณีที่ลงโทษตาม พ.ร.บ.ศุลกากร เมื่อมีเหตุลดหรือเพิ่มโทษจำเลยไม่เหมือนกัน ศาลต้องปรับแยกกัน.
การกระทำผิดฐานช่วยเหลือให้ทำการค้ายาสูบตาม พ.ร.บ.ศุลกากร กับมียาสูบในครอบครองโดยไม่ปิดแสตมป์เป็นกรรมเดียวกัน ต้องลงโทษตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งเป็นบทหนัก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเครื่องชั่งตวงวัด, การลงโทษตามบทหนัก, และสิทธิในการเรียกร้องค่าสินบนนำจับ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีและใช้เครื่องชั่งที่ถูกแก้ไขและมีคำรับรองของเจ้าพนักงานและอ้าง พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัด 2466 มาตรา 31, 32 จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามมาตรา 32 ซึ่งเป็นบทหนักได้
เงินค่าสินบลผู้จับในคดีผิด พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัดนั้น ไม่มี ก.ม.ใดให้อำนาจอัยยการจะฟ้องเรียกสินบลให้แก่ผู้จับ
(อ้างฎีกา 362/2481, 218/2482)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับเรียกค่าสินไถ่และการข่มขู่เรียกทรัพย์: ศาลฎีกาแก้ข้อกล่าวหาปล้นทรัพย์ แต่ยืนตามบทหนักเดิม
จำเลยกับพวกจับตัวผู้เสียหายไปควบคุมตัวไว้แล้วบังคับเอาเงินจากพ่อตาและภรรยาเพื่อสินไถ่ และเรียกผู้เสียหายคนอื่นอีก 6 คนมาหาว่าลักควายบังคับให้หาเงินมาให้จำเลยดังนี้ การกระทำในตอนแรกเป็นเรื่องจับตัวไปบังคับเรียกเอาค่าสินไถ่โดยตรง การกระทำในตอนหลังก็ไม่มีกริยาเป็นโจรชิงทรัพย์ตามความหมายของกฎหมายจึงไม่ใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 301,270 แต่ให้รวมกระทงลงโทษตาม มาตรา270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่บทเดียวโจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านประการใด ดังนี้
เมื่อศาลฎีกาคงเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 270ซึ่งเป็นบทหนักอยู่แล้ว แม้จะเห็นว่าจำเลยไม่ผิดตามมาตรา 301 ด้วย ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีผิดฐานใดอีก เพราะลงโทษบทหนักอยู่แล้ว
อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 301,270 กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์ถ้าศาลพิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 301 แล้ว อัยการก็ไม่มีอำนาจเรียกเงินคืนแทนผู้เสียหาย
of 7