พบผลลัพธ์ทั้งหมด 98 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5704/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหนี้ตามบัญชีเดินสะพัด การคิดดอกเบี้ย และการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในจำนวนหนี้ที่จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ตามบัญชีเดินสะพัด เมื่อบรรยายฟ้องก็กล่าวถึงเวลาขอเปิดบัญชีในวงเงินที่กำหนด และมีการเบิกจ่ายเงินและชำระหนี้กันเป็นระยะเวลาหลายปี จนถึงผลสุดท้ายก็มียอดหนี้ของจำเลยทั้งสองรวมทั้งดอกเบี้ย แม้เอกสารการ์ดบัญชีที่แสดงว่าเป็นหนี้กันอยู่จะแนบมาพร้อมฟ้องเพียงบางส่วน ก็นับว่าชัดแจ้งพอที่จะเข้าใจข้อหาและจำนวนหนี้ได้ดี ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
จำเลยทั้งสองมิได้ต่อสู้คดีไว้ว่าจะต้องรับผิดไม่เกิน 200,000 บาทตามสัญญาเท่านั้น เพิ่งยกขึ้นโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย จำเลยทั้งสองมิได้โต้แย้งว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้ไม่ถูกต้องประการใดบ้าง กลับโต้แย้งว่าจำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดเกิน 200,000 บาท จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง
เมื่อหนี้ยังไม่ระงับจำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยตามสัญญา แต่ดอกเบี้ยที่คิดมาในฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ชอบ สมควรให้คิดใหม่โดยพิพากษาให้ยกฟ้องและไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ซึ่งเป็นอำนาจศาลอุทธรณ์ที่จะพิพากษาได้
จำเลยทั้งสองมิได้ต่อสู้คดีไว้ว่าจะต้องรับผิดไม่เกิน 200,000 บาทตามสัญญาเท่านั้น เพิ่งยกขึ้นโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย จำเลยทั้งสองมิได้โต้แย้งว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้ไม่ถูกต้องประการใดบ้าง กลับโต้แย้งว่าจำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดเกิน 200,000 บาท จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง
เมื่อหนี้ยังไม่ระงับจำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยตามสัญญา แต่ดอกเบี้ยที่คิดมาในฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ชอบ สมควรให้คิดใหม่โดยพิพากษาให้ยกฟ้องและไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ซึ่งเป็นอำนาจศาลอุทธรณ์ที่จะพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9345/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักษณะนิติสัมพันธ์เป็นบัญชีเดินสะพัด ไม่ใช่การกู้ยืมเงิน แม้ฟ้องอ้างเป็นการกู้ยืม
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยได้เอาเงินไปจากโจทก์เป็นคราว ๆ โดยโจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยเอาเงินที่รับไปเหมามะม่วงและเอามะม่วงมาส่งให้โจทก์โดยหักค่ามะม่วงจากเงินที่รับไป เมื่อส่งมะม่วงหมดแล้วจึงคิดบัญชีกัน หากค่ามะม่วงที่ส่งให้โจทก์ยังไม่พอกับจำนวนเงินที่จำเลยเอาไป จำเลยจะต้องรับผิดชอบ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวหาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์และตกลงจะนำเงินมาใช้คืนให้โจทก์ไม่ จึงไม่ใช่เรื่องกู้ยืมเงินตาม ป.พ.พ.มาตรา 653 แต่กรณีเช่นนี้นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นลักษณะของบัญชีเดินสะพัดตาม ป.พ.พ. มาตรา 856
แม้โจทก์จะฟ้องและฎีกาว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป แต่โจทก์ก็ได้อ้างเอกสารท้ายฟ้องมาเป็นหลักในการฟ้องด้วย ซึ่งเมื่อพิเคราะห์คำฟ้องประกอบกับเอกสารท้ายฟ้อง อันกล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการที่จำเลยเอาเงินโจทก์ไป และข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยรวมทั้งการคิดราคาค่ามะม่วงแต่ละครั้งที่จำเลยนำมาส่งให้โจทก์แล้ว เห็นได้ว่าฟ้องโจทก์บรรยายเข้าลักษณะของบัญชีเดินสะพัด ซึ่งศาลมีอำนาจยกบทกฎหมายที่ถูกต้องมาปรับแก่คดีได้
แม้โจทก์จะฟ้องและฎีกาว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป แต่โจทก์ก็ได้อ้างเอกสารท้ายฟ้องมาเป็นหลักในการฟ้องด้วย ซึ่งเมื่อพิเคราะห์คำฟ้องประกอบกับเอกสารท้ายฟ้อง อันกล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการที่จำเลยเอาเงินโจทก์ไป และข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยรวมทั้งการคิดราคาค่ามะม่วงแต่ละครั้งที่จำเลยนำมาส่งให้โจทก์แล้ว เห็นได้ว่าฟ้องโจทก์บรรยายเข้าลักษณะของบัญชีเดินสะพัด ซึ่งศาลมีอำนาจยกบทกฎหมายที่ถูกต้องมาปรับแก่คดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9345/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติสัมพันธ์ซื้อขายมะม่วงผ่านบัญชีเดินสะพัด มิใช่การกู้ยืมเงิน
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยได้เอาเงินไปจากโจทก์เป็นคราว ๆ โดยโจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยเอาเงินที่รับไปเหมามะม่วงและเอามะม่วงมาส่งให้โจทก์โดยหักค่ามะม่วงจากเงินที่รับไป เมื่อส่งมะม่วงหมดแล้วจึงคิดบัญชีกันหากค่ามะม่วงที่ส่งให้โจทก์ยังไม่พอกับจำนวนเงินที่จำเลยเอาไป จำเลยจะต้องรับผิดชอบ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวหาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์และตกลงจะนำเงินมาใช้คืนให้โจทก์ไม่ จึงไม่ใช่เรื่องกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 แต่กรณีเช่นนี้นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นลักษณะของบัญชีเดินสะพัดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 856 แม้โจทก์จะฟ้องและฎีกาว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปแต่โจทก์ก็ได้อ้างเอกสารท้ายฟ้องมาเป็นหลักในการฟ้องด้วยซึ่งเมื่อพิเคราะห์คำฟ้องประกอบกับเอกสารท้ายฟ้องอันกล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการที่จำเลยเอาเงินโจทก์ไปและข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยรวมทั้งการคิดราคาค่ามะม่วงแต่ละครั้งที่จำเลยนำมาส่งให้โจทก์แล้ว เห็นได้ว่าฟ้องโจทก์บรรยายเข้าลักษณะของบัญชีเดินสะพัด ซึ่งศาลมีอำนาจยกบทกฎหมาย ที่ถูกต้องมาปรับแก่คดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้บัญชีเดินสะพัด: สิทธิเรียกร้องเกิดเมื่อหักทอนบัญชี/เลิกสัญญา, ไม่ขาดอายุความหากยื่นบังคับทรัพย์ภายใน 10 ปี
การชำระหนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดกระทำได้เมื่อหักทอนบัญชีและเรียกร้องให้ชำระหนี้ที่คงเหลือสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีซึ่งเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดของจำเลยที่1ไม่มีกำหนดระยะเวลาให้ชำระหนี้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ของผู้ร้องเกิดขึ้นเมื่อมีการหักทอนบัญชีและเรียกร้องให้ชำระหนี้คงเหลืออันเป็นการเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา856,859แม้จำเลยที่1มิได้เดินสะพัดทางบัญชีอีกนับแต่ครั้งสุดท้ายเป็นเวลากว่า10ปีแต่เมื่อไม่มีฝ่ายใดบอกเลิกสัญญาสัญญาก็ยังไม่สิ้นสุดลงผู้ร้องมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นตามสัญญาได้จนถึงวันที่จำเลยที่1ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดอันถือว่าสัญญาเลิกกันโดยปริยายนับแต่วันนั้นและสิทธิเรียกร้องของผู้ร้องเกิดขึ้นนับแต่นั้นเมื่อยื่นคำร้องขอให้บังคับทรัพย์ที่จำนองเป็นประกันหนี้ตามสัญญาดังกล่าวยังไม่พ้น10ปีหนี้จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6229/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาบัญชีเดินสะพัดสิ้นสุดเมื่อบอกเลิกและหักทอนบัญชี ดอกเบี้ยทบต้นเป็นต้นเงินไม่อยู่ในอายุความ
โจทก์และจำเลยมิได้กำหนดระยะเวลาตัดทอนบัญชีหรือกำหนดระยะเวลาของอายุสัญญาบัญชีเดินสะพัดไว้ดังนั้นสัญญาบัญชีเดินสะพัดระหว่างโจทก์กับจำเลยจะสิ้นสุดลงต่อเมื่อมีการบอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดและให้หักทอนบัญชีกันเสียก่อนเมื่อโจทก์หักทอนบัญชีในวันที่26กันยายน2526และทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวแล้วย่อมถือได้ว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดแล้วสัญญาบัญชีเดินสะพัดจึงสุดสิ้นลงในวันดังกล่าวโจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นไปถึงวันนั้น ดอกเบี้ยทบต้นที่ธนาคารโจทก์คิดเอาแก่จำเลยตามข้อตกลงในระหว่างสัญญาได้กลายเป็นต้นเงินแล้วจึงมิใช่ดอกเบี้ยค้างส่งอันจะอยู่ในอายุความ5ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา166เดิมหรือ193/33ใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3363/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บัญชีเดินสะพัดที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ สิ้นสุดเมื่อบอกเลิกหรือหักทอนบัญชี อายุความเริ่มนับจากวันที่พ้นกำหนดชำระ
บัญชีเดินสะพัดที่ ส. ทำกับโจทก์เป็นบัญชีที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาชำระหนี้คืน ดังนั้นแม้บัญชีจะหยุดเดินสะพัดโดยที่ ส. มิได้นำเงินเข้าฝากหรือเบิกเงินจากโจทก์อีกเลยจนถึงวันฟ้องคดีนับเป็นเวลาเกิน 10 ปี แล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์และ ส. ยังไม่ได้ตกลงเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดเพื่อหักทอนบัญชีและเรียกร้องให้ชำระหนี้ที่มีอยู่ต่อกันสัญญาบัญชีเดินสะพัดระหว่างโจทก์กับ ส. ก็ยังคงมีอยู่ตลอดไป หาได้ยกเลิกหรือสิ้นสุดลงไม่ สัญญาบัญชีเดินสะพัดที่มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้คืนจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อคู่สัญญาตกลงเลิกสัญญาต่อกันหรือเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเรียกร้องให้หักทอนบัญชีและให้ชำระหนี้ที่มีต่อกันเสียแล้วเท่านั้น โจทก์บอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดที่มิได้กำหนดระยะเวลาชำระหนี้คืนไว้ส่งไปถึง ส. วันที่ 30 เมษายน 2534 และเรียกร้องให้ชำระหนี้ค้างชำระแก่โจทก์ภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือทวงถาม ถือว่าสัญญาบัญชีเดินสะพัดเลิกและหักทอนบัญชีในวันที่ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญา อายุความแห่งสิทธิเรียกร้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาชำระหนี้ที่โจทก์ผ่อนผันให้คือวันที่ 16 พฤษภาคม 2534โจทก์ฟ้องคดีวันที่ 4 ธันวาคม 2535 ยังไม่เกิน 10 ปีจึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3363/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความบัญชีเดินสะพัด: เริ่มนับเมื่อบอกเลิกสัญญาและเรียกร้องหนี้คืน ไม่ใช่เมื่อบัญชีหยุดเดิน
สัญญา บัญชีเดินสะพัดที่มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้คืนจะสิ้นสุดลงต่อเมื่อ คู่สัญญาตกลง เลิกสัญญาต่อกันหรือเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเรียกร้องให้ หักทอนบัญชีและให้ชำระหนี้ที่มีต่อกันแล้ว โจทก์ บอกเลิกสัญญา บัญชีเดินสะพัดที่มิได้กำหนดระยะเวลาชำระหนี้คืนไว้ส่งไปถึง ส. วันที่30เมษายน2534และเรียกร้องให้ชำระหนี้ค้างชำระแก่โจทก์ภายใน15วันนับจากวันที่ได้รับ หนังสือทวงถาม ถือว่าสัญญาบัญชีเดินสะพัดเลิกและหักทอนบัญชีในวันที่ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญา อายุความแห่ง สิทธิเรียกร้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาชำระหนี้ที่โจทก์ผ่อนผันให้คือวันที่16พฤษภาคม2534โจทก์ ฟ้องคดีวันที่4ธันวาคม2535ยังไม่เกิน10ปีจึง ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยทบต้นบัญชีเดินสะพัด: สิทธิคิดดอกเบี้ยตามสัญญา แม้หลังสัญญาครบกำหนด หากยังมีการเดินสะพัดทางบัญชี
แม้สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจะครบกำหนดแต่เมื่อโจทก์และจำเลยที่1ยังคงเดินสะพัดทางบัญชีกันต่อไปโจทก์จึงมีสิทธิครอบครองคิดดอกเบี้ยทบต้นได้ หลังจากสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเลิกกันแล้วจำเลยที่1ยังมีภาระต้องชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีให้แก่โจทก์จึงต้องรับผิดดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ในสัญญาจะถือว่าไม่ได้ตกลงเรื่องดอกเบี้ยหาได้ไม่โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยตามอัตราที่ระบุไว้ในสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีได้เพียงแต่คิดทบต้นไม่ได้เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 780/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาบัญชีเดินสะพัด, อายุความ, และการรับผิดชอบหนี้ทายาท
ก. กู้ยืมเงินโจทก์ตามสัญญากู้ยืมเงินเมื่อวันที่ 8 มีนาคม2521 กำหนดชำระภายในวันที่ 8 มีนาคม 2522 ต่อมาวันที่ 15พฤษภาคม 2521 ก.ชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วน หลังจากนั้น ก.เบิกเงินและเอาสิ่งของแล้วตีราคาเป็นเงินไปจากโจทก์ ซึ่งโจทก์ลงรายการรวมไว้ในบัญชีที่ ก. ค้างชำระอยู่ เมื่อ ก.นำมันสำปะหลังไปขายแก่โจทก์โจทก์ก็ตีราคามันสำปะหลังหักทอนบัญชีอันเกิดแก่กิจการระหว่างโจทก์และ ก. โดยวิธีหักกลบลบกันจากยอดหนี้ที่รวมไว้ทั้งหมด พฤติการณ์ที่ ก.และโจทก์ปฏิบัติต่อกันโดยจัดให้มีบัญชีหนี้ ซึ่งมีการหักทอนบัญชีเป็นคราว ๆเข้าลักษณะสัญญาบัญชีเดินสะพัด มิใช่เรื่องการกู้ยืม เมื่อก. เริ่มเบิกเงินและเอาสิ่งของไปจากโจทก์ตั้งแต่หลังวันที่15 พฤษภาคม 2521 จนถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2523 ซึ่งเป็นเวลาล่วงเลยกำหนดชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน จึงเป็นการที่คู่กรณีตกลงยกเลิกกำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินไปโดยปริยายโจทก์สามารถเรียกให้ ก. ชำระหนี้เมื่อใดก็ได้หลังจากที่ได้ก่อหนี้กันครั้งสุดท้ายคือวันที่ 18 พฤศจิกายน 2523 ซึ่งต่อมาวันที่ 19 มกราคม 2524 ก. นำมันสำปะหลังมาขายตีใช้หนี้เพื่อหักทอนบัญชีให้แก่โจทก์อันเป็นการชำระหนี้บางส่วน อายุความจึงสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14(1)และเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2524 หนี้รายนี้เป็นบัญชีเดินสะพัดจึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2531 ยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6992/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาบัญชีเดินสะพัด-การหักหนี้-ฟ้องเคลือบคลุม-ค่าทนายความ-ทุนทรัพย์
โจทก์จำเลยตกลงกันโดยโจทก์ยอมให้จำเลยเบิกเงินล่วงหน้าและออกเงินทดรองค่าใช้จ่ายแทนจำเลย เมื่อจำเลยนำปลาไปขายให้โจทก์ก็จะมีการคิดบัญชีหักหนี้จากราคา ปลาเงินส่วนที่เหลือเป็นของจำเลย ข้อตกลงเช่นนี้ต้องด้วยลักษณะของสัญญาบัญชีเดินสะพัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 856 ซึ่งไม่บังคับว่าจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือกรณีมิใช่จำเลยกู้ยืมเงินจากโจทก์โดยตรง แม้โจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือก็ฟ้องจำเลยได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ตกลงกับจำเลย ยอมให้จำเลยเบิกเงินล่วงหน้า และยอมออกเงินทดรองค่าใช้จ่ายอื่น ๆแทนจำเลย เมื่อจำเลยหาปลาได้แล้วจะต้องนำมาขายให้โจทก์ แล้วคิดหักบัญชีกัน แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่ามีการกู้เบิกเงินเกินบัญชีจากโจทก์เมื่อวันที่เท่าใดบ้าง เป็นจำนวนเงินเท่าใดและเป็นค่าอะไรบ้าง รายละเอียดเหล่านี้ปรากฏอยู่ในสำเนาเอกสารท้ายฟ้องแม้จำเลยจะอ้างว่าสำเนาภาพถ่ายไม่ชัดเจนอ่านไม่ออก ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 ถ้าคู่ความไม่ยอมชำระค่าอ้างเอกสาร ศาลมีอำนาจไม่รับฟังพยานหลักฐานนั้นได้ ซึ่งคำว่าไม่ยอม มีความหมายว่าจงใจฝ่าฝืนไม่ชำระ แต่ในกรณีหลงลืมซึ่งไม่จงใจฝ่าฝืน ศาลย่อมมีอำนาจรับชำระค่าอ้างเอกสารหลังจากมีคำพิพากษาแล้วได้ เพราะชำระเพียงครั้งเดียวรับฟังได้ถึงสามชั้นศาล ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามมิให้รับฟังหากเพิ่งชำระในชั้นศาลสูง ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ คิดตามทุนทรัพย์ในชั้นอุทธรณ์การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 กำหนดให้จำเลยใช้ค่าทนายความแทนโจทก์มากเกินกว่าร้อยละ 3 จึงไม่ชอบ