คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บาดแผล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 339 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเกินกว่าเหตุ การประเมินความร้ายแรงของบาดแผล และขอบเขตการป้องกันตัวตามกฎหมาย
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายกับจำเลยมีการทะเลาะโต้เถียงกันแล้วผู้ตายหยิบจอบไล่ตีจำเลย จำเลยวิ่งหนีแล้วหันมาต่อสู้และแย่งจอบจากผู้ตายได้แล้วตีผู้ตายจึงถือได้ว่าจำเลยตีผู้ตายเพื่อป้องกันตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่จากบาดแผลที่ตีนั้นด้านท้ายทอยแตกมีสมองไหล และด้านใบหน้ากระดูกแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แสดงให้เห็นว่าจำเลยตีผู้ตายอย่างแรง การถูกตีอย่างแรงเช่นนี้เพียงครั้งเดียวผู้ตายก็ไม่อาจจะทำร้ายจำเลยได้ต่อไป การที่จำเลยตีซ้ำอีกจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน จำเลยจึงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4718/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากบาดแผล ความรุนแรง และพฤติการณ์ของผู้กระทำ
บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับ แพทย์ผู้ตรวจลงความเห็นว่าใช้เวลารักษาไม่เกิน 24 วัน แต่ผู้เสียหายก็เบิกความยอมรับว่ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 5 วัน กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านอีก7 วัน จึงไปทำงานได้ แม้ว่ามีดพร้าที่จำเลยใช้เป็นอาวุธฟันผู้เสียหายอาจทำให้ถึงตายได้ และผู้เสียหายมีบาดแผลที่หูและที่ศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญก็ตาม แต่แพทย์เย็บบาดแผลทั้งหมดให้เพียง 7 เข็ม ทั้ง ๆ ที่จำเลยฟันหลายครั้ง ชี้ให้เห็นว่าจำเลยฟันไม่แรง นอกจากนี้ผู้เสียหายยังเบิกความอีกว่าหากจำเลยจะฟันคอผู้เสียหายก็ฟันได้ แต่จำเลยไม่ทำ แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า จึงลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายไม่ได้การกระทำของจำเลยเป็นเพียงความผิดฐานทำร้ายร่างกายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4462/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีด การพิจารณาจากบาดแผลและผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญ
จำเลยใช้อาวุธมีดยาวประมาณ 4-5 นิ้ว แทงผู้เสียหายที่ชายโครงทำให้เส้นเลือดใหญ่ในช่องท้องของผู้เสียหายฉีกขาด มีบาดแผลถูกลำไส้ใหญ่ 2 แผล และมีเลือดออกในช่องท้องมาก แสดงว่าจำเลยแทงอย่างแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4289/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากพฤติการณ์การกระทำและบาดแผล
จำเลยใช้มีดปลายแหลมเฉพาะใบมีดยาวประมาณ 5 นิ้ว แทงผู้เสียหาย 1 ครั้ง ถูกบริเวณช่องท้องด้านซ้าย 1 แผล บาดแผลกว้างและลึกประมาณ 3 เซนติเมตร ถึงกล้ามเนื้อ แต่ไม่เข้าถึงช่องท้องแสดงว่าจำเลยแทงไม่แรง และจำเลยมีโอกาสที่จะเลือกแทงอวัยวะที่สำคัญกว่านี้ได้ แต่ก็หาได้ทำไม่ อีกทั้งหากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายก็คงไม่ผลักผู้เสียหายลงไปในร่องสวน หรือแม้ผู้เสียหายตกลงไปในร่องสวนแล้วจำเลยก็อาจจะตามลงไปแทงผู้เสียหายอีกได้แต่จำเลยก็หาได้ติดตามลงไปแทงผู้เสียหายซ้ำอีกไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า คงมีแต่เพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงด้วยมีด ศาลพิจารณาจากปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย, ลักษณะบาดแผล และพฤติการณ์
ก่อนเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายร่วมดื่มสุรากันในปริมาณที่ มาก พอจะทำให้เมาสุราได้ การที่จำเลยใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายด้านหลังเพียง 1 ที น่าจะเกิดเพราะความมึนเมาสุรา เพราะถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยน่าจะแทงผู้ตายซ้ำได้เพราะจำเลยมีโอกาสที่จะกระทำได้ ประกอบกับบาดแผลของผู้ตายกว้างเพียง1.5 เซนติเมตร แพทย์ผู้ชันสูตรบาดแผลไม่ได้วัดว่าแผลลึกถึงหัวใจ และตัดเส้นเลือดใหญ่ในปอดของผู้ตายหรือไม่ ทั้งไม่ปรากฏว่ามีดที่ใช้ประทุษร้ายผู้ตายมีขนาดเท่าใด จึงไม่พอฟังว่าจำเลยแทงผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3591/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและความผิดฐานทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยใช้มีดซึ่งมีความยาวทั้งตัวมีดและด้ามประมาณ 1 ฟุตฟันผู้เสียหายที่ 1 ที่บริเวณใบหน้าซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญขณะผู้เสียหายที่ 1 นั่งขับรถจักรยานยนต์ซึ่งไม่มีโอกาสหลบเลี่ยงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 มีบาดแผลขอบเรียบยาว 15 เซนติเมตรพาก*จากหน้าผากยาวไปยังโหนกแก้ม แผลลึกถึงกะโหลกศีรษะ มีรอยแตกของกระดูกไปตามแผลยาว 13 เซนติเมตร ลึก 0.3 เซนติเมตร มีอาการบวมช้ำของขอบตาขวาใกล้กับรอยแผลอันเป็นบาดแผลฉกรรจ์เช่นนี้จำเลยย่อมจะต้องเล็งเห็นผลว่าอาจทำให้ผู้เสียหายที่ 1 ถึงแก่ความตายได้ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ 1 แล้ว ส่วนการที่จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายที่ 2 รวม 2 ครั้ง แต่ขณะจำเลยจะฟันผู้เสียหายที่ 2 รู้ตัวล่วงหน้าได้ยกแขนขึ้นรับจำเลยย่อมจะต้องเห็นอยู่แล้วว่าผู้เสียหายที่ 2 ยกแขนขึ้นรับไว้ก่อนแล้วต้องถือว่าจำเลยมีความประสงค์จะฟันแขนผู้เสียหายที่ 2 เท่านั้น ซึ่งมิใช่อวัยวะสำคัญที่จะเล็งเห็นว่าอาจทำให้ผู้เสียหายที่ 2 ถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ 2แต่มีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินบาดแผลทางกายเพื่อกำหนดความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391
โจทก์ร่วมมีบาดแผล 2 แห่ง คือที่ใต้ศอกขวา แผลยาวประมาณ2 เซนติเมตร ลึกใต้ผิวหนังและบวม กับที่หางตาขวาบวมแดงพื้นที่ประมาณ 1x1 เซนติเมตร แพทย์ลงความเห็นว่าแผลถูกของแข็งรักษาประมาณ 7 วัน ถือเป็นบาดแผลเล็กน้อยไม่ถึงบาดเจ็บจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตาม ป.อ. มาตรา 391.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยกระทำอนาจารและบุกรุก โดยมีร่องรอยบาดแผลและเสียงร้องขอความช่วยเหลือยืนยัน
โจทก์มีโจทก์ร่วมเป็นประจักษ์พยานยืนยันว่าจำเลยกอดปล้ำโจทก์ร่วมในตอนกลางวัน โจทก์ร่วมได้แจ้งความไว้ และมีพยานแวดล้อมโดยคืนเดียวกันโจทก์ร่วมเห็นมือคนลอดบานเกร็ด ช่องลมเหนือประตูบ้านเข้ามาและดึงมือกลับไป รุ่งขึ้นโจทก์ร่วมพบรอยหยด เลือดที่พื้นหน้าบ้านและรอยเลือดที่เกิดจากการสะบัดที่ผนังบ้านกับพบจำเลยมีแผลที่มือ จึงไปแจ้งความไว้อีก พนักงานสอบสวนยืนยันคำของโจทก์ร่วม มีพยานอีกสองปากได้ยินเสียงผู้หญิงร้องในตอนกลางวันของวันเกิดเหตุ กับมีพยาบาล ผู้ทำแผลให้จำเลยในคืนเกิดเหตุเป็นพยานว่า จำเลยรับว่าถูกกระจกบาดมือ ดังนี้พยานหลักฐานโจทก์มี เหตุผลเชื่อมโยง ชี้ให้เห็นว่าจำเลยเป็นคนร้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทขับรถจักรยานยนต์ ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายทางกาย ศาลฎีกาพิจารณาความร้ายแรงของบาดแผลเพื่อลงโทษตามกฎหมาย
ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 และ พ. ได้รับอันตรายสาหัส ป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่า 20 วัน แต่โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่า พ.ต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า20 วัน หรือจนประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่า 20 วันอย่างไรอันจะถือว่า พ.ได้รับอันตรายสาหัส แม้จะฟังได้ว่าจำเลยที่ 1ได้รับอันตรายสาหัส แต่ก็เป็นผลมาจากการกระทำของจำเลยที่ 1เอง จึงลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ไม่ได้การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงคงเป็นความผิดตามมาตรา 390 เท่านั้นและแม้ปัญหานี้ยุติแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185ประกอบมาตรา 215 และ 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาความรุนแรงบาดแผลและเจตนาของผู้กระทำ
จำเลยฟันโจทก์ร่วม 2 ที โดยใช้มีดพร้าที่มีใบมีดยาวประมาณ 1 ศอก และด้ามยาวแขนเศษ แต่จำเลยฟันโดยโจทก์ร่วมมิได้ป้องกันหรือขัดขวางแต่อย่างใดเป็นโอกาสที่จำเลยจะเลือกฟันตามถนัด แม้บาดแผลที่เกิดขึ้นจะยาวหลายเซนติเมตร แต่เป็นการเกิดขึ้นจากความยาวของคมมีดพร้า บาดแผลที่บริเวณหูขวาและที่หน้าผากเหนือคิ้วซ้ายลึก 1/4 และ 1/2 เซนติเมตรตามลำดับสามารถรักษาให้หายภายใน 7 วัน แสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้ฟันโจทก์ร่วมอย่างรุนแรง พฤติการณ์เช่นนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
of 34