พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์พี่น้องเป็นผัวเมีย, การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย, และผลกระทบต่อการฟ้องร้องเรียกทรัพย์
พี่น้องร่วมบิดามารดาได้เสียเป็นผัวเมียกัน เมื่อพ.ศ.2477 นั้น ตามกฎหมายลักษณะผัวเมียจะต้องถูกลงโทษลอยแพ ฉะนั้น พี่น้องดังกล่าวจึงมิใช่ผัวเมียที่ชอบด้วยกฎหมายแม้ต่อมา พ.ศ.2483 จะมีบุตรด้วยกันก็เป็นบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา เว้นแต่บิดาจะจดทะเบียนหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร
บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องบิดาเรียกทรัพย์ที่ยืมไปคืนได้ไม่เป็นอุทลุม
แม้ชายอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ และหญิงอายุสิบห้าปีบริบูรณ์จะจดทะเบียนสมรสกัน โดยมิได้รับความยินยอมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองก็ตาม ก็หาถือว่าการสมรสนั้นเป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์แต่อย่างใดไม่ กฎหมายเพียงแต่ให้อำนาจบิดามารดาหรือผู้ปกครองร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการสมรสเสียได้เท่านั้น หากไม่มีการร้องขอให้เพิกถอนชายหญิงนั้นก็ย่อมบรรลุนิติภาวะแล้ว
บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องบิดาเรียกทรัพย์ที่ยืมไปคืนได้ไม่เป็นอุทลุม
แม้ชายอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ และหญิงอายุสิบห้าปีบริบูรณ์จะจดทะเบียนสมรสกัน โดยมิได้รับความยินยอมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองก็ตาม ก็หาถือว่าการสมรสนั้นเป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์แต่อย่างใดไม่ กฎหมายเพียงแต่ให้อำนาจบิดามารดาหรือผู้ปกครองร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการสมรสเสียได้เท่านั้น หากไม่มีการร้องขอให้เพิกถอนชายหญิงนั้นก็ย่อมบรรลุนิติภาวะแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371-1372/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องรับรองบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย: เฉพาะผู้สืบสันดานฟ้องได้เมื่อบุตรเสียชีวิต
การฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น ถ้าเด็กนั้นตายแล้วกฎหมายยอมให้ผู้สืบสันดานของเด็กโดยเฉพาะที่จะฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้เท่านั้น มารดาของเด็กไม่มีสิทธิจะฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับมฤดก: การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายหลังเจ้ามฤดกเสียชีวิตไม่มีผลต่อการรับมรดก
เจ้ามฤดกตาย มฤดกย่อมตกทอดทายาททันที บุคลธรรมดาที่จะเป็นทายาทและมีสิทธิรับมฤดกของ+ได้ นอกจากจะต้องมีสภาพ+สามารถมีสิทธิตาม ม.1604 +ยังต้องมีสิทธิที่จะรับมฤดกในขณะที่เจ้ามฤดกตายด้วย
ในกรณีที่มีคำพิพากษาว่าเป็นความชอบด้วยก.ม.นั้นมีผลนับตั้งแต่+พิพากษาถึงที่สุด ถ้าในขณะที่คำพิพากษาถึงที่สุดนั้น เป็นเวลาภายหลังเจ้ามฤดกตายแล้ว และไมามีมฤดก+ไม่มีทางจะให้เด็กคนน้นได้รับมฤดกได้
โจท์ฟ้องขอแบ่งมฤดกของบิดา+ข้อที่ศาลพิพากษา ว่าเป็น+นั้น ไม่มีประเด็นที่จะต้อง+ว่า เมื่อก่อนตาย บิดา+โจทก์ว่าเป็นบุตร อันจะทำมีสิทธิรับมฤดกตามป.พ.พ.ม.+หรือไม่ คงจะมีประเด็นข้อเถียง+ขอ งศาลที่แสดงไว้นั้น จะมีผลต่อโจทก์ในทางรับมฤดกอย่างไรหรือไม่
ในกรณีที่มีคำพิพากษาว่าเป็นความชอบด้วยก.ม.นั้นมีผลนับตั้งแต่+พิพากษาถึงที่สุด ถ้าในขณะที่คำพิพากษาถึงที่สุดนั้น เป็นเวลาภายหลังเจ้ามฤดกตายแล้ว และไมามีมฤดก+ไม่มีทางจะให้เด็กคนน้นได้รับมฤดกได้
โจท์ฟ้องขอแบ่งมฤดกของบิดา+ข้อที่ศาลพิพากษา ว่าเป็น+นั้น ไม่มีประเด็นที่จะต้อง+ว่า เมื่อก่อนตาย บิดา+โจทก์ว่าเป็นบุตร อันจะทำมีสิทธิรับมฤดกตามป.พ.พ.ม.+หรือไม่ คงจะมีประเด็นข้อเถียง+ขอ งศาลที่แสดงไว้นั้น จะมีผลต่อโจทก์ในทางรับมฤดกอย่างไรหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 936/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายในกรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรส การพิจารณาหลักฐานและระยะเวลาการสมรส
ประมวนแพ่ง ฯ ม. 1519 ถึง 1524 เปนบทบัญญัติกล่าวถึงเด็กเกิดระหว่างมีการสมรสชอบด้วยกดหมาย ม.1524 จึงเปนเรื่องวางวิธีพิสูจน์การเปนบุตรที่เกิดระหว่างมีการสมรสที่ชอบด้วยกดหมายไม่ไช่เปนบทบัญญัติถึงความสมบูรน์ของการเปนบุตร
ม. 1526 ถึง 1531 บัญญัติถึงเรื่องเด็กเกิดระหว่างที่มิได้มีการสมรสกันตามกดหมาย
กดหมายย่อมรับรองหรือรับรู้แต่ฉเพาะการสมรสที่สมบูรน์ตามกดหมายถ้าหากจะมีการรับรอง
การสมรสที่ไม่สมบูรน์สำหรับกรนีไดก็ย่อมบัญญัติไว้ชัดแจ้งไนบทบัญญัตินั้น ๆ
คำว่าสมรสตาม ม.1526 หมายถึงการสมรสที่สมบูรน์ตามกดหมาย
เด็กที่เกิดจากชายที่มิได้จดทะเบียนสมรสกับหยิงนั้น แม้จะรู้กันทั่วไปว่าเปนบุตรของชายก็ไม่ถือว่าเปนบุตรที่ชอบด้วยกดหมายของชาย
บุตรที่ไม่ชอบด้วยกดหมายไม่มีสิทธิได้รับมรดกของบิดา
สาลอุธรน์ยังมิได้พิจารนาข้อเท็ดจิงอันเปนประเด็นสำคันของคดี สาลดีกาย้อนไปไห้พิจารนาแล้วตัดสินไหม่
กรนีที่โจทดีกาแบะชนะคดีตามข้อดีกา แต่สาลดีกาได้ค่ารีชาทำเนียมและค่าทนายเปนพับไป
ม. 1526 ถึง 1531 บัญญัติถึงเรื่องเด็กเกิดระหว่างที่มิได้มีการสมรสกันตามกดหมาย
กดหมายย่อมรับรองหรือรับรู้แต่ฉเพาะการสมรสที่สมบูรน์ตามกดหมายถ้าหากจะมีการรับรอง
การสมรสที่ไม่สมบูรน์สำหรับกรนีไดก็ย่อมบัญญัติไว้ชัดแจ้งไนบทบัญญัตินั้น ๆ
คำว่าสมรสตาม ม.1526 หมายถึงการสมรสที่สมบูรน์ตามกดหมาย
เด็กที่เกิดจากชายที่มิได้จดทะเบียนสมรสกับหยิงนั้น แม้จะรู้กันทั่วไปว่าเปนบุตรของชายก็ไม่ถือว่าเปนบุตรที่ชอบด้วยกดหมายของชาย
บุตรที่ไม่ชอบด้วยกดหมายไม่มีสิทธิได้รับมรดกของบิดา
สาลอุธรน์ยังมิได้พิจารนาข้อเท็ดจิงอันเปนประเด็นสำคันของคดี สาลดีกาย้อนไปไห้พิจารนาแล้วตัดสินไหม่
กรนีที่โจทดีกาแบะชนะคดีตามข้อดีกา แต่สาลดีกาได้ค่ารีชาทำเนียมและค่าทนายเปนพับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายหลังบิดามรณภาพ: คดีไม่มีข้อพิพาทเสนอคำร้องได้
คดีขอไห้รับเด็กเปนบุตร์นั้นเปนคดีไม่มีข้อพิพาท ย่อมยื่นเปนคำร้องขอได้ตามประมวนวิธีพิจารนาความแพ่งมาตรา 188.
การฟ้องขอไห้รับเด็กเปนบุตร์ จะฟ้องเมื่อบิดาตายแล้วก็ได้
การฟ้องขอไห้รับเด็กเปนบุตร์ จะฟ้องเมื่อบิดาตายแล้วก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2484
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตรเกิดนอกสมรส ต้องพิสูจน์ความเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายก่อน
การที่ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร ต้องได้ความว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายการดำเนินคดีเรื่องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูของบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จะต้องดำเนินคดีขอให้จำเลยรับเด็กเป็นบุตรเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 130/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย: พ่อไม่รับรองและมีพยานหลักฐานอื่น
บุตร์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7074/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การหลังสืบพยาน, การเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายจากวิธีวิทยาศาสตร์, หน้าที่อุปการะเลี้ยงดู
ป.วิ.พ. มาตรา 180 ให้อำนาจโจทก์หรือจำเลยขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องหรือคำให้การได้ กรณีไม่มีการชี้สองสถานต้องยื่นคำร้องก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน เว้นแต่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนนั้น หรือเป็นการขอแก้ไขในเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ฯลฯ บทบัญญัติดังกล่าวให้สิทธิโจทก์หรือจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องหรือคำให้การ แต่หาได้เป็นบทบัญญัติบังคับศาลที่จะต้องอนุญาตตามคำร้องของโจทก์จำเลยเสมอไปไม่ เมื่อมีเหตุอันสมควรศาลสามารถใช้ดุลพินิจอนุญาตหรือไม่อนุญาตตามคำร้องของโจทก์จำเลยได้ ซึ่งศาลจะพิจารณาคำร้องเป็นเรื่อง ๆ ไป กรณีตามคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การจำเลยซึ่งยื่นหลังจากสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยเสร็จแล้ว เป็นการขอแก้ไขเพิ่มเติมในปัญหาว่า ผู้เยาว์ทั้งสามเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลยหรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน โดยเรื่องที่จำเลยต้องการสืบพยานเพิ่มเติมตามคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริจาคน้ำเชื้อให้แก่แพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตให้ใช้ในการผสมเทียมของหญิงอื่นที่มิใช่ภริยาของผู้บริจาคไม่ถือว่าผู้บริจาคเป็นบิดาของเด็กที่ถือกำเนิดมาตามกฎหมายมลรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกฎหมายแห่งสัญชาติของจำเลยแต่ข้อเท็จจริงที่ได้จากการนำสืบของโจทก์โดยจำเลยไม่ได้นำสืบโต้แย้งฟังได้ว่า โจทก์กับจำเลยตกลงอยู่กินด้วยกันโดยแต่งงานกันตามประเพณี แต่ไม่สามารถมีบุตรด้วยกันตามธรรมชาติได้จึงใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์โดยการทำกิ๊ฟท์นำสเปิร์มของจำเลยไปผสมกับไข่ของโจทก์ในหลอดแก้ว เมื่อมีการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนแล้วนำกลับเข้าไปไว้ในร่างกายของโจทก์ ทำให้เกิดบุตรแฝดสามคน คือผู้เยาว์ทั้งสามในคราวเดียวกัน การที่โจทก์และจำเลยซึ่งอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาประสงค์จะมีบุตรด้วยกันแต่ไม่สามารถมีบุตรตามธรรมชาติได้จึงได้ไปพบแพทย์ด้วยกันเพื่อใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์หลายครั้ง เป็นเรื่องที่โจทก์และจำเลยสมัครใจจะมีบุตรร่วมกัน ไม่ใช่มีลักษณะเป็นการบริจาคตามความหมายของกฎหมายมลรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ดังที่จำเลยอ้าง ดังนั้นกรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การตามคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10442/2558 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสโมฆะจากความยินยอมที่ไม่แท้จริงและอำนาจปกครองบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยและขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองและอุปการะเลี้ยงดูเด็กชาย ม. จำเลยให้การว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้จดทะเบียนสมรส และใช้วิทยาการทางการแพทย์โดยการผสมเชื้ออสุจิเพื่อตั้งครรภ์เด็กชาย ม. ให้โจทก์ โดยไม่เคยได้ใช้ชีวิตดังสามีภริยาเลย เมื่อเด็กชาย ม. คลอด โจทก์ไม่ส่งเงินมาให้ ไม่ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรแต่กลับขู่ให้ส่งมอบบุตรให้ ขอให้ยกฟ้อง ศาลได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทด้วยว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นโมฆะหรือไม่ โดยให้จำเลยมีภาระการพิสูจน์ในประเด็นดังกล่าว เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า การจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นการจดทะเบียนที่ปราศจากความยินยอมที่จะอยู่กินฉันสามีภริยากันอย่างแท้จริง เนื่องจากโจทก์กับจำเลยจดทะเบียนสมรสกันเพราะโจทก์ตกลงว่าจ้างจำเลยให้ตั้งครรภ์บุตรให้แก่โจทก์ด้วยวิธีการผสมเทียม โดยต่างไม่ยินยอมเป็นสามีภริยากันอย่างแท้จริงและไม่ประสงค์ที่จะอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยา จึงเป็นการสมรสที่ผิดเงื่อนไขตาม ป.พ.พ. มาตรา 1458 ซึ่งมีผลให้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1496 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าการสมรสเป็นโมฆะ ถือได้ว่าเป็นกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียร้องขอต่อศาลให้การสมรสเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 1496 วรรคสอง แล้ว ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจพิพากษาว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะได้ กรณีไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142
แม้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ แต่เมื่อบุตรผู้เยาว์คลอดระหว่างที่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ ผู้เยาว์จึงเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1536 วรรคสอง
แม้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ แต่เมื่อบุตรผู้เยาว์คลอดระหว่างที่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ ผู้เยาว์จึงเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1536 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20313/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการแก้ไขข้อมูลทะเบียนราษฎรเมื่อไม่ใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย และการโต้แย้งสิทธิ
เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์ได้ความว่าจำเลยทั้งหกมิใช่บุตรของโจทก์ ตราบใดที่แบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรยังระบุว่า โจทก์เป็นมารดาของจำเลยทั้งหกย่อมเกิดการกระทบกระเทือนต่อสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ เพราะจำเลยทั้งหกอาจนำเอกสารดังกล่าวไปใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานดำเนินการในกิจการต่าง ๆ อันอาจทำให้สิทธิประโยชน์หรือหน้าที่ของโจทก์เปลี่ยนแปลงไป การที่จำเลยทั้งหกซึ่งเป็นเจ้าของประวัติที่ปรากฏในข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรไม่ดำเนินการให้นายทะเบียนแก้ไขรายการข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 มาตรา 14 เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 โจทก์มีอำนาจฟ้องห้ามจำเลยทั้งหกไม่ให้ใช้ชื่อโจทก์เป็นมารดาของจำเลยทั้งหกได้