พบผลลัพธ์ทั้งหมด 86 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3711/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาสละสิทธิในเงื่อนไขการเลิกสัญญา และผลของการปฏิบัติตามสัญญาต่างตอบแทน
แม้ตามสัญญาจะมีข้อสัญญาว่า หากจำเลยไม่สามารถชำระเงินงวดที่สองแก่โจทก์ภายในกำหนด ยอมให้ริบเงินที่ได้ชำระไปแล้วทั้งหมดได้และสัญญาเป็นอันยกเลิก แต่ต่อมาจำเลยได้นำเงินงวดที่สองไปชำระแก่โจทก์จนครบถ้วน ทั้งยังให้โจทก์จดทะเบียนทางภาระจำยอมให้จำเลยพร้อมกับทำบันทึกกันไว้ด้านหลังสัญญาว่า ให้เลื่อนการโอนที่ดินของจำเลยไปก่อนและตราบใดที่จำเลยไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยให้แก่โจทก์ตามข้อตกลง ให้โจทก์มีสิทธิปิดทางภาระจำยอมได้ หาได้มีการกำหนดให้มีการเลิกสัญญากันได้ให้เหมือนกับที่เคยทำกันไว้ไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์และจำเลยว่าไม่ประสงค์จะให้นำเอาข้อสัญญาเดิมมาใช้บังคับกันอีกต่อไป เท่ากับเป็นการสละประโยชน์แห่งเงื่อนไขในการเลิกสัญญา จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะเอาประโยชน์จากข้อสัญญาดังกล่าวที่จำเลยได้สละไปแล้ว เมื่อสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนและโจทก์ได้ปฏิบัติการชำระหนี้ให้จำเลยแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิที่จะให้จำเลยโอนที่ดินตามสัญญาเป็นการชำระหนี้ตอบแทนให้แก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนการปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่ต้องยื่นบัญชีระบุพยานตาม มาตรา 88 วรรคแรก
ในชั้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่อ้างว่าได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมแล้วนั้น ไม่ใช่การสืบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้ออ้างข้อเถียงในประเด็นแห่งคดีที่พิพาทกันตามคำฟ้องและคำให้การ จึงไม่ตกอยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคแรก.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3128/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อมีผลผูกพันเมื่อผู้ขายไม่จัดเตรียมสาธารณูปโภคตามสัญญา ผู้ซื้อมีสิทธิฟ้องให้ปฏิบัติตามสัญญาหรือลดราคา
สัญญาเช่าซื้อที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยระบุชัดว่า คู่สัญญาตกลงเช่าซื้อที่ดินพิพาทซึ่งมีน้ำ ไฟฟ้า ถนนคอนกรีต ท่อระบายน้ำพร้อม ในราคาตารางวาละ 1,100 บาท ราคาที่ดินซึ่งไม่มีสาธารณูปโภคดังกล่าวตารางวาละประมาณ 400-500 บาทเท่านั้น แสดงว่าที่ตกลงเช่าซื้อกันเกินเลยไปกว่าราคาแท้จริงตารางวาละ 600-700 บาทก็เพราะคู่สัญญาถือเอาการสาธารณูปโภคดังกล่าวเป็นข้อสาระสำคัญของสัญญาที่จำเลยจะต้องจัดทำให้แล้วเสร็จทันโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อเสร็จด้วย ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนตามสัญญาแล้ว แต่จำเลยยังไม่ดำเนินการในเรื่องสาธารณูปโภคให้แล้วเสร็จจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัว: ความเข้าใจผิดในกระบวนการยุติธรรมไม่เป็นเหตุลดค่าปรับ หากผู้ประกันไม่ปฏิบัติตามสัญญา
ผู้ประกันทำสัญญาประกันจำเลยทั้งสองไว้ต่อศาลชั้นต้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งนัดพร้อมหรือฟังคำพิพากษา ผู้ประกันทราบนัดแล้วจึงมีหน้าที่ต้องนำส่งจำเลยทั้งสองตามนัด ความเข้าใจผิดของผู้ประกันเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลไม่เป็นเหตุอันสมควรที่ศาลจะลดค่าปรับให้ และเมื่อนับตั้งแต่วันผู้ประกันทราบหมายนัดของศาลให้นำเงินไปชำระค่าปรับจนถึงวันที่ผู้ประกันยื่นคำร้องขอลดค่าปรับเป็นเวลา ถึง 2 ปีเศษผู้ประกันก็ไม่นำจำเลยทั้งสองไปศาล แสดงว่าผู้ประกันไม่ได้พยายามที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาประกัน จึงไม่มีเหตุที่จะลดค่าปรับให้ผู้ประกัน.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4452/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาซื้อขายที่ดิน: การปฏิบัติตามสัญญาไม่ใช่เงื่อนไขบอกเลิก และการโอนที่ดินโดยไม่สุจริต
การบอกเลิกสัญญาโดยบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 387 เป็นเรื่องที่คู่สัญญาอีกฝ่ายไม่ปฏิบัติการชำระหนี้แต่การที่จำเลยมีหนังสือสอบถามโจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินว่า ถ้าประสงค์จะปฏิบัติตามสัญญาก็ให้ติดต่อจำเลยภายใน 15 วันนั้น ไม่ใช่ให้โจทก์ชำระหนี้ตามข้อตกลงในสัญญา ดังนั้น แม้โจทก์จะมิได้ติดต่อจำเลยมาตามกำหนด จำเลยก็จะถือเอาเหตุนี้มาใช้บอกเลิกสัญญาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1905/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามคำพิพากษาคืนรถยนต์ ผู้รับรถมีหน้าที่นำไปใช้ประโยชน์ มิอาจเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ชำระหนี้ได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนรถยนต์และเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนรถยนต์แก่โจทก์จำเลยอุทธรณ์และขอทุเลาการบังคับ หากศาลไม่ให้ทุเลาการบังคับก็ขอให้กำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับแต่ให้โจทก์นำหลักประกันมาวางและรับรถยนต์คืนได้ โจทก์นำหลักประกันมาวางและรับรถยนต์คืนไปแล้ว ดังนี้เมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถจนถึงวันที่จำเลยคืนรถยนต์แก่โจทก์ โจทก์ก็มีสิทธิได้รับค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถจนถึงวันที่ได้รับรถคืนไปเท่านั้น จะอ้างว่านำรถยนต์ไปเก็บรักษาตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ปฏิบัติมิได้รับรถยนต์ตามคำพิพากษาและขอค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถในเวลาต่อมานั้นไม่ได้ การที่จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถจนถึงวันที่จำเลยคืนรถยนต์แก่โจทก์ไปเก็บรักษาเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาครบถ้วนแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัว: การพิสูจน์เหตุป่วยเพื่อเลื่อนนัด และการปฏิบัติตามสัญญา
สัญญาประกันตัวจำเลยมีข้อความว่า ในระหว่างประกันนี้ข้าพเจ้าหรือผู้ที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวจะขอปฏิบัติตามนัดหรือหมายเรียกของเจ้าพนักงานหรือศาล มิฉะนั้นยอมรับผิดชอบใช้เงินจำนวนหนึ่ง ดังนั้น เมื่อจำเลยได้รับหมายนัดให้มาฟังคำพิพากษาโดยชอบแล้ว หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามนัดของศาล ถือได้ว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกันแล้ว
จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาโดยอ้างเหตุว่าป่วยใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้องแพทย์มีความเห็นว่า จำเลยป่วยด้วยโรคปวดศีรษะ ให้รักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 3 วัน โจทก์มิได้คัดค้าน หากศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าจำเลยป่วยถึงขนาดมาศาลไม่ได้ ก็ชอบที่จะไต่สวนฟังข้อเท็จจริงเสียก่อน จะพิเคราะห์เพียงใบรับรองแพทย์แล้วสั่งว่าอาการป่วยของจำเลยไม่ถึงขนาดมาศาลไม่ได้ และถือว่าจำเลยจงใจไม่มาศาลตามนัด แล้วสั่งว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกันด้วยนั้นจึงไม่ชอบ
จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาโดยอ้างเหตุว่าป่วยใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้องแพทย์มีความเห็นว่า จำเลยป่วยด้วยโรคปวดศีรษะ ให้รักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 3 วัน โจทก์มิได้คัดค้าน หากศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าจำเลยป่วยถึงขนาดมาศาลไม่ได้ ก็ชอบที่จะไต่สวนฟังข้อเท็จจริงเสียก่อน จะพิเคราะห์เพียงใบรับรองแพทย์แล้วสั่งว่าอาการป่วยของจำเลยไม่ถึงขนาดมาศาลไม่ได้ และถือว่าจำเลยจงใจไม่มาศาลตามนัด แล้วสั่งว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกันด้วยนั้นจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2057/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาเดิมผูกพันคู่ความ, การปฏิบัติตามสัญญา, ค่าเสียหายจากการผิดสัญญา
โจทก์ทั้งสองเคยฟ้องจำเลยขอให้โอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายมาก่อนจำเลยให้การต่อสู้ทำนองเดียวกับในคดีนี้ว่าสัญญาจะซื้อขายเป็นโมฆะเพราะเป็นนิติกรรมอำพรางศาลในคดีก่อนพิพากษาถึงที่สุดว่าสัญญาจะซื้อขายเป็นสัญญาที่แท้จริงมิใช่นิติกรรมอำพรางใช้บังคับได้ตามกฎหมายแต่เนื่องจากโจทก์ยังมิได้ขอปฏิบัติการชำระหนี้จึงบังคับให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทไม่ได้พิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิฟ้องใหม่ภายในอายุความเช่นนี้คำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความตามป.วิ.พ.มาตรา145จำเลยจะมาโต้เถียงในคดีนี้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะสัญญาดังกล่าวใช้บังคับไม่ได้และจำเลยไม่ได้ผิดสัญญาอีกหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3959/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพราง: สัญญาจำนองไม่เป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาจะซื้อขาย หากสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้
โจทก์ทั้งสามทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทจากจำเลย แต่ยังจดทะเบียนโอนกันไม่ได้เพราะผู้เช่าที่ดินพิพาทคัดค้าน โจทก์จำเลยตกลงกัน ให้จำเลยจำนองที่ดินพิพาทไว้แก่โจทก์เพื่อนำเงินไปไถ่ การขายฝากที่ดินพิพาทจาก จ. และให้จำเลยไปดำเนินการฟ้องขับไล่ ผู้เช่าออกจากที่ดินพิพาทก่อนแล้วจำเลยจะจดทะเบียนโอนขายกรรมสิทธิ์ ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ต่อไป เมื่อคู่กรณีเจรจาตกลงกันเช่นนี้คู่กรณี ทั้งสองฝ่ายสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงที่ตกลงกันนั้นได้ ทั้งสัญญาจำนอง และสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทตามเจตนาที่ตกลงกัน มิใช่ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาจำนองอย่างหนึ่งอย่างใดได้ ดังนั้น สัญญาจำนองจึงมิใช่เป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาท สัญญาจำนองย่อมมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3959/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพราง: สัญญาจำนองไม่ใช่การอำพรางสัญญาซื้อขาย หากทำตามข้อตกลงได้
โจทก์ทั้งสามทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทจากจำเลย แต่ยังจดทะเบียนโอนกันไม่ได้เพราะผู้เช่าที่ดินพิพาทคัดค้าน โจทก์จำเลย ตกลงกัน ให้จำเลยจำนองที่ดินพิพาทไว้แก่โจทก์เพื่อนำเงินไปไถ่ การขายฝากที่ดินพิพาทจาก จ. และให้จำเลยไปดำเนินการฟ้องขับไล่ ผู้เช่าออกจากที่ดินพิพาทก่อนแล้วจำเลยจะจดทะเบียนโอนขายกรรมสิทธิ์ ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ต่อไปเมื่อคู่กรณีเจรจาตกลงกันเช่นนี้คู่กรณี ทั้งสองฝ่ายสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงที่ตกลงกันนั้นได้ทั้งสัญญาจำนอง และสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทตามเจตนาที่ตกลงกัน มิใช่ไม่สามารถ ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาจำนองอย่างหนึ่งอย่างใดได้ ดังนั้น สัญญาจำนองจึงมิใช่เป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาท สัญญาจำนองย่อมมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย