พบผลลัพธ์ทั้งหมด 43 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธหนี้เฉพาะยอดเงิน ถือเป็นการยอมรับหนี้โดยรวม โจทก์พิสูจน์ยอดหนี้ได้ ศาลตัดสินให้ใช้คืน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลไทยถาวรพานิชได้เบิกเงินจากโจทก์ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี เป็นเงิน 317,789.14 บาทจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้ว่ายอดเงินที่อ้างว่าห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลไทยถาวรพานิชเป็นหนี้โจทก์เป็นเงิน 317,789.14 บาทนั้น ไม่เป็นความจริงคำให้การ เช่นนี้เป็นการปฏิเสธเฉพาะยอดเงินกู้ ส่วนห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไทยถาวรพานิชจะได้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารโจทก์หรือเป็นหนี้โจทก์ดังคำบรรยายฟ้องหรือไม่ จำเลยมิได้ปฏิเสธโดยแจ้งชัดต้องถือว่าจำเลยรับถึงความข้อนี้ สำหรับยอดเงินที่จำเลยปฏิเสธอ้างว่าไม่เป็นความจริงนั้น จำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ มิได้อ้างเหตุว่าความจริงเป็นอย่างไรและยอดเงินมีจำนวนมากน้อยเท่าใด เป็นคำให้การที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 2 คำให้การจำเลยจึงไม่มีประเด็นที่จะ นำสืบตามข้อต่อสู้ถึงยอดเงินว่าเท็จจริงอย่างไร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธหนี้ในคดีล้มละลายต้องทำต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้น ศาลไม่มีอำนาจพิจารณาเหตุผลอื่น
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือไปถึงผู้ร้องให้ชำระหนี้หรือชี้แจงข้อปฏิเสธเป็นหนังสือต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน 14 วัน ผู้ร้องเข้าใจผิดว่ากองบังคดีล้มละลายเป็นส่วนราชการของศาลแพ่ง จึงมีหนังสือปฏิเสธหนี้ไปถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้รับชำระหนี้หรือหนังสือปฏิเสธหนี้จากผู้ร้องภายในกำหนดเวลา จึงถือว่าผู้ร้องเป็นลูกหนี้กองทรัพย์สินของผู้ล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 119 ศาลแพ่งได้ออกคำบังคับให้ผู้ร้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ร้องขอให้ศาลแพ่งสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาหนังสือปฏิเสธหนี้ของผู้ร้อง ศาลแพ่งสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใมหญ่เห็นว่า ผู้ร้องมิได้แจ้งการปฏิเสธเป็นหนังสือต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 วรรคแรก เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้ศาลสั่งบังคับผู้ร้องชำระหนี้ ศาลก็ต้องสั่งบังคับให้ผู้ร้องชำระหนี้ผู้ร้องจะขอให้ศาลสั่งเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ข้อที่ผู้ร้องกล่าวถึงความเข้าใจผิดจึงได้มีหนังสือไปถึงอธิบดีศาลแพ่งนั้น แม้ศาลจะเห็นใจในความเข้าใจผิดศาลก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งเป็นอย่างอื่นให้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์: ผลของการส่งเอกสารผิดพลาดและการบังคับชำระหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือไปให้ผู้ร้องชำระหนี้ภายใน 14 วันผู้ร้องเข้าใจผิดส่งหนังสือปฏิเสธหนี้ไปที่อื่นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอให้ศาลออกคำบังคับโดยถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้กองทรัพย์สินตามมาตรา 119ศาลออกคำบังคับให้ผู้ร้องขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาหนังสือปฏิเสธหนี้ของผู้ร้องศาลยกคำร้องคดีสู่ศาลฎีกาสั่งว่าผู้ร้องมิได้ปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ๆ ขอให้ศาลบังคับศาลก็ต้องบังคับให้จะสั่งเป็นอย่างอื่นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1498-1499/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธหนี้สินและการพิสูจน์สถานะล้มละลาย: จำเลยต้องปฏิเสธหนี้ชัดเจน โจทก์ต้องพิสูจน์สถานะล้มละลาย
คำให้การจำเลยระบุบ่งชัดโดยเฉพาะว่าขอปฏิเสธหนี้สินตามที่โจทก์อ้างมาเป็นจำนวนรายละ 20,000 บาทนั้น ย่อมมีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบถึงหนี้ตามที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะไม่อ้างรายละเอียดว่าจำเลยปฏิเสธหนี้ของโจทก์เพาะเหตุใด ก็มีผลเพียงแต่จำเลยไม่มีข้ออ้างที่จะเป็นประเด็นข้อนำสืบต่อสู้คดีเท่านั้น แต่ไม่ทำให้กลายเป็นว่าจำเลยรับตามฟ้องโจทก์
หนี้ที่จำเลยประนีประนอมกับเจ้าหนี้ในคดีล้มละลายเดิม และยังค้างชำระอยู่บ้างนั้น ไม่ควรนำมาเป็นเหตุให้จำเลยล้มละลายอีก
หนี้ที่จำเลยประนีประนอมกับเจ้าหนี้ในคดีล้มละลายเดิม และยังค้างชำระอยู่บ้างนั้น ไม่ควรนำมาเป็นเหตุให้จำเลยล้มละลายอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1498-1499/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธหนี้ในคดีล้มละลาย: โจทก์ต้องพิสูจน์หนี้จริง & หนี้เก่าไม่ถือเป็นเหตุล้มละลาย
คำให้การจำเลยระบุบ่งชัดโดยเฉพาะว่าขอปฏิเสธหนี้สินตามที่โจทก์อ้างมาเป็นจำนวนรายละ 20,000 บาทนั้น ย่อมมีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบถึงหนี้ตามที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะไม่อ้างรายละเอียดว่าจำเลยปฏิเสธหนี้ของโจทก์เพราะเหตุใด ก็มีผลเพียงแต่จำเลยไม่มีข้ออ้างที่จะเป็นประเด็นข้อนำสืบต่อสู้คดีเท่านั้น แต่ไม่ทำให้กลายเป็นว่าจำเลยรับตามฟ้องโจทก์
หนี้ที่จำเลยประนีประนอมกับเจ้าหนี้ในคดีล้มละลายเดิม และยังค้างชำระอยู่บ้างนั้น ไม่ควรนำมาเป็นเหตุให้จำเลยล้มละลายอีก
หนี้ที่จำเลยประนีประนอมกับเจ้าหนี้ในคดีล้มละลายเดิม และยังค้างชำระอยู่บ้างนั้น ไม่ควรนำมาเป็นเหตุให้จำเลยล้มละลายอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธหนี้ในคดีล้มละลาย: ต้องยื่นคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด หากเลยกำหนดต้องรับผิดชอบหนี้
มาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 เป็นบทบัญญัติให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ใช้สิทธิเรียกร้องแก่บุคคลที่เป็นลูกหนี้ของผู้ล้มละลายโดยเฉพาะ ผู้ที่ได้รับหนังสือทวงหนี้จะโต้แย้งหรือคัดค้านประการใด ก็ต้องร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด 14 วัน และถ้าตนได้รับความเสียหายจากคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลในกำหนด 14 วันได้ แต่เมื่อผู้ร้องไม่โต้แย้ง จนศาลได้ออกคำบังคับผู้ร้องให้ชำระหนี้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ผู้ร้องจึงมีหน้าที่ต้องชำระและจะมาขออนุญาตปฏิเสธหนี้ต่อศาลไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธหนี้ในคดีล้มละลาย: ต้องปฏิเสธภายใน 14 วัน มิฉะนั้นถือว่ายอมรับหนี้
มาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 เป็นบทบัญญัติให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ใช้สิทธิเรียกร้องแก่บุคคลที่เป็นลูกหนี้ของผู้ล้มละลายโดยเฉพาะ ผู้ที่ได้รับหนังสือทวงหนี้จะโต้แย้งหรือคัดค้านประการใด ก็ต้องร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด 14 วัน และถ้าตนได้รับความเสียหายจากคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลในกำหนด 14 วันได้ แต่เมื่อผู้ร้องไม่โต้แย้ง จนศาลได้ออกคำบังคับผู้ร้องให้ชำระหนี้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ผู้ร้องจึงมีหน้าที่ต้องชำระและจะมาขออนุญาตปฏิเสธหนี้ต่อศาลไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์วันที่ได้รับหนังสือแจ้งหนี้ในคดีล้มละลาย เพื่อใช้สิทธิปฏิเสธหนี้ภายใน 14 วัน
แม้จะถือว่าหนังสือของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีการส่งโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 76 แล้วก็ตาม ก็ยังถือเป็นเด็ดขาดไม่ได้ว่าผู้ร้องได้รับในวันส่ง ผู้ร้องอาจนำสืบความจริงว่าตนได้รับจริงๆ เมื่อใด เพื่อแก้ตัวว่าได้ตอบปฏิเสธหนี้มาภายใน14 วัน ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 119 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบหลักฐานการกู้ยืมเงิน: การนำสืบสัญญาภายหลังการปฏิเสธหนี้ ไม่เป็นการสืบนอกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้ยืมเงินไป จำเลยต่อสู้ว่าไม่เคยกู้และรับเงินไปจากโจทก์ เคยแต่รับเงินล่วงหน้าค่าจ้างจากโจทก์ไปเช่นนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบว่าจำเลยรับเงินล่วงหน้าไปแล้ว ต่อมาได้มาทำหนังสือสัญญากู้ให้ไว้แก่โจทก์ได้ ไม่เป็นการสืบนอกฟ้อง นอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธหนี้สินโดยอ้างเหตุผลชัดเจน ถือเป็นการให้การที่มีเหตุ ไม่ใช่การปฏิเสธลอยๆ ทำให้จำเลยมีสิทธิสืบพยาน
โจทก์ฟ้องเรียกค่านมสดที่ค้างชำระจากจำเลยโดยอ้างว่าจำเลยเป็นผู้ตกลงซื้อนมมาจากโจทก์ไปแล้ว ยังค้างชำระเงินค่านมอยู่จำนวนหนึ่ง จำเลยให้การปฏิเสธว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นความจริง จำเลยไม่เคยซื้อนมโคจากโจทก์ ไม่ว่าโดยตกลงกันอย่างไร แม้เพียงเสนอทาบทามถามซื้อก็ไม่เคยเลยและว่าไม่มีหนี้สินเกี่ยวค้างดังที่โจทก์ฟ้องเรียกด้วย ดังนี้เป็นคำให้การที่อ้างเหตุไว้แล้วไม่ใช่แฏิเสธลอย ๆ ฉะนั้นจำเลยจึงมีสิทธินำพยานสืบตามที่ให้การไว้ได้